:::     :::

ไกลเท่าเดิม

วันจันทร์ที่ 09 พฤศจิกายน 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,655
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกมสำคัญที่สุดนัดหนึ่งของลิเวอร์พูล คือการมาเยือนโคตรทีมแมนฯซิตี้ของเป็ป กวาดิโอล่า ที่คล็อปป์บอกว่า "นี่คือเกมที่ยากที่สุดในโลก" ถึงแม้มันจะมีค่าแค่ 3 แต้มเหมือนเกมอื่นๆ แต่หลายๆ ครั้งมันก็ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์ของฤดูกาลนั้นๆ จริงๆ ซึ่งไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในเกมแบบนี้แน่นอนครับ





การตัดสินใจของคล็อปป์

          เกมสำคัญแบบนี้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ส่งผลมากๆ กับรูปเกมและผลการแข่งขันที่ออกมาครับ คำถามสำคัญของแฟนบอลทุกคนคือ  คล็อปป์จะเลือกใครระหว่าง ฟีร์มิโน่ หรือโชตาที่กำลังฮอตส่งสนามในตำแหน่งกองหน้า ? คำตอบของคล็อปป์ที่ออกมาค่อนข้างเซอร์ไพรซ์กับทุกคนครับ คือ “ก็เลือกทั้งสองคนไปเลย” (ฮา) คล็อปป์จัดการเปลี่ยนแผนเป็น 4-2-3-1 ครับ โดยจับทั้งคู่ลงสนามในตำแหน่ง “ตัวรุก” ไปเลย แล้วให้ซาล่าห์ เล่นสูงกว่าทุกคนในตำแหน่งหน้าเป้าไป แต่นั่นก็แค่แผนในหน้ากระดาษนั่นแหละครับ ในความเป็นจริงฟุตบอลสมัยใหม่นั้น มันไม่ได้ตายตัวขนาดนั้นอยู่แล้ว ในรายละเอียดต่างๆ มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ และจะว่าไป นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ของลิเวอร์พูลแต่อย่างใดครับ ถ้ายังจำกันได้ เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนช่วงที่ ชากิรี่ ฟอร์มฮอตๆ คล็อปป์ก็จัดแผนแบบนี้ให้เห็นมาแล้ว ถือเป็นการสลับสับเปลี่ยนและสร้างความมึนงงให้ฝั่งตรงข้ามได้ดีพอสมควรเลยทีเดียวล่ะครับ เพราะขนาดพวกเดียวกันยังคาดไม่ถึง ฝ่ายตรงข้ามก็คงไม่น่าจะคิดว่าลิเวอร์พูลจะมาไม้นี้แน่ๆ (ฮ่า) ต้องยอมรับว่าคล็อปป์นั้นกล้าและบ้าบิ่นจริงๆ ครับ ที่ตัดสินใจแบบนี้กับเกมสำคัญระดับนี้




ผลของการเซอร์ไพรซ์

          การวางแผนแบบมาเหนือเมฆแบบนี้ ผู้เล่นแมนฯ ซิตี้ก็ออกอาการปั่นป่วนให้เห็นพอสมควรเหมือนกันครับ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่แนวรับของเรือใบสีฟ้าค่อนข้างสับสนและเสียกระบวนไปเหมือนกัน แม้ลิเวอร์พูลจะมีมิดฟิลด์ธรรมชาติคุมเกมกันอยู่แค่ 2 คนคือเฮนโด้กับไวนัลดุ้มก็ตาม แต่แนวรุกของลิเวอร์พูลนั้นขยับตำแหน่งให้ต่ำลงมานั่นทำให้ช่วงแรกกองหลังของแมนฯซิตี้สับสนอยู่พอสมควรครับ ว่าจะขยับแนวรับให้สูงขึ้นตามแนวรุกของลิเวอร์พูลดีไหม เพราะถ้าพลาดเปิดพื้นที่เพียงนิดเดียว โม ซาล่าห์ที่ป้วนเปี้ยนในไลน์ของกองหลังนั้นก็พร้อมจะหลุดเดี่ยวทันที ซึ่งความสับสนตรงนี้ส่งผลให้ลิเวอร์พูลได้ประตูนำไปก่อนครับ จากการตัดสินใจพลาดของไคลน์ วอร์คเกอร์ ที่อ่านการเล่นของมาเน่ผิด และพยายามจะมาสกัดในอีกจังหวะแต่ช้าไป ทำให้ไปขัดขวางการเล่นของมาเน่จนเสียจุดโทษในจังหวะนี้ และเป็นซาล่าห์
ที่ตอนนี้เป็นมือสังหารจุดโทษมือ 1 แทนมิลเนอร์ไปแล้ว สังหารเข้าไปได้อย่างเฉียบขาด  ทำให้ลิเวอร์พูลช่วงชิงความได้เปรียบไปก่อน .....  แต่ ..... ยอดทีมอย่างแมนฯ ซิตี้ไม่มีทางที่จะจมอยู่กับความสับสนของแท็กติกคู่แข่งแบบนี้ไปนานๆ หรอกครับ พวกเขาใช้เวลาเพียงพักเดียว ดึงเกมให้ช้าลงมา ค่อยๆเซตเกมขึ้นมาแบบไม่รีบร้อน ไม่ลนลาน และเพิ่มการเพรสซิ่งเข้าไปบีบให้หงส์เล่นพลาดเอง เพราะจริงๆ จะว่าไปไมใช่ว่ามีแต่แมนฯ ซิตี้ที่สับสนกับแทกติกแบบนี้ล่ะครับ ทางด้านลิเวอร์พูลเองก็ไม่คุ้นเคยกับการเล่นแบบนี้เท่าไรนักเหมือนกัน และนั่นทำให้ซิตี้ที่ค่อนข้างปรับตัวกับเกมได้แล้ว ตีเสมอได้สำเร็จจากความยอดเยี่ยมของ กาเบรียล เชซุส ที่พลิกบอลหนีเทรนท์ อาโนลด์อย่างเหนือชั้น และยิงเข้าไปอย่างเหนือชั้นให้เจ้าบ้านตามตีเสมอได้จนได้  แผนเซอร์ไพรซ์ของเจอร์เก้น คล็อปป์นั้นถือว่าได้ผลอยู่ล่ะครับ แต่ว่ามันได้ผลแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น .....


จุดเปลี่ยนของเกม


          คุณภาพของผู้เล่นและกุนซือของแมนฯ ซิตี้นั้นอยู่ในระดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้วครับ ไม่มีข้อกังขาและส่งสัยในเรื่องนี้แน่นอน นั่นทำให้เมื่อพวกเขาปรับจังหวะปรับเกมได้แล้วเกมส่วนใหญ่แทบจะเป็นของพวกเขาจริงๆ ลิเวอร์พูลนั้นทำได้แค่ประคองๆ จังหวะไว้เท่านั้น นานๆ จะได้จังหวะโต้กลับซักทีแต่จังหวะเข้าทำที่ได้น้ำได้เนื้อนั้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับทีมเรือใบสีฟ้ามากกว่าพอสมควรเลยครับ และพวกเขาก็มาได้โอกาสขึ้นนำครั้งสำคััญจากการเปิดบอลเข้าไปในรอบเขตโทษแล้วบอลเจ้ากรรมดันไปโดนมือ โจ โกเมส ....  ถ้าเป็นเมื่อก่อนจังหวะแบบนี้อาจจะมีโอกาสรอดครับ เพราะกรรมการอาจจะเห็นว่าเป็นจังหวะไม่เจตนาและโจ โกเมสก็พยายามจะหลบแล้ว แต่หลบไม่ทันจริงๆ แต่ในยุค VAR แบบนี้ ลูกลักษณะแบบนี้ไม่มีทางรอดแน่นอนครับ ถ้าจะหาข้อติกันให้ได้ก็ต้องบอกว่าโจ โกเมส ไม่ละเอียดพอนั่นแหละครับ ที่จังหวะนี้เก็บแขนได้ไม่ดีพอจริงๆ นั่นแหละ แต่เชื่อเถอะครับว่าไม่มีใครอยากทำเสียจุดโทษด้วยลูกลักษณะแบบนี้แน่นอน  เควิน เดบรอยน์รับหน้าที่เป็นผู้สังหาร ตรงนี้แฟนลิเวอร์พูลทำใจแล้วล่ะครับว่าไม่รอดแน่นอน แต่เจ้ากรรมเควิน เดบรอยน์ดันซัดออกข้างไปเสียเองทั้งๆ ที่อลิสซงนั้นหลงทางไปแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากจริงๆ ครับ กับรูปเกมแบบนี้ ถ้าแมนฯ ซิตี้ขึ้นนำไปได้เกมนี้มีโอกาสจะเป็นของแมนฯ ซิตี้สูงมากครับ ต้องบอกว่าลิเวอร์พูลนั้นโชคดีจริงๆ



เวลาอยู่ข้างหงส์


          โดยรวมๆ นั้น แมนฯ ซิตี้ยังดูเหนือกว่านิดๆ ในเกมนี้ครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ สถาการณ์นั้นมันส่งผลให้ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายได้เปรียบครับ เพราะพวกเขานั้นมีแต้มเหนือกว่าแมนฯ ซิตี้อยู่ 5 คะแนน (แม้จะแข่งมากกว่าก็เถอะ) ดังนั้นผลเสมอในเกมยากๆ แบบนี้ฝั่งลิเวอร์พูลแฮปปี้กว่าแน่นอนอยู่แล้ว กลับกันทางฝั่งแมนฯ ซิตี้โดนบีบให้ต้องเอาชนะให้ได้เพื่อที่จะลดช่องว่างของทั้งสองทีมลงมา ดังนั้นในครึ่งหลังเราจะเห็นว่าลิเวอร์พูลแทบจะไม่บุกอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร แต่พยายามจะเล่นกับเวลาไปเสียมากกว่า จนสุดท้ายพวกเขาเอาตัวรอดกับเกมนี้ไปจนได้กับผลเสมอ 1-1 ซึ่งมันเหมือนกับว่าลิเวอร์พูลนั้นได้แต้มเพิ่มมา 1 คะแนนแต่แมนฯ ซิตี้เป็นฝ่ายเสียคะแนนไป 2 คะแนนยังไงยังงั้น แม้ว่าพวกเขาจะเสียเทรนท์ อาโนลด์ไปกับอาการบาดเจ็บ แต่ก็ถือว่าเป็นการบาดเจ็บที่ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากมายนัก เพราะว่าจะมีการเบรคให้กับโปรแกรมทีมชาติประมาณ 2 สัปดาห์   ถึงบอกว่าเวลานั้นอยู่ข้างลิเวอร์พูลจริงๆ ล่ะครับ การเบรคทีมชาติมาได้ถูกช่วงถูกเวลาเสียจริงๆ การได้พักเบรคเป็นเวลา 2 สัปดาห์น่าจะทำให้ลิเวอร์พูลนั้น น่าจะทำให้ผู้เล่นของลิเวอร์พูลที่ออกอาการเหนื่อยล้าอย่างสุดๆ แล้วในช่วงนี้ได้มีโอกาสพักฟิ้นและเรียกพลังกลับมาได้อีกครั้ง และยิ่งกว่านั้นพวกนักเตะที่ได้รับอาการบาดเจ็บหลายๆ คน อย่าง ติอาโก้ , ฟาบินโญ่ ก็น่าจะกลับมาสู่ทีมได้เสียทีเมื่อมีโปรแกรมกลับมาแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง
    
          ถึงแม้ว่าพรีเมียร์ลีก จะมีการแข่งขันที่สูสีกันมากแค่ไหนก็ตาม แต่ลึกๆ แล้วทุกคนพอจะเดาออกแหละครับว่าสุดท้ายแล้ว ม้า 2 ตัวที่จะแข่งขันบดบี้กันเพื่อความแชมป์มาครอง ก็น่าจะเป็นแมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูลนี่แหละ และกับผลแบบนี้ต้องบอกว่าลิเวอร์พูลนั้นทำได้ดีกว่าครับ เมื่อพวกเขายังรักษาระยะห่างกับแมนฯ ซิตี้ให้เท่าเดิมได้  ถึงตอนนี้ลิเวอร์พูลจะตกลงมาจากตำแหน่งจ่าฝูงแต่ก็เชื่อว่าแค่นี้แฟนๆ ก็แฮปปี้กับผลงานในเบรคที่ 2 ของลิเวอร์พูลแล้วล่ะครับ  YNWA ครับ
   

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด