:::     :::

"โค้ชอู๊ด" ผู้ปลุก "สิงห์เจ้าท่า" ให้ตื่น

วันจันทร์ที่ 02 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
3,002
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กว่าที่ยอดทีมจากคลองเตย จะกลับมาสู่เส้นทางในการุล้นแชมป์ไทยลีก และพื้นที่ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 นั้น นับว่าผ่านเรื่องราวต่างๆมาเยอะมาก ปี 2020 เป็นการนับหนึ่งใหม่ถึง 3 ครั้งของ การท่าเรือ เอฟซี เพราะพวกเขาเปลี่ยนกุนซือทั้งหมด 3 คน ก่อนที่สถานะปัจจุบันจะอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ "โค้ชอู๊ด"สระราวุฒิ ตรีพันธ์

ใครที่เป็นคอบอลทีมชาติไทย น่าจะรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะคนนี้เป็นฮีโร่ผู้ยิงประตูชัยให้ทีมชาติไทยดับมาเลเซียคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ต่อหน้ากองเชียร์เสือเหลืองเรือนแสนในสนามชาห์อลัมเมื่อปี 2001 ซึ่งเป็นหนแรกที่ฟุตบอลซีเกมส์เปลี่ยนอายุมาใช้นักเตะยู 23

ในชีวิตการค้าแข้งของเขาอาจจะไม่ได้วิเศษอะไรมากนัก แต่เมื่อแขวนสตั๊ดเนี่ยแหละ คือ จุดไคลแม็กซ์ ที่สำคัญและชัดเจนจริงๆ


นักฟุตบอลร้อยละ 90 ส่วนใหญ่มีฝันที่อยากจะเป็นโค้ชทุกคน เพราะว่าจะได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก เพื่อถ่ายทอดวิชาความรู้ และประสบการณ์ที่พวกเขาเคยผ่านมาให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้ทราบ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็น “โค้ชอู๊ด” ที่ก้าวเดินในสิ่งที่เรียกว่า กุนซือ

จริงๆแล้วเขาเริ่มต้นกับการเป็นโค้ชใน  โครวเวอร์โค้ชชิ่ง ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งจะรับเด็กในวัย 10 กว่าขวบต้นๆ เข้ามาฝึกซ้อมฟุตบอลในวันหยุด โดยเป็นโครงการที่ดังไม่น้อย เพราะว่า  3 ตำนานนักเตะเเมนฯยูฯ นำโดย ไบรอัน ร็อบสัน, เเอนดี้ โคล เเละเดนนิส เออร์วิน เคยมาร่วมกิจกรรมนี้ด้วย

แต่การเรียนรู้แบบก้าวกระโดด และการเปิดโอกาสของผู้ใหญ่ใน “กิเลนผยอง” ทำให้เขาได้ก้าวไปเป็น ผช.โค้ช ตั้งแต่ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม ชุดคว้าแชมป์ไทยลีก 2009 ตามมาด้วย เรเน่ เดอซาเยียร์ ในซีซั่น 2010 ซึ่งสามารถป้องกันแชมป์ลีกได้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ความพิเศษที่เขาได้ร่วมงานกับเทรนเนอร์ชาวเบลเยียม ก็คือ การได้ไปเจอกับของจริงในทวีปเอเชีย เพราะซีซั่น 2010 พวกเขาได้ลุย เอเอฟซี คัพ เจอทั้งทีมในอาเซียนและตะวันออกกลาง นั่นเป็นการเรียนรู้กลเม็ดและแท็กติกในการวางแผนที่สำคัญที่ “โค้ชอู๊ด” ได้รับมา

สุดท้ายเมื่อถึงเวลาก็เป็นโอกาสที่เขาได้ไปทำงานด้วยตัวเอง แต่กลับปั้นนักเตะอย่าง ชัยวัฒน์ บุราณ, ไกรลาศ ปัญญาโรจน์, สุริยา สิงห์มุ้ย, บรรลือ ทองเกลี้ยง, สหวิช ขำเปี่ยม ในถิ่น นนทบุรี เอฟซี มาแล้ว

จากนั้นก็ไป ศุลกากร ยูไนเต็ด, บางกอก เอฟซี รวมทั้งยังเคยเป็นผู้ช่วยของ “โค้ชวัง”ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ในถิ่น ชัยนาท ฮอร์นบิล มาแล้ว

คำว่าผู้ช่วยนั้นก็ยังใช้ได้อีกครั้งเมื่อมาถึง การท่าเรือ เอฟซี ในเลกสองปี 2019 หลังจากร่วมงานกับรุ่นพี่ที่คริสเตียนและทีมชาติไทยอย่าง “โค้ชโชค”โชคทวี พรหมรัตน์ พากันคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองอย่างยิ่งใหญ่ 

แต่ในเวลาเดียวกันเขาเองก็ศึกษาในส่วนของ “โปร ไลเซนส์” รุ่นที่ 2 ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยมีกุนซือชื่อดังไทยที่ผ่านหลักสูตร มีทั้ง “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย, “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ, “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร, ประจักษ์ เวียงสงค์ รวมถึง โซล คี เฮือน กับ คิม นัม อิล อดีต 2 สตาร์ทีมชาติเกาหลีใต้


ทว่าอย่างที่ทราบกันเมื่อ “โค้ชโชค”แยกทางจากถิ่น แพท สเตเดี้ยม รุ่นน้องอย่างเขาก็ต้องไปด้วยเช่นกัน แต่ด้วยฝีมือของเขาเองก็ทำให้ “มาดามแป้ง”นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร ต่อสายตรงให้กลับมาคุมทีมอีกครั้งในเวลาไม่นาน

“จะไหวเหรอ??” 

นี่คือเสียงของแฟนบอล การท่าเรือ เอฟซี เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ที่มอบให้กับเขา แม้จะมี โปร ไลเซนส์ แต่ว่าการต้องทำงานกับซูเปอร์สตาร์ในทีมหลายคน ทำให้มองว่านี่เป็นโจทย์ใหญ่มากๆ กับชายจาก จ.นครศรีธรรมราช คนนี้

กลายเป็นว่า 4 เกมหลังสุดที่เขาคุมทีม ซึ่งไม่นับผลแพ้ 0-2 ต่อ โปลิศ เทโร เอฟซี ในกรณีที่ไฟดับ ที่ ณ ขณะนั้นเก้าอี้ยังเป็นของ "มาสเซอร์เด็จ" จเด็จ มีลาภ 

ชนะ ตราด เอฟซี 3-2, ชนะ ระยอง เอฟซี 7-2, ชนะ พีที ประจวบ เอฟซี 2-1, ชนะ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-0 ยิง 13 เสีย 5 ประตู เก็บ 12 คะแนน มีเพิ่มเป็น 22 คะแนน ขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูง ตามหลัง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แค่ 4 แต้มเท่านั้น ทว่ายังเหลือนัดตกค้าง 1 เกม กับ เอสซีจี เมืองทองฯ วันที่ 2 ธ.ค.นี้


การทำงานของเขาไม่เพียงแค่ให้ใจกับนักเตะเท่านั้น แต่เขายังมองว่าทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด ไม่มีการแบ่งเกรดผู้เล่นว่าใครอยู่ระดับไหน ให้ใจไปทุกคนเพื่อให้เป็นทีมเดียวกัน และมันก็ทำได้อย่างเวิร์คจริงๆ ในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ “โค้ชอู๊ด”ยังมีทีมสตาฟฟ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น จักรราช โทนหงษา, ณรงค์ชัย วชิรบาล และณรงค์ฤทธิ์ ขุนทิพย์ ที่ช่วยกันทั้งใน-นอกสนาม จนผลงานออกมาอย่างที่เราเห็นกันใน 4 แมตช์ที่ผ่านมา

เท่ากับว่าหาก “โค้ชอู๊ด”สามารถประคับประคอง “เรือ” ลำนี้ ให้ผลงานคงเส้นคงวาอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่จะก้าวไปเล่นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2021 ในรอบแบ่งกลุ่ม แบบอัตโนมัติ ก็มีสูงมากจริงๆ 


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า #เชื่อแป้ง ครั้งนี้ทำให้ การท่าเรือ เอฟซี แล่นฉิวเลยทีเดียว!!!

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด