:::     :::

บททดสอบ

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563 คอลัมน์ สิงห์สนามจริง โดย ยักษ์เดนส์
1,918
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แค่เพียงสัปดาห์ที่สองของการแข่งขัน เชลซี ก็เจอบททดสอบครั้งสำคัญด้วยการเจอกับทีมแชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล

อันที่จริงมันอาจจะไม่ได้เป็นที่จับตามากมายขนาดนี้ หากทีมไม่ได้ทุ่มทุนมหาศาลเสริมทัพด้วยขุมกำลังระดับสูง จากทีมที่ลุ้นแค่พื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้พวกเขาถูกดันขึ้นมาว่าต้องลุ้นแชมป์ไปโดยปริยาย

ถึงแม้ว่า แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะไม่อยากโยนความกดดันให้ลูกทีมด้วยการบอกว่าทีมยังไม่ถึงขั้นนั้นก็ตามที

แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟนบอลจะคิดแบบนั้นกับเม็ดเงินระดับ 200 ล้านปอนด์ที่ทุ่มลงไป

        

ชัยชนะเหนือ ไบรท์ตัน 3-1 ในเกมแรกหากดูแต่ผลการแข่งขันอาจจะดูดี แต่ในภาพรวมแล้วยังถือว่าทีมยังดูเล่นไม่เข้าขากันเท่าไร

ทิโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นสองแข้งใหม่ที่ได้ลง ส่วนคนที่เหลืออย่าง ติอาโก้ ซิลวา, เบน ชิลเวลล์ และ ฮาคิม ซิเย็ค ยังเจ็บ มองในแง่ดีก็ว่าดีที่ว่านักเตะค่อยๆปรับตัว ไม่ใช่ส่งลงทีเดียวพร้อมกันหมด ค่อยผสานเข้าไปทีละนิด

รวมถึงในเกมวันอาทิตย์นี้ก็ดูท่าว่าอาจจะยังไม่พร้อมโดยที่ ชิลเวลล์ ยังเจ็บ ส่วนทั้ง ซิลวา และ ซิเย็ค ยังต้องใช้เวลาเรียกความฟิตอยู่บ้าง

แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะหากทีมต้องการกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้ง พวกเขาจำเป็นต้องเอาชนะ ลิเวอร์พูล ให้ได้ ยิ่งก่อนหน้านี้เคยมีปากเสียงกันมาด้วย

เพราะมันคือตัวชี้วัดว่าพวกเขาดีพอหรือเปล่าสำหรับการก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงในซีซั่นนี้

สถิติเจอกันที่ผ่านมา


เชลซี เก็บชัยชนะได้แค่เกมเดียวเท่านั้นจาก 11 เกมหลังที่เจอกับ ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก โดยเสมอ 5 แพ้ 5 โดยเกิดขึ้นในเกมที่ทีมชนะ 1-0 เมื่อปี 2018 จากประตูชัยของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์

ถึงกระนั้นหลังจากที่บุกชนะที่สแตมฟอร์ด บริดจ์แค่นัดเดียวจาก 16 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก, "หงส์แดง" เอาชนะในการมาเยือนที่นี่ถึง 6 จาก 12 เกมหลังในทุกรายการเลย โดยเฉพาะฤดูกาลที่แล้วเอาชนะได้ทั้งเหย้า-เยือน ยิงใส่ "สิงห์บลูส์" ได้ถึง 7 ลูก เสีย 4 ลูก

ยังดีที่ทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยังคว้าชัยได้ที่นี่ 2-0 ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 5 ทำให้ไม่แพ้รวดทั้ง 3 เกมไป

แต่ก็ยังมีเรื่องดีอยู่บ้างคือ เชลซี ยิงไม่ได้แค่นัดเดียวเท่านั้นจาก 23 เกมหลังที่เจอกับ ลิเวอร์พูล คือการแพ้ 0-2 ที่แอนฟิลด์ในปี 2018/19

ชัยชนะที่มากที่สุดในการเจอกัน


เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 6-1 ปี 1937/38 สมัยดิวิชั่น 1 เดิม

ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 6-0 ปี 1934/35 สมัยดิวิชั่น 1 เดิม

ชัยชนะที่เยอะที่สุดของ ลิเวอร์พูล ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ คือสกอร์ 5-2 ในปี 1989/90 สมัยดิวิชั่น 1 เดิม

เจอกันที่นี่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

เชลซี 1-2 ลิเวอร์พูล

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เชลซี (4-3-3) : เกปา, อัซปิลิกวยต้า, คริสเตนเซ่น (ซูม่า น.42), โทโมรี่, เอแมร์ซอน (อลอนโซ่ น.15),ก็องเต้, จอร์จินโญ่, โควาซิช, วิลเลี่ยน, อบราฮัม (บาตชูอายี่), เมาท์

ใบเหลือง : โทโมรี่, โควาซิช, อลอนโซ่

ผู้ทำประตู : ก็องเต้ น.71


ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อาเดรียน, อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน, เฮนเดอร์สัน (ลัลลาน่า น.84), ฟาบินโญ่, ไวนัลดุม, ซาลาห์ (โกเมซ น.90+2), ฟีร์มิโน่, มาเน่ (มิลเนอร์ .71)

ใบเหลือง :  อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่, มิลเนอร์

ผู้ทำประตู : อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น.14, ฟีร์มิโน่ น.30

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

สถิติของเชลซี


"สิงห์บลูส์" คว้าชัยชนะในบ้านมาแล้ว 6 เกมติดต่อกันนับตั้งแต่แพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเก็บคลีนชีตได้ 5 เกม (รวมเกมเจอ ลิเวอร์พูล ในเอฟเอ คัพ) และเสียประตูให้ เควิน เดอ บรอยน์ คนเดียวเท่านั้น

หากเกมนี้ทีมไม่เสียประตูจะเป็นการรักษาคลีนชีตได้ 4 เกมติดต่อกันในบ้านเกมพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2018

นอกจากนี้ เชลซี ไม่แพ้เกมลีกในบ้านมาแล้ว 13 เกมติดต่อกันและชนะมาแล้ว 3 เกมติด

สถิติการลงสนามเกมแรกของฤดูกาลในบ้านเกมลีกของ เชลซี ชนะมา 14 จาก 17 เกมที่ผ่านมา และแพ้แค่นัดเดียว โดยแพ้ เบิร์นลี่ย์ เมื่อปี 2017

แต่ ลิเวอร์พูล เป็น 1 ใน 3 ทีมที่เอาชนะพวกเขาได้ทั้งเหย้า-เยือน โดยอีกสองทีมคือ เวสต์แฮม และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

รีซ เจมส์ เป็นแข้งอายุ 21 ปีหรือน้อยกว่าที่พังประตูในพรีเมียร์ลีกให้ เชลซี ได้นับตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาลที่แล้วร่วมกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, เมสัน เมาท์, คริสเตียน พูลิซิช, ฟิคาโย่ โทโมรี่ และ แทมมี่ อบราฮัม

เกร็ด เชลซี


จอร์จินโญ่ จะลงเล่นเกมที่ 100 รวมทุกรายการให้ เชลซี หากลงเล่นเกมนี้

กับชัยชนะในเกมกับ ไบรท์ตัน ทำให้ เชลซี เป็นทีมที่ 3 ที่เก็บแต้มในพรีเมียร์ลีกทะลุ 2,000 แต้ม ต่อจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2,234) และ อาร์เซน่อล (2,014)

ชัยชนะในเกมล่าสุดยังเป็นชัยชนะเกมที่ 600 ของทีมนับตั้งแต่ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2003 และเป็นชัยชนะเกมที่ 400 ของทีมด้วย

มาร์กอส อลอนโซ่ ลงสนามเกมที่ 150 เกมให้กับสโมสรในเกมล่าสุด

เกร็ด ลิเวอร์พูล


แม้ว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะชนะเกมลีกมา 3 นัดติดแต่ก็เสียไปถึง 7 ลูก และเสียไป 9 ประตูจาก 4 เกมหลังทุกรายการ

"หงส์แดง" เสียประตูมาแล้ว 6 เกมติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูล ยิงจุดโทษเข้าทั้ง 16 ลูกที่ทีมได้ทุกรายการ

หนสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล แพ้ในเกมแรกที่ออกไปเยือนของศึกพรีเมียร์ลีกต้องย้อนไปเมื่อปี 2014/15 โดยแพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-3 ซึ่งทีมมีสถิติชนะ 4 เสมอ 1 จาก 5 ปีที่ผ่านมา

หนล่าสุดที่ทีมแชมป์ลีกแพ้นัดแรกของการออกไปเยือนคือ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่แพ้ ฮัลล์ ซิตี้ 1-2 เมื่อปี 2016/17

ลิเวอร์พูล แพ้ในสองเกมหลังที่ไปเยือนในพรีเมียร์ลีก (แพ้ แมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล) โดยหนล่าสุดที่พวกเขาแพ้นอกบ้านสามเกมติดต้องย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2010 (แพ้ 4 เกมติด)

ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่

วีเออาร์ : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์


ฤดูกาลที่แล้ว พอล เทียร์นี่ย์ ตัดสินเกมของ เชลซี ทั้งหมด 3 นัด แบ่งเป็นชนะ 2 แพ้ 1

นัดแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมโดย เชลซี บุกชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 4-1 ตามด้วยเกมคาราบาว คัพที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2

หนล่าสุดที่ พอล เทียร์นี่ย์ ตัดสินเกมของ เชลซี เกิดขึ้นในเกมที่บุกเยือนวิลล่า พาร์คของ แอสตัน วิลล่า โดยทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด บุกชนะด้วยสกอร์ 2-1

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด