:::     :::

เอาคืน ปืนใหญ่

วันอังคารที่ 29 กันยายน 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
4,300
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ปืนใหญ่ยุคใหม่ภายใต้การทำทีมของมิเกล อาร์เตต้า อาจจะถือเป็นของแสลงของลิเวอร์พูลในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ได้เหมือนกันนะครับ เพราะที่เจอกันมา 2 นัดล่าสุดทางฝ่ายปืนโตก็เป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะทุกครั้งไป เพียงแต่ว่า 2 ครั้งล่าสุดที่ว่านั้นเป็นเกมที่ดูมีความซีเรียสที่"เบาบาง" กว่าปกติไปซักนิดนึง เพราะเกมนึงเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์มาได้แล้ว อีกเกมหนึ่งเป็นเกมชิงโลห์การกุศล แต่เกมนี้ล่ะครับที่จะวัดกันจริงๆ เสียที ว่าปืนใหญ่ของอาร์เตต้านั้นเป็น"ของแสลง" ของหงส์แดงจริงๆ หรือเปล่า


ดุดัน (เกินไป)


          ลิเวอร์พูลนั้นได้รับข่าวดีเมื่ออลีสซง เบ็คเกอร์ผ่านความฟิตและได้ลงเฝ้าเสาสร้างความอุ่นใจให้พวกเขาตั้งแต่เริ่มเกม พวกเขามุ่งมั่นและตั้งใจเต็มที่ ที่จะเอาชนะอาร์เซน่อลในนัดนี้ พวกเขาใช้ความดุดันเข้ามาเล่นงานฝั่งนักเตะปืนโตตั้งแต่เริ่มเกม ไล่บีบไล่เพรสซิ่งแทบทุกจังหวะ โดยเฉพาะซาดิโอ มาเน่ที่ไม่รู้ไปคึกอะไรมาจากไหนไล่เตะ ไล่ทำฟาวล์ผู้เล่นอาร์เซน่อลรัวๆ และมีจังหวะนึงที่เขาบังบอลโดยกางศอกขึ้นมา แล้วศอกไปโดนหน้าคีแรน เทียร์นี่ย์เต็มๆ ซึ่งถ้าว่ากันตามความจริงแล้วจังหวะแบบนี้ถ้าผู้ตัดสินเคร่งๆ อาจจะให้ใบแดงได้เลย แต่อาจจะเป็นเพราะนี่เป็นแค่จังหวะที่เพิ่งเริ่มเกมแค่นาทีที่ 2 เท่านั้น ทำให้กรรมการ เคร็ก พอว์สัน ยังใจดีให้แค่ใบเหลืองกับมาเน่ ซึ่งถ้าจังหวะนี้เปลี่ยนเป็นใบแดง ก็ไม่รู้ว่าผลของเกมนี้จะยังออกมาเหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ถือว่านี่คือ ความโชคดีของลิเวอร์พูลแล้วจริงๆ


อาร์เตต้า อินเทรนด์


          เป็นทีมที่สามติดต่อกันแล้วครับ ที่ใช้แผนการเล่นประมาณนี้ นั่นคือ การใช้การต่อบอลตั้งแต่ในกรอบเขตโทษของแดนตัวเองไปเลย แล้วใช้วิธีกระจายผู้เล่นแนวรับให้กว้างที่สุด เป็นการถ่างให้การเพรสซิ่งของลิเวอร์พูลทำได้ยากและเสียทั้งเวลาและพลกำลังในการเพรสซิ่งมากยิ่งขึ้น และอาศัยช่องว่างในสนามที่เกิดจากการกระจายตัวฉีกกว้างของผู้เล่นลิเวอร์พูล ส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมต่อบอล หรือว่าถ้าเกิดมีช่องว่างในแนวลึกเกิดขึ้นก็ใช้การวางยาวให้กองหน้าไปวัดกับกองหลังกันไปเลย เพราะพอลิเวอร์พูลต้องดันไปเพรสซิ่งถึงสุดแดนของคู่ต่อสู้แล้ว แดนหลังของพวกเขาก็ต้องขยับขึ้นมาให้สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งแผนการเล่นแบบนี้ จะบอกว่าได้ผลหรือเปล่า ก็ดูว่าจะได้ผลพอสมควรเหมือนกัน ในเกมนี้ เพราะประตูแรกที่พลพรรคปืนใหญ่ได้มาก็มาจากการเล่นแบบนี้เช่นกัน โดยการเล่นสวรกลับของ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ แทงออกซ้ายให้เมตแลนด์-ไนล์ส เปิดเข้าเขตโทษ  จริงแล้วจังหวะนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน สกัดพลาดเตะผิดเหลี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อไปเข้าทาง ลากาแซตต์ หมุนตัวตวัดตามน้ำแบบแป็กๆ เช่นกัน แต่ดันกลายเป็นดีให้บอลกข้าม อลีสซง เบ็คเกอร์ ให้ปืนใหญ่ขึ้นนำไปเสียอย่างนั้น ถึงตอนนี้แฟนหงส์คงเริ่มคิดในใจว่า “----แล้ว” (เติมคำในช่องว่างเองนะครับ ฮ่าๆ )  แน่นอน ....



เอาคืนทบต้น ทบดอก

    สิ่งนึงที่ลิเวอร์พูลนั้นแข็งแกร่งกว่าทุกทีมในตอนนี้ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด อาจจะไม่ใช่เรื่องฝีเท้าครับ แต่เป็นความตั้งใจ  มุ่งมั่นและทัศนคติของพวกเขานี่แหละที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ เกมนี้ก็เป็นอีกเกมที่พิสูจน์เรื่องตรงนี้ได้อย่างดี หลังจากที่พวกเขาโดนขึ้นนำไปอย่างโชคร้าย แต่พวกเขาก็ตั้งใจเล่นและเอาคืนได้อย่างรวดเร็วครับ จากจังหวะที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นจากการที่เหมือนว่า เกอิต้าจะโดนทำฟาวล์ตัดเกมจากชาก้า แต่ซาล่าห์นั้นเห็นว่าจังหวะนั้นได้เปรียบอยู่ก็ไม่ได้หยุดเล่นเพื่อเอาฟาวล์แต่อย่างใด บุกตะลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษเผาเครื่องเทียร์นี่ย์และยิงเข้าไปอย่างเต็มแรงจนทำให้เลโน่รับไม่อยู่และปัดมาเข้าทางให้มาเน่แปเข้าไปง่ายๆ เป็นประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นาน เหมือนว่าเป็นทางฝั่งอาร์เซน่อลเอง ที่ตั้งตัวไม่ติดและกำลังอยู่ในช่วงตกตะลึงที่โดนตีเสมออย่างรวดเร็วขนาดนี้ ทำให้พวกเขาขาดสมาธิและโดนลิเวอร์พูลกดดันต่อเนื่องจนเสียประตูเพิ่ม จากจังหวะที่ลิเวอร์พูลปูพรมถล่มเข้าใส่อย่างต่อเนื่องและเป็นเทรนท์ อาโนลด์ที่ตาคมกริบเห็นคู่ซี้อย่างโรเบิร์ตสันเติมเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก็ทำการครอสเข้าไปให้คู่ซี้ซัดขึ้นนำอย่างสวยงาม ทำให้โรเบิร์ตสันนั้นแก้ตัวได้สำเร็จจากที่เป็นคนทำผิดพลาดในการเสียประตูแรก แอนดี้นั้นวิ่งตรงมาที่เทรนท์ทันทีเพื่อเป็นการขอบคุณคู่หูรุ่นน้องที่ส่งบอลที่ยอดเยี่ยมแบบนี้มาให้ และเพื่อนๆ ก็วิ่งกรูกันมาแสดงความดีใจกันแทบทั้งทีม นั่นยิ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นรักกันและทีมสปิริตสูงแค่ไหน จบครึ่งแรกลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายนำไปจนได้แต่ก็เหมาะสมกับแล้วเพราะดูจากรูปเกม เป็นทางฝั่งหงส์แดงที่ดูเหนือกว่าปืนใหญ่อยู่ประมาณหนึ่งจริงๆ 

ฟอร์มแจ่ม
    

          ครึ่งหลังอาร์เต้ต้านั้นพยายามแก้เกมมาแล้ว ซึ่งก็ดูได้ผลอยู่ช่วงแรกๆ ของครึ่งหลัง โดยพวกเขามีโอกาสลุ้นตีเสมออยู่ 1-2 ครั้ง แต่ก็เป็นความยอดเยี่ยมของ อลีสซง เบ็คเกอร์ที่ช่วยปัดเป่าป้องกันประตูให้หงส์แดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม และพอเล่นไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่าเกมจะกลายเป็นของลิเวอร์พูลไปเสียมากกว่า โอกาสที่ลิเวอร์พูลจะทำประตูฉีกหนีไปดูจะมีมากกว่าการที่อาร์เซน่อลจะตีเสมอซะอีก ยิ่งพอมีการเปลี่ยนตัวแก้เกม ก็เป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปป์ที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน เจมส์ มิลเนอร์ ที่ลงมาทำให้แดนกลางมีความนิ่งและรัดกุมขึ้น ส่วนดิโอโก้ โชต้านั้นลงมาก็สามารถเล่นเกมรุกประสานกับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างดี แม้จะเพิ่งลงมาในพรีเมียร์และได้เล่นกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกแต่ก็สามารถหาที่ว่างและหาโอกาสยิงได้อยู่เรื่อย และสุดท้ายเขาก็ทำประตูประเดิมสนามเป็นของขวัญให้ตัวเองได้เสียด้วย ในจังหวะที่คู่แข่งโดยตรงอย่างแมนฯ ซิตี้เกิดความสะดุดขึ้นตั้งแต่เกมแรกๆ แต่ลิเวอร์พูลนั้นยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม และดูเหมือนพวกเขาจะพร้อมกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ จบเกมก็เป็นทางฝั่งลิเวอร์พูลเอาคืนปืนใหญ่ได้อย่างสวยงามและชนะไปได้อย่างหมดจดจริงๆ


          ลิเวอร์พูลนั้นฟอร์มดีอย่างต่อเนื่องและสามารถปราบคู่แข่งที่แข็งแกร่งในท๊อป 6 ไปแล้ว 2 ทีม และถูกบรรดาสื่อต่างๆ ยกให้เป็นเต็ง 1 ไปแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นการยกย่องกันเกินเลยแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ลิเวอร์พูลนั้น แข็งแกร่งทั่วแผ่นจริงๆ ครับ     
     


   




ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด