ต่างคนต่างไม่เหมือนเดิม
ลิเวอร์พูลนั้นทุกๆ ท่านน่าจะทราบข่าวร้ายกันไปหมดแล้ว ที่ปราการหลังตัวหลัก (หลักแบบหลักมากๆ ) อย่างเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ต้องปิดเทอมยาวไปแล้วในฤดูกาลนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่หลวงมากที่เดียวครับ สำหรับลิเวอร์พูลที่ต้องขาดแกนหลักของทีมไปทั้งฤดูกาลแบบนี้ แต่นี่ล่ะครับ คือชีวิต ... บางทีมันก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราต้องการเสมอไปอยู่แล้ว ในเกมนี้นั้นเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นแก้ไขโดยการนำเอาฟาบินโญ่ถอยลงมาเล่นกองหลังแทน และแผงมิดฟิลด์นั้นก็สร้างความเซอร์ไพรซ์ให้กับแฟนๆ มากพอสมควรเหมือนกันเมื่อเขาเลือก ผู้เฒ่าอย่างเจมส์ มิลเนอร์ กับดาวรุ่งอย่างเคอร์ติส โจนส์ลงมาเล่นในแดนกลางและใช้ จินี่ ไวนัลดุ้มในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับแทน แต่แดนหน้านั้นยังเป็น 3 ประสานตัวเก่งเหมือนเดิม ส่วนทางด้านอาแจ็กซ์นั้นต้องยอมรับครับ ว่านี่เป็นโชคดีของลิเวอร์พูลอย่างหนึ่งเหมือนกัน ที่ตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเขานั้นกำลังอยู่ในช่วงผลัดใบ นักเตะแกนหลักที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งยุโรปเมื่อ2-3 ปีก่อนหน้านี้ แทบจะย้ายออกไปเกือบทั้งทีมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มัตไตจ์ส เดอ ลิกท์ , ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค , ฮาคีม ซีเย็ค , แฟรงกี้ เดอ ยอง , เหลือไว้แต่ตัวหลักเก๋าๆ บางคนอย่าง ดาเล่ย์ บลินด์ และ ดูซาน ทาดิช ที่เราคุ้นหูคุ้นตากันแค่นั้นแต่ส่วนใหญ่จะเป็นดาวรุ่งทั้งหมด อาจจะเรียกได้ว่าไม่พร้อมกันเต็มที่กันทั้งคู่ก็ว่าได้
พลังหนุ่ม VS พลังเก๋า
เป็นไปตามสไตลทีมดาวรุ่งทั่วไปนั่นแหละครับ ที่มักจะใช้ความสดความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหนือกว่ามาบดบี้คู่แข่ง อาแจ็กซ์ในตอนนี้ก็เช่นกันครับ พวกเขาใช้ความฟิตเข้าต่อสู้กับลิเวอร์พูลได้อย่างน่าดูชม ไล่วิ่ง ไล่เพรสซิ่งใส่แทบจะทั้งพื้นที่ของสนาม โดยที่มีเป้าหมายใหญ่คือกดดันแผงหลัง”นิว นอร์มอล” ของลิเวอร์พูลให้ก่อเกิดความผิดพลาดให้ได้นั่นแหละครับ ซึ่งตรงนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคล็อปป์เช่นกัน และต้องชมนักเตะทีมลิเวอร์พูลด้วยครับ ที่พวกเขานิ่งพอที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ทุกครั้งไป การนำเอาฟาบินโญ่มาเล่นกองหลัง อาจจะเป็นการวางแผนไว้เพื่อการนี้เลยก็ได้ครับ เพราะการต่อเกมของลิเวอร์พูลนั้นดูจะไม่ติดขัดเท่าไร แม้จะโดนเพรสซิ่งอย่างหนักหน่วงก็ตาม จีนี่ ไวนัลดุ้ม ที่เกมนี้รับหน้าที่เป็นตัวโฮลด์บอล ก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนมิลเนอร์และเคอร์ติส โจนส์นั้นอาจจะดูไม่โดดเด่นมาก แต่ก็พอจะประคองตัวได้แบบไม่มีความเสียหายอะไรต่อเกมแบบมากมายใหญ่หลวงใดๆ เกมของทั้งคู่ดูอึดอัดผลัดกันรุก - รับ อยู่พักใหญ่ๆ จนลิเวอร์พูลได้ประตูนำไปแบบค่อนข้างโชคช่วย จากการทำเข้าประตูตัวเองของ นิโกลัส ตายาฟิโก้ แต่ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าโชคช่วยก็ต้องเกมยุโรปที่เป็นเกมใหญ่แบบนี้ “ประสบการณ์” มีส่วนสำคัญเสมอล่ะครับ นั่นทำให้ลิเวอร์พูลที่ดีกว่าในเรื่องนี้ใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้ได้มากกว่าความสดของผู้เล่นอาแจ็กซ์จริงๆ
ผู้เล่นทดแทน
ในเกมนี้มีผู้เล่นทดแทนให้เป็นที่น่าพูดถึงอยู่ 2 เรื่องครับ เรื่องแรกคือการเล่นทดแทนในเกมรับที่ไม่มีฟาน ไดค์อยู่ ตรงนี้ ถือว่า ทั้งฟาบินโญ่ และ โจ โกเมส ทำได้ดีเอามากๆ ทั้งคู่เล่นเกมรับกันได้อย่างยอดเยี่ยม ฟาบินโญ่ถึงแม้จะไม่มีลูกแข็งแกร่งเหมือนฟาน ไดค์แต่การอ่านเกมของเขาถือว่ายอดเยี่ยมเอามากๆ และใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้เล่นในตำแหน่งนี้ได้อย่างสบายๆ ส่วน โจ โกเมส ก็ทำได้เยี่ยมไม่แพ้กัน เขายกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้ดี ดูมีสมาธิและไม่ก่อความผิดพลาดใดๆ ให้เห็นเลย ทั้งคู่ประสานงานกันได้อย่างดีเยี่ยมจนสามารถทำให้ทีมเก็บคลีนชีตไว้ได้อย่างสวยงาม อีกส่วนนึงคือผู้เล่นทดแทนในเกมรุกครับ เรียกได้ว่านี่เป็นครั้งแรก ที่ 3 ประสานในแดนหน้าโดนเปลี่ยนออกแบบยกกระบิกันเลย ทั้ง ฟิร์มิโน่ , มาเน่ และซาล่าห์ ถูกแทนที่โดย โชต้า , มินามิโนะ และ ชากิรี่ ครับ ในส่วนนี้ ยังไงก็ต้องยอมรับกันตามตรงล่ะครับ ว่าการประสานงานหรือความน่ากลัว ยังเป็นรอง 3 ประสานตัวจริงอยู่พอสมควร โชต้านั้นดูดีกว่าเพื่อน แต่ก็ดูจะยังต้องปรับตัวอีกซักระยะ เพราะเท่าที่เห็นการประสานงานกับเพื่อน โดยเฉพาะกับโรเบิร์ตสันดูจะยังไม่ลงตัวเท่าไร ถ้าเขาปรับตัวได้มากกว่านี้ โชต้าจะเป็นอาวุธที่น่ากลัวสำหรับลิเวอร์พูลแน่นอน ส่วนมินามิโนะนั้นก็พอจะประคองตัวไปได้ แต่เรื่องเทคนิกและพละกำลังเขายังน่าจะต้องยกระดับตัวเองขึ้นมาให้ได้อีกนิด ถ้าจะหวังสอดแทรกตัวจริงให้ได้มากกว่านี้ ส่วนชากิรี่เกมนี้เขานั้นดูหายไปจากเกมเลย อาจจะเป็นเพราะร้างราสนามไปนานทำให้จังหวะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไร .... แต่ยังไงก็ตาม การที่ลิเวอร์พูลมีผู้เล่นสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้แบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ล่ะครับ ตรงจุดนี้ถือว่าทีมซื้อขายและสต๊าฟทำงานกันได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ทำให้ลิเวอร์พูลมีขุมกำลังทดแทนได้ขนาดนี้
เกมยุโรปนั้นยากเสมอครับ ยิ่งเป็นการมาเยือนในถิ่นคู่ต่อสู้แบบนี้มันก็ยิ่งยากเป็นทวีคูณไปอีก ถึงแม้รูปแบบของเกมนี้จะไม่น่าดูชมซักเท่าไร แต่ลิเวอร์พูลก็ยังประคองตัวและเก็บผลการแข่งขันที่ดีเยี่ยมออกมาจนได้ และถือเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามในเส้นทางยุโรปของฤดูกาลนี้จริงๆ ครับ YNWA
