:::     :::

เสียงโห่ใน เบร์นาเบว

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แกเร็ธ เบล รู้สึกเจ็บปวดและไม่เข้าใจว่าทำไมแฟนบอลใน เบร์นาเบว ถึงโห่ใส่นักเตะตัวเอง มาทำความเข้าใจกับพฤติกรรมนี้ของแฟนมาดริดกันเถอะ
"เสียงโห่ใน เบร์นาเบว"

  ไม่กี่วันก่อน มีบทสัมภาษณ์ของ แกเร็ธ เบล ออกมา มีตอนนีงพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับแฟนๆใน เบร์นาเบว ที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก หัวหอกทีมชาติเวลส์ยกเรื่อง 'การโห่' ขึ้นมาเป็นประเด็น เขาเล่าว่า “เสียงโห่ทำให้คุณรู้สึกแย่ คุณจะเสียความมั่นใจ ยิ่งถ้าคุณพลาดโอกาสทำประตู แล้วโดนแฟนตัวเองโห่ใส่ ปากประตูจะยิ่งดูเล็กลงกว่าเดิม" "ผมมีคน 80,000 คนที่โห่ใส่ภายใน เบร์นาเบว มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย , ครั้งแรกที่ผมได้ยิน ผมถึงกับถามตัวเองว่า นี่มันอะไรวะเนี่ย ?”

...................................

ทำไมแฟนมาดริดถึงโห่ เบล ?  เพราะพวกเขาเกลียด เบล ยั้งงั้นหรือ ? 

มุมมองส่วนตัว ผมว่ามันไม่แย่ถึงขนาดนั้น เอาจริงๆ ระหว่าง เบล กับแฟนๆ มันไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่าแข้งคนอื่นๆของ เรอัล มาดริด...มันก็แค่ความสัมพันธ์ฉันท์ "นักบอล-มาดริดิสต้า" ทั่วไป  

จากประสบการณ์ที่เห็น เบล มาตั้งแต่วันเปิดตัวต่อหน้าสาวกมาดริดิสต้า 25,000 คนในเบร์นาเบว กระทั่งตอนนี้ ผมขอยืนยันว่าเสียงโห่ใน เบร์นาเบว ไม่ได้ถูกสงวนไว้สำหรับ แกเร็ธ เบล เพียงคนเดียว...ไม่ใช่แบบนั้นหรอก

'เสียงโห่ใน เบร์นาเบว' นั้น มีมาช้านาน เป็นของคู่กัน จนสามารถให้คำจำกัดความได้ว่า 'วัฒนธรรมการโห่' 

พฤติกรรมนี้ของแฟนบอลมาดริด ส่วนนึงมาจากพื้นฐานนิสัยของคนสเปนที่เป็นประเภท 'expressive' ชอบแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา "รักก็บอก-เกลียดก็แสดงออก" บางครั้งพร่ำบ่นดูเหมือนคนขี้โวยวาย  ประกอบกับฐานะของพวกเขาที่ถูกวางเอาไว้แตกต่างจากแฟนบอลทีมอื่นๆทั่วไป

ควรทราบว่าระบบการบริหารงานของ เรอัล มาดริด คือ 1 ใน 4 ของ ลา ลีกา ที่มีความเฉพาะตัวสูง ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของบริษัท  เป็นระบบการบริหารที่ไม่มีใครคนใดคนนึงเป็นเจ้าของ คล้ายคลึงกับประเทศในระบอบประชาธิปไตยประเทศนึง

ประชาชน คือ โซซิโอ (socio) หรือ สมาชิกสโมสร 

โซซิโอ ที่มีคุณสมบัติถึงพร้อม (นับอายุการเป็นสมาชิก) ก็จะได้รับเลือกให้เข้าไปมีปากมีเสียงในสภาของสโมสร สามารถซักฟอกประธาน และบอร์ดบริหาร เหมือนเช่น ส.ส. อภิปราย รัฐมนตรี 

ส่วนประธานสโมสรนั้นเหมือนนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งลงคะแนนของโซซิโอ

แฟนมาดริด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโซซิโอของสโมสรได้รับการบอกกล่าวตามหลักการว่าพวกเขามีฐานะเป็น 'เจ้าของสโมสร' เฉกเช่นคำพูดที่ในโลกแห่งประชาธิปไตยที่ว่า “ประชาชนคือเจ้าของประเทศ"

เมื่อแฟนของ มาดริด (socio) รู้สึกว่าตัวเองคือหนึ่งในเจ้าของสโมสร เช่นนี้แล้วพวกจึงมองว่าตัวเองมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะต่อว่า หรือ โห่ใส่นักฟุตบอลตัวเองได้ 

มันก็เหมือนเจ้านายดุด่าลูกน้องนั่นแหละ จริงอยู่ว่าเจ้านายมีหลายประเภท เจ้านายบางคนก็ไม่ทำอะไรแบบนี้  ไม่ใช่ทุกคนที่ดุด่าลูกน้องตัวเอง แต่โชคร้ายหน่อยที่  เบร์นาเบว เป็นเจ้านายประเภทปากคอเราะร้าย

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างหน้า 'วัฒนธรรมการโห่' ของแฟนมาดริด มีมาช้านาน นานก่อนที่ เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว จะสร้างขึ้นเสียอีก และมันไม่มีข้อยกเว้น ต่อให้เป็นฮีโร่ หรือ ตำนาน

อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ นำ เรอัล มาดริด กวาดแชมป์ยุโรป 5 สมัยติดต่อกัน แต่ทำพลาดเพียงแค่ครั้งเดียว กลายเป็นโดนโห่อย่างหนักชนิดที่ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์

ก่อนเทศกาลคริสมาสต์ ปี 1962 ดิ สเตฟาโน่ ไปรับงานโฆษณาถุงน่องยี่ห้อ Berkshire ที่ต้องการความแปลกใหม่ และชื่อเสียงของเขามากระตุ้นความสนใจของสาวๆ

บนหน้า 12 ของหนังสือพิมพ์มาร์ก้าฉบับวันที่ 16 ธันวาคม ปรากฏโฆษณาถุงน่องยี่ห้อ Berkshire เป็นภาพ ดิ สเตฟาโน่ เสื้อแข่งเรอัล มาดริด ยืนเท้าสะเอว ส่วนท่อนล่างตัดต่อเป็นท่อนขาผู้หญิงสวมถุงน่องใส่มินิสเกิ๊ต พร้อมข้อความเชิญชวนว่า ”ถ้าผมเป็นแฟนผม ผมจะเลือกถุงน่องเบิร์กเชียร์

สเปนในยุค 60 ยังรับอะไรแบบนี้ไม่ได้ ทันทีที่แฟนมาดริดเห็นโฆษณาตัวนี้ พวกเขาโกรธจนควันออกหู !!!

มาดริดิสต้ามองว่าเสื้อเรอัล มาดริด นั้นเปี่ยมด้วยเกียรติยศ ไม่สมควรเอาเรียวขาผู้หญิงและถุงน่องมาปะปน อีกทั้ง ดิ สเตฟานโน่ ก็ยังเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของทีม นี่เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง

ในเกม เรอัล มาดริด พบกับ แอธ.บิลเบา ที่ ชามาร์ติน (สนามเก่ามาดริด) ทันทีที่นักเตะมาดริดเดินลงสู่สนาม เสียงโห่ก็ดังกึกก้อง มาดริดิสต้าผู้โกรธแค้นไม่ลดราวาศอกให้แม้แต่นิดเดียว พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาโห่ ดิ สเตฟาโน่ ราวกับว่าชายผู้นี้ไม่เคยมีความดีความชอบมาก่อน

..........................

นอกจาก ดิ สเตฟาโน่ แล้ว ยอดตำนานหลายๆคนของ เรอัล มาดริด ล้วนไม่เคยมีใครรอดพ้นคมปากของ มาดริดิสต้า ไปได้ ไม่ว่าจะเป็น มานูเอล บาสเกซ โคตรมิดฟิลด์จอมเทคนิค,มาร์ติน บาสเกซ ยอดเพลย์เมกเกอร์ กับ มิเชล มิดฟิลด์ในยุค 5 พญาแร้ง หรือปัจจุบันขึ้นมาหน่อยอย่าง ซีเนดีน ซีดาน, กูตี,อีเกร์ กาซียาส,ดิ มาเรีย และแน่นอนที่สุด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 

ครับ ดูจากรายชื่อนักเตะเหล่านี้ซิ โคตรบอลทั้งนั้น ยิ่งใครที่ทันดู ซีดาน เล่น คุณแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยใช่มั๊ยว่า คลาสบอลระดับเขาโดนโห่ว่าเล่นห่วยได้ยังไง  แต่มันเคยเกิดขึ้นแล้ว และก็สถานที่เดียวกับ เบล นั่นแหละ..ซานติอาโก้ เบร์นาเบว  

 ...........................  

ไม่ต้องเสียเวลาค้นคว้าให้วุ่นวาย ก็สรุปเองได้ง่ายๆว่าไม่มีนักเตะคนไหนหรอกที่ชอบเสียงโห่จากแฟนตัวเอง 

ว่าตามหลักการ ไม่แปลกที่ เบล จะรู้สึกหงุดหงิด ยิ่งเอาไปเทียบกับวัฒนธรรมการเชียร์บอลที่อังกฤษซึ่งเขาซึมซับมาตั้งแต่เด็กก็ยิ่งไม่เข้าใจ

กับฟุตบอลอังกฤษ มันเกิดขึ้นน้อยมากที่กองเชียร์จะด่า หรือ โห่ใส่ทีมตัวเอง แฟนหลายๆทีม ไม่ว่าจะเล่นห่วยยังก็ยังก้มหน้าก้มตาร้องเพลงต่อไป แพ้ก็ยังปรบมือให้ ซึ่งพวกนี้จะถูกเรียก และ เรียกตัวเองว่า 'supporter' มองว่าอยู่ในระดับที่เหนือกว่า 'กองเชียร์' เพราะพวกเขาพร้อมหนุนหลังทีมในทุกสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลคือ วัฒนธรรม และ วัฒนธรรมคือสิ่งที่คนสร้างขึ้น เป็นวิถีชีวิตของหมู่คณะ เป็นพฤติกรรมและสิ่งที่คนหมู่มากสร้างขึ้นจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

ต่างคนต่างถิ่น ย่อมไม่เหมือนกัน ซึ่งจากคำอธิบายตรงนี้ นอกจากจะเข้าใจ เบล ในเบื้องต้นแล้ว ก็ให้รู้สึกไม่เข้าใจในคราเดียวกันว่า "ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ตลอดระยะเวลา 7 ปี เขาไม่ได้เรียนรู้พฤติกรรมของแฟนใน เบร์นาเบว เลยหรืออย่างไร ?" 

'เสียงโห่'คือสิ่งที่ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาเป็นนักเตะเรอัล มาดริด แล้ว จะต้องยอมรับให้ได้ เพราะว่ามันคือ nature & culture ของแฟน 

สโมสรมีความคาดหวังสูงลิบ แฟนๆ มีความอดทนต่ำต่ออะไรก็ตามที่ไม่ลงเอยด้วยชัยชนะและตำแหน่งแชมป์ 

สำหรับ มาดริดิสต้า แล้ว ฟุตบอลไม่มีความทรงจำ ต่อให้สัปดาห์ก่อนคุณเพิ่งจะเอาบัลลงดอร์มาโชว์ในสนาม หากวันนี้เล่นห่วย คุณก็โดนโห่ได้ง่ายๆ  

มีคำแนะนำจากสื่อดังของมาดริดว่า จงอย่าพยายามทำความเข้าใจกับเสียงโห่ใน เบร์นาเบว แต่จงเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน เสียงที่ดังขึ้นไม่ใช่เพราะคุณสมควรได้รับมัน แต่เพราะ เบร์นาเบว ก็เป็นเช่นนี้ 

จงก้มหน้ายอมรับและแปลงเสียงโห่ให้เป็นแรงกระตุ้น นี่คือสิ่งที่นักเตะมาดริดทุกคนต้องเรียนรู้ ยอมรับ และ เข้าใจ

พูดมาขนาดนี้แล้ว ก็จงทำใจเสียเถิดนะ เบล การโห่แม้มันไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่นี่คือชีวิตจริง และหลักคิดง่ายๆสำหรับเรื่องนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงตัวเราแค่คนเดียวง่ายกว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมคน 85,000 คนในสนามมากมายนัก 

เจมส์ ลา ลีกา


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด