:::     :::

เส้นทางลูกหนังกับ อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,744
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สามารถแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว

สำหรับ อัลฟอนโซ่ เดวี่ส์  ดาวรุ่งวัย 19 ปี จากสโมสรบาเยิร์น มิวนิค จากจุดเด่นกับความสามารถที่ยอดเยี่ยม ในด้านความเร็ว และการลงเล่นได้ทั้งตำแหน่งแบ็คซ้าย, วิงแบ็ค และปีก ทำให้เขาถูกจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการพาทัพเสือใต้เก็บเกี่ยวความสำเร็จ ถึงขนาดที่ตำนานแบ็คซ้ายของโลกลูกหนังอย่างมาร์เซโล่ ยังเอ่ยปากด้วยความชื่นชม


นอกจากการคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา และเดเอฟเบ โพคาล ในฤดูกาลนี้ เดวี่ส์ ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญ ในการพาบาเยิร์น มิวนิค ผ่านเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ พร้อมกับลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ของสโมสรด้วย ช่วงนี้ เราไปดูเส้นทาง และความเป็นมาเป็นไปของเขากันหน่อยดีกว่า

เดวี่ส์ ลืมตาดูโลก ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2000 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศไลบีเรีย เกิดสงครามกลางเมืองครั้งที่สอง ที่กินระยะเวลายาวนาน ทำให้หลายครอบครัวต่างต้องหนีตาย และเอาตัวรอด แน่นอนว่า ครอบครัวของเดวี่ส์ คือหนึ่งในนั้น พวกเขาตัดสินใจอพยพไปที่ "บูดูบูรัม" ค่ายผู้ลี้ภัยที่ตั้งอยู่ในประเทศกาน่า หลังจากนั้น เดวี่ส์ ก็เกิดขึ้นมาบนดินแดนแห่งนี้


เดวี่ส์ ใช้ชีวิตอยู่ภายในค่ายลี้ภัย จนถึงอายุราว 5 ขวบ โดยคุณแม่ของเขา ออกมาเปิดเผยว่า ชีวิตความเป็นอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ไม่ได้สะดวกสบายมากนัก พวกเขาไม่มีอาหารดีๆ และเสื้อผ้าใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม มันก็คุ้มค่ามากแล้ว เพราะพวกเขาไม่ต้องไปเสี่ยงตายที่บ้านเกิดที่แท้จริงอย่างไลบีเรีย จากนั้น พวกเขาทำการตัดสินใจครั้งสำคัญ ด้วยการทำเรื่องอพยพต่อไปยังประเทศแคนาดา สถานที่ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอดกาล



เดวี่ส์ ติดตามครอบครัวไปอยู่ในแถบเอ็ดมอนตัน ก่อนเริ่มต้นเล่นฟุตบอลเยาวชนกับสโมสรในระดับท้องถิ่น ก่อนพัฒนาฝีเท้าไปจนเล่นระดับอาชีพกับแวนคูเวอร์ ไวท์แค็ปส์สโมสรที่โลดแล่นในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ พร้อมกันนี้ เขายังได้รับสัญชาติเป็นชาวแคนาดา อีกด้วย


การเปิดโอกาสครั้งนั้น ทำให้เขาสามารถสร้างสถิติ กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่สามารถก่าวไปติดทีม และยิงประตูในนามทีมชาติแคนาดา ชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี จนกระทั่งปี 2018 เขาถูกบาเยิร์น มิวนิค สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน คว้าตัวไปร่วมทีม และสามารถทะลุสู่ทีมชุดใหญ่อย่างรวดเร็ว

เรื่องราวที่น่าสนใจคือ ก่อนที่เดวี่ส์ จะตอบรับเข้าร่วมทีมเสือใต้เขาถูกหลายทีมจากอังกฤษ ทาบทามอยากให้ไปค้าแข้งด้วย ทว่าเป็นยอดทีมจากเยอรมัน ที่แสดงความจริงใจออกมา ผิดกับทีมจากเกาะอังกฤษ ที่อยากให้เขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมเยาวชน หรือส่งออกไปยืมตัวก่อน 


บาเยิร์น มิวนิค ติดต่อเดวี่ส์ ด้วยการส่งตัวแทนอย่างมาร์โก เนปเป้ (หัวหน้าแมวมอง) รวมไปถึงรายของฮาซาน ซาลิฮามิดซิช (ผู้อำนวยการกีฬา) ไปเจรจา ผ่านการนำเสนอด้วยโปรแกรมพาวเวอร์ พอยท์ ที่แสดงรายละเอียดอย่างชัดเจนโดยระบุว่า เดวี่ส์ จะได้ลงเล่นตำแหน่งไหนในสนาม และแผนการในระยะยาวของเขากับทีมด้วย 


อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่เดวี่ส์ เลือกมาอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค เนื่องจากการเริ่มปลดระวางของนักเตะแถบริมเส้นอย่าง ฟร้อง ริเบรี่ และอาร์เยน ร็อบเบน พร้อมกับโอกาสลงสนาม 80 เปอร์เซนต์ของจำนวนเกมทั้งหมดต่อ 1 ฤดูกาล ประมาณ 50 เกมด้วยกัน พูดง่ายๆคือ บาเยิร์น มิวนิค มีแผนการที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาในอนาคต


เดวี่ส์ ย้อนความทรงจำว่าครั้งแรกที่ผมย้ายมาบาเยิร์น มิวนิค ผมไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย เมื่อผมเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว คนแรกที่ผมได้พบคืออาร์เยน ร็อบเบน ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเดินตรงเข้ามาหาผม และแนะนำตัว !! ผมคิดในใจว่า นักเตะซูเปอร์สตาร์อย่างเขา ไม่ต้องแนะนำตัวเองกับผมด้วยซ้ำไป"

แน่นอนว่า ผลงานส่วนตัวของเขาที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก เกิดขึ้นในเกมที่ถล่มเอาชนะบาร์เซโลน่า 8-2 ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ โดยเขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และที่สำคัญ มันเป็นการได้เจอกับไอดอลในวัยเด็กของตัวเองอย่างลิโอเนล เมสซี่ อีกด้วย 


เดวี่ส์ กล่าวต่อว่าย้อนเวลากลับไป สมัยที่ผมยังคงอยู่ที่โรงเรียนสอนฟุตบอล ทุกวันอังคาร หรือวันพุธ เวลาประมาณเที่ยง ตามเวลาท้องถิ่นที่เอ็ดมอนตัน พวกเราจะมารวมตัวกันที่ห้องเรียน เพื่อเฝ้าชมการแข่งขันฟุตบอลรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เราต่างมีทีมที่อยากเชียร์ให้ได้รับชัยชนะ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากเลยล่ะ


จนมาถึงตอนนี้ ผมได้มีโอกาสมาลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก !! แถมยังได้เผชิญหน้ากับหนึ่งในนักเตะคนโปรดของตัวเองอย่างลิโอเนล เมสซี่ อีกต่างหาก ผมอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลย ผมมองว่า มันเป็นเหมือนกับความฝันที่กลายมาเป็นความจริง


วันก่อน คุณแม่ของผมเพิ่งโทรมาหา จากนั้นคุณพ่อก็ขอพูดสาย ท่านแซวผมว่า -ลูกจะได้ลงเล่นกับไอดอลของตัวเองแล้วนะ- ผมตอบกลับไปว่า -ใช่แล้วครับ- จากนั้น พวกเราก็เริ่มหัวเราะออกมาผ่านทางโทรศัพท์ เพราะเราแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ครอบครัวรู้ดีว่า ผมเฝ้ามองเมสซี่ ตั้งแต่ที่ผมยังเป็นเด็ก ซึ่งตอนนี้ ผมได้มาเผชิญหน้ากับเขาแล้ว มันดีมากเลยเดวี่ส์ ทิ้งท้าย

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด