:::     :::

Solskjaer กับการ"จูน"ให้3ตัวใหม่มีส่วนร่วมกับทีมอย่างค่อยเป็นค่อยไป

วันอังคารที่ 01 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
9,632
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การจูนทีมของโซลชาด้วยการให้นักเตะใหม่เข้ามาส่วนร่วมกับทีมทีละช้าๆค่อยๆเป็นค่อยๆไปนั้น ส่งผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนมากๆซึ่งจะสร้างรากให้ทีมได้อย่างแข็งแกร่ง และเมื่อฐานมั่นคงแล้ว และมันจะกลายเป็นการพัฒนาแบบ"ก้าวกระโดด"ได้ ในสเตจต่อๆไป

ผลงานของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงนี้ต้องบอกว่าสุดติ่งกระดิ่งน้าแมวมากๆ กำลังติดลมบนเลยล่ะสำหรับปีศาจแดงที่กำลังมาแรงในขณะนี้ เอาแบบไม่ได้หลอกตัวเองและมโนอวยกันไปเรื่อยให้แฟนทีมตัวเองดีใจ อยากให้พวกคุณไปดูผลการแข่งขันเอาเองก็ได้ นับตั้งแต่การพักเบรคทีมชาติครั้งใหญ่หลังเกมโดนระเบิดถังส้วมคาโอลด์แทรฟฟอร์ดด้วยเงื้อมมือของน้ามู หลังจากนั้นมานับตั้งแต่เกมเจอนิวคาสเซิล จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวานเจอกับเซาท์แธมป์ตัน แมนยูไนเต็ดแพ้ไปเพียงแค่2นัดเท่านั้น ก็คือเกมที่แพ้อาร์เซนอลแบบไม่ได้แย่ 0-1 และการชะล่าใจบุกไปเยือนอิสตันบูลแล้วผิดพลาดในเกมสวนกลับ แพ้ไป 2-1 ซึ่งก็เป็นแค่สองนัดนั้นนั่นละที่แพ้

ยูไนเต็ด10นัดล่าสุดนับตั้งแต่เจอนิว ทีมเรา "ชนะ7" แพ้2 และเสมอ1แบบน่าชนะกับเชลซี ซึ่งหากนับเกมหลังสุด เราชนะรวดกันมา4นัดติดๆแล้วตั้งแต่บุกไปสอยเอฟเวอร์ตันของน้าแจ้ เฉือนเวสต์บรอม, ล้างแค้นอิสตันบูล และล่าสุด เกมโคตรคัมแบ็คไล่อัดทีมนักบุญคืนสามดอกรวดส์ในครึ่งหลัง แล้วแซงในนาทีทดเจ็บอย่างสุดมันส์ 2-3

4เกมติดเข้าไปแล้วที่ยูไนเต็ดเรียกจังหวะและ"โมเมนตัมของทีม" กลับมาได้

ซึ่งสิ่งที่ทำให้เรากำลังบินสูงและติดลมบนในขณะนี้ ในตำแหน่งที่ดีทั้งในพรีเมียร์ลีก และในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ผลพวงมันก็มาจากทีมที่ค่อยๆจูนและพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เรียกความมั่นใจได้มากขึ้น

และที่สำคัญ สิ่งหนึ่งที่ชัดมากๆในปีนี้นั่นก็คือ ดูเหมือนโอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะเริ่มมีความ "เขี้ยวลากดิน" ในแบบมูรินโญ่แล้ว เมื่อเขาสามารถเก็บผลการแข่งขันที่ดีได้เสมอ ไม่ว่าจะในยามที่เด็กๆเล่นกันเป็นเทพ หรือบางวันฟอร์มกากๆเจาะคู่ต่อสู้ไม่เข้า  "เลือกกิโยตินผิดเบอร์" ในการใช้ประหารคู่แข่ง

แต่แมนยูไนเต็ดเริ่มที่จะเก็บผลลัพธ์การแข่งได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงมากขึ้นแล้ว

ซึ่งหากใครจะบอกว่า โอ้ย ลูปชัดๆ เดี๋ยวก็กลับไปแพ้อีก ใกล้ได้เวลาแล้ว(ฮา) อันนี้ก็แล้วแต่จะแซวและคิดกันไป แต่ส่วนตัวผมมองว่า 10นัดรวดนี้มันเป็น"กรุ๊ป" ของfixturesการแข่งที่ต่อเนื่องกันมาตลอด ดังนั้นไอ้การชนะ 7 จาก 10นัดนี้ ผมแทบจะไม่มีอะไรที่เอามาด่าโซลชาได้มากมายนัก ทั้งๆที่บ่นไม่พอใจเรื่องที่พี่แกมีmindsetในการเลือกส่งนักเตะลงแบบซังกะบ๊วยในหลายๆครั้ง แต่ผลงานชนะ7นี่มันไม่ธรรมดา และไม่ใช่ของง่ายนะที่ทำแบบนี้ได้ ต่อให้เป็นทีมที่มีนักเตะชื่อดัง ฝีตีนพระกาฬก็ตามทีอย่างเช่นแมนซิตี้ที่โหดทั้งกุนซือและนักเตะ แต่ผลงานช่วงนี้ก็สู้เราไม่ได้เลย

เป็นไง ชัดเจนไหม

เพราะฉะนั้นช่วงนี้ผมมองว่ามันไม่ใช่ลูปอะไรที่ว่านั่น แล้วแต่ความหนักในการเจอคู่แข่งเป็นระยะๆต่างหาก เพราะถ้าจะให้predictผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นอีกในช่วงข้างหน้านั้น มีโอกาสสูงที่ผู้คนทั่วไป รวมถึงแฟนเราเองนี่แหละ ที่กำลังจะยกเรื่องของ "ลูปนรก" กลับมาอีกครั้งแล้ว ประมาณว่า ชนะ4-5นัด แล้วก็กลับมาแพ้อีก มีกระแสไล่ออก จากนั้นกลับมาชนะ SaveOleไปอีกรอบ (ฮา) ซึ่งช่วงนี้ถ้าจะพูดกันในแนวนั้น เราก็ถือว่าอยู่จุดสุดท้ายของลูปแล้วนะ นัดหน้าไม่เกินสองเกมน่าจะกลับมาแพ้อีกรอบแล้ว (เวรกรรม)

แล้วดูเอา ว่าเกมหน้าเจออะไรสามแมตช์

ปารีส แซงต์แชร์แมง(เหย้า) , เวสต์แฮม(เยือน), ไลป์ซิก(เยือน)

พูดกันตามตรงแบบไม่โลกสวย เกมกับปารีส ไลป์ซิก เรายังมีโอกาสสูงอยู่ที่จะออกได้ทุกหน้า ไม่ว่าจะเป็นชนะอีกนัดแล้วเป็นจ่าฝูง หรือแพ้1เสมอ1เข้ารอบ หรือไม่ก็ แพ้แม่ง2นัด ตกรอบไปเล่นยูโรปาลีกเฉย ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

การเจอกับทีมระดับเปเอสเช ไลป์ซิก แม้เราจะชนะพวกเขามาแล้วแต่ได้โปรด อย่าลืมว่ามันเป็นเรื่องของแทคติกและจังหวะ ซึ่งทั้งสองทีมนั้นบางมิติเขาดีกว่ายูไนเต็ดเยอะ เพราะงั้นไม่มีคำว่าประมาทที่สามารถจะเอามาใช้กับทีมเราได้

ส่วนการเจอกับเวสต์แฮม ก็รู้ๆอยู่ว่ามันไม่เคยง่าย และมีโอกาสที่จะสะดุดเช่นกันเพราะว่าเป็นเกมที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเกมตัดสินชะตาชีวิตสำคัญของซีซั่นนี้ มีโอกาสมากๆที่โอเล่จะผ่อนเกม ถ้าพลาดเกมปารีส เพราะว่าต้องยอมปล่อยเกมเวสต์แฮม แล้วไปเล่นเต็มที่กับเกมไลป์ซิกอีก

เพราะฉะนั้นสามนัดหน้าสำคัญมาก และก็ไม่น่าจะใช่ช่วงฮันนีมูนเหมือน4เกมที่ผ่านมาแล้วที่เจอทีมที่ "ไม่ถึงกับยากมาก" ดังเช่นอิสตันบูล WBA หรือ เซาท์แธมป์ตัน มีโอกาสที่คำว่าลูปโซลชาจะปลิวว่อนหน้าฟีดเฟซบุค ทวิตเตอร์ ยูทูปอีกครั้ง แต่นั่นคือเรื่องอนาคตในอีกสองสามวันถัดไป

แต่ประเด็นสำคัญที่อยากให้โฟกัสกันก็คือ การที่เกริ่นไว้ว่า 10 ชนะ 7 เนี่ย มันคือฟอร์มที่ดีจริงๆและไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลูปที่ว่านี้นั้น

คำถามก็คือ "ฟอร์มดีต่อเนื่องนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะอะไร?"

ตรงนี้น่าสนใจมากๆ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการที่ได้เริ่ม "จูน" กันมาเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มซีซั่นที่ไม่มีเวลาไปออกทัวร์เตรียมทีม ผลงานนัดแรกๆเลยแย่ แต่พอทุกอย่างเริ่ม "จูนกันติด" มันก็เดินหน้าได้เรื่อยๆยาวๆแบบไม่มีสะดุด ซึ่งสิ่งนี้แหละ คือเหตุผลสำคัญที่แมนยูเริ่มเล่นกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะการปรับแต่งทีมตลอดเวลาให้มันprogressไปแบบreal timeนัดต่อนัด สิ่งไหนดีเก็บไว้ สิ่งไหนไม่ดีปล่อยให้มันผ่านเลยไป ค่อยๆสังเกตและเลือกใช้วิธีการที่ถูก และวิธีที่ดี

การจูนทีมของโอเล่ดูจะพัฒนาและอัพเกรดขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งประเด็นหนึ่งที่ทำให้ทีมเราติดลมบนเหมือนตอนเล่นว่าวนั้นก็คือ การที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชานั้น ค่อยๆให้โอกาสสามนักเตะใหม่เข้ามาสู่ทีมชุดหลักอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทีละช้าๆ ไม่รีบ แต่มั่นคง ยั่งยืน

และไม่"หักดิบ" จนเกินไป

ความหักดิบที่ว่านี้คือการเปลี่ยนแปลงแบบทันทีทันใดเลย ผมคิดว่าไม่ว่าจะเรื่องใดๆบนโลกนี้มันก็ไม่ดีทั้งนั้น เช่นมีตัวใหม่มาปุ๊บ โยนเข้าระบบไปเลย บางทีมันอาจจะเกิดerrorขึ้นมาได้ เพราะบางทีอาจจะcompile โค้ดสูตรการใช้งานใหม่นี้ไม่ผ่านตั้งแต่ตอนซ้อมด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงในสนามจริงเลย

หรือบางครั้ง การที่นักเตะเก่าเจอนักเตะใหม่เข้ามาแย่งตำแหน่งแบบทันทีที่เดิมเขาเคยมีสัมปทานยึดครองอยู่ มันหักหาญน้ำใจและบางครั้งแม้นักเตะจะเป็นprofessional แต่มันอาจจะเกิดการ "สูญเสียความมั่นใจ" ของเจ้าของเดิมได้ บางครั้งอาจจะก่อให้เกิดรอยcrackในจิตใจของนักเตะคนนั้นจนพาลทำให้ฟอร์มดรอปหนักเข้าไปอีก ดังนั้นการเอาตัวใหม่ยึดแทนตำแหน่งตัวเก่าเลยแบบทันทีทันควัน อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเหตุผลทางด้าน"จิตวิทยานักเตะ" ก็เป็นได้

อย่าหาว่าเว่อร์เลยนะ แต่ศาสตร์การบริการจัดการบุคลากรมันลึกซึ้งยิ่งกว่าที่แฟนบอลอย่างเราจะมองเพียงแค่ตื้นเขินแล้วก็พิมพ์ด่ากันผ่านคีย์บอร์ดได้ง่ายๆเหมือนพวกเกรียนทำ เพราะเรื่องจิตวิทยานักเตะนั้น ถ้าจะมีใครสักคนที่ยกตัวอย่างขึ้นมาได้ว่าเขาคือมือโปรที่ใช้งานจุดนี้เป็นสำคัญ นั่นก็คือโคตรตำนานผู้จัดการทีมของโลกอย่าง "Sir Alex Ferguson" เนี่ยล่ะ

และคนข้างๆป๋านี่แหละเข้าใจและซึมซับเอาวิธีจิตวิทยาและอัตลักษณ์ "Fergie Time" มาเยอะที่สุดแล้ว

การไม่หักดิบของโอเล่ อาจจะส่งผลในเชิงpositiveต่อความรู้สึกของเจ้าที่เก่า และทำให้พวกเขายอมรับการมาของตัวใหม่ได้ดีกว่าเดิมด้วยซ้ำในแง่ของการเกื้อหนุนและมาช่วยกันลงเล่นในตำแหน่งนั้นซึ่งกันและกัน เพราะหากเป็นนักเตะที่มีทัศนคติดีอยู่แล้วไม่น่าห่วง แต่ถ้าเป็นตัวที่คิดมากและมีความกังวลในใจ การค่อยๆเป็นค่อยๆไปตรงนี้จะดีกับหัวใจของนักเตะเหล่านี้มาก

นั่นคือกรณีแรกในมุมเจ้าที่เก่า แต่ในมุมนักเตะใหม่สามคนเอง การค่อยๆให้ตัวเหล่านี้มีส่วนร่วมกับทีม ก็เป็นเหมือนการค่อยๆให้โอกาสเด็กพวกนี้ได้ปรับตัวเข้ากับสถานที่ใหม่ กลิ่นใหม่ ระบบการเล่น วิธีคิด ฟีลลิ่งในการลงสนามใหม่ และที่สำคัญ "จังหวะการเล่นและตัวตนของทีมใหม่" (Team's tempo and identity)  นักเตะใหม่เหล่านี้จะค่อยๆซึมซับตัวตนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปทีละนิดอย่างช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆนำตัวเองเข้ามาหลอมรวมกลืนเข้ากับทีม ในขณะที่ก็จะไม่เสียตัวตนมากเกินไปด้วยการ "นำเสนอความเป็นตัวเอง" สร้างสิ่งใหม่ๆให้แมนยูไนเต็ดได้

อเล็กซ์ เตลีส, เอดินสัน คาวานี่ และ ดอนนี่ ฟาน เดอเบค กำลังทำสิ่งที่ว่านี้อยู่

นักเตะคนแรกที่ได้รับโอกาสในการลงสนามก่อนใครเพื่อนก็คือ VDB ที่ย้ายมาก่อนเปิดซีซั่น ก่อนช่วงท้ายๆเส้นตายวันปิดตลาด ดังนั้นดอนนี่จะเป็นตัวใหม่คนแรกที่มีโอกาสสร้างความคุ้นชินของเขาเข้ากับทีมก่อนใครเพื่อน และก็ได้ลงช่วยทีมทันที ซึ่งเคสของดอนนี่นั้นเป็นเคสพิเศษ เนื่องจากว่าพี่แกเป็น Special Player สาย"ตัวละครลับ" ที่ต้องยอมรับว่า การใช้งานพี่แกนั้นหลากหลาย แพรวพราว ในขณะที่ก็ "ใช้งานโคตรยาก" เหมือนกันในวิธีการเล่นที่ทำหน้าที่เป็นมิดฟิลด์สายShadow Strikerที่จะแว้บไปแว้บมาและสอดเข้าไปพังประตูในพื้นที่อันตราย

แต่จุดเด่นสำคัญในการเล่นของฟานเดอเบคนั้น น่าจะเป็นเรื่องของความชาญฉลาดในการเล่นที่เป็น "บอลสมอง" โดยแท้จริง จะเรียกว่าอัจฉริยะก็ว่าได้ในการอ่านเกมของกระแสสนาม การคิดช็อตล่วงหน้า เล่นขณะไม่มีบอลเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีตลอดเวลาเพื่อให้ทีมเล่นง่าย ใครที่ดูถูกว่าเขาได้แต่แปะบอลนั่นแปลว่าคุณมองแค่ผิวเผินแล้ว เพราะกว่าที่จะทำให้ทุกอย่างมันดูง่ายได้นั้น มันเกิดจากกระบวนการคิดระหว่างหน้างานในสนามแล้วเรียบร้อย ทุกอย่างจึงได้ดูsimpleขนาดนั้น แต่จริงๆภาคของสกิลทักษะแก เหนือชั้นและเอาตัวรอดเกมในแดนกลางได้สบายๆ

การเข้ามาของฟานเดอเบคมันทำให้ยูไนเต็ดมีทางเลือกในการจัด"แผน"(formation) เยอะกว่าเดิมมากโดยเฉพาะสูตรที่เน้นตรงกลางเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็น 4-4-2 Diamond , 4-2-2-2 , 4-3-1-2 แผนเน้นกลางพวกนี้เมื่อก่อนยูไนเต็ดไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะฝันถึงเลย แต่เพียงแค่ ฟดบ เข้าทีมมาคนเดียว เรามีสูตรใช้งานเพิ่มขึ้นอีกหลายสูตรมากๆจนคู่แข่งแม่งจับทางกันไม่ได้แล้วตอนนี้ อย่าว่าแต่คู่แข่งเลย แฟนบอลเดนตายทีมเราเองยังเดาแผนเดานักเตะกันไม่ถูกแล้วทุกวันนี้ เดาใจโอเล่ยากมาก เพราะoptionในมือมันเยอะจัด

แรกเริ่มสุด เราได้เห็นการใช้งานฟานเดอเบคในสไตล์ถนัดของเขาคือเล่นกลางรุก แว้บไปมาหาตำแหน่งสอดไปยิงประตูได้ แต่พอหลังจากที่เขาได้อยู่ในทีมมากขึ้นเรื่อยๆ โซลชาเริ่มที่จะมีคู่มือและใช้งานฟานเดอเบคได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ (พูดแล้วขนลุก) เพราะขณะนี้โซลชาได้นำเขาลงเป็นตัวจริงมากขึ้นเรื่อยๆแล้วโดยเฉพาะนัดหลังๆของเกมยุโรป(ล่าสุดลงตัวจริงในลีกแล้วอีกตะหาก)

โซลชาใช้งานVDBในหน้าที่ที่แตกต่างออกไปจากตอนแรกสุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้เป็น "มิดฟิลด์ตัวกลางแท้" ที่เล่นbox to box ก็ใช้มาแล้ว และเกมที่แล้ว โซลชาใช้ดอนนี่เล่นคู่กับบรูโน่แบบเต็มๆเลยเป็นลักษณะของกองกลางเบอร์8คู่กันสองคน(8s) และจับลงเล่นในสูตร 4-2-2-2 Box Midfielder ที่มีกลางรับคู่ กับกลางรุกคู่ สร้างทรงยืนคู่กันแบบกล่อง ในขณะที่ภาคการเล่นจริงๆ ฟานเดอเบคนั้นยืนตำแหน่งได้อิสระมากๆ เพราะยืนสูงเติมเกมรุกแบบเห็นได้ชัด ไม่ได้เล่นตัวต่ำ แต่พี่แกก็ลงต่ำมาช่วยต่อบอลได้อย่างเทพ ในขณะที่เกมรุกก็ขึ้นไปเล่นร่วมกับบรูโน่ และสองกองหน้าได้สวยงามมาก

ผลงานจึงกระเส่าทรวงทะลวงRule Darkอย่างที่เห็น เป็นเพราะการค่อยๆจูนเขาเข้ากับทีมจนดูเหมือนจะเริ่มออกดอกออกผลแล้ว

Alex Telles คืออีกคนที่โอเล่ค่อยๆใช้งานเขาทีละนิด แรกเริ่มสุดจากการใช้เป็นวิงแบ็คซ้ายก่อนในแผนหลังสามบางนัด แต่เหมือนโอกาสและโชคชะตาจะมาถึงพอดีเมื่อลุค ชอว์ มีอาการบาดเจ็บยาวๆอย่างที่ทุกคนคาดกันไว้ นั่นแหละเหตุผลสำคัญว่าทำไม ดีลของเตลีสจึงได้จำเป็นกับยูไนเต็ดมากนัก เพราะชอว์ยืนระยะเล่นไม่ได้ยาวๆแบบนี้เป็นประจำ

เมื่อเขาได้เริ่มลงเล่นเป็นตัวจริงกับทีม การเปลี่ยนแปลงที่เห็นนั้นค่อนข้างชัดเจนมากๆว่า เตลีสทำให้ยูไนเต็ดมีอาวุธที่หลากหลาย แตกต่าง และ "ไม่เหมือนที่เคยเป็นมา" อย่างแท้จริง ด้วยการเล่นที่มีสไตล์บุกจ๋าๆ และมีสกิลในการเปิดบอลครอสที่แม่นยำและรัวยิกมากๆ คือหากมีช่องให้ครอสบอลเข้ากลาง เตลีสจะเปิดบอลทันทีโดยเฉพาะ Early Crosses นี่ถือเป็นอาวุธไม้ตายของเตลีสเลย

และทุกครั้งที่พี่แกเปิดบอล มันแม่น และเข้ากล่องดวงใจทศกัณฑ์เสมอๆ จนครีเอทโอกาสเข้าทำให้แมนยูได้ทุกครั้งจากการเปิดบอลเข้าไป "กดดัน" พื้นที่หน้าปากประตูคู่แข่งได้ดีจัดๆ จนกระทั่งเรียกประตูมาได้หลายลูกแล้วในช่วงนี้

การได้ลงสนามของเตลีสถามว่ามันก็มีดวงด้วยล่ะที่ชอว์เจ็บพอดี แต่สักวันนึงยังไงเขาก็ต้องได้ลงอยู่แล้ว และทีมเราโชคดีที่มีโอกาสในการได้ใช้งานและ "จูน" เขากับทีมได้ค่อนข้างเร็ว ทำให้ผลงานทีมดีขึ้นโดยไว จากการมีรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลายเพราะมีอเล็กซ์ในสนามนั่นแหละ ไม่งั้นป่านนี้เราก็ยังคงบุกด้วยหน้าเดียว รูปแบบเดิมๆจากการ ต่อบอลสั้นของบรูโน่ แรชฟอร์ด ชอว์ มาร์กซิยาล เบ้ซ้ายกันอยู่ในสนามทุกนัดแค่นั้นแหละ

เมื่อแมนยูมีอาวุธการเข้าทำมากขึ้น คู่แข่งจึงต้องถ่างแนวป้องกันออกมาริมเส้นมากกว่าเดิม ทำให้เกิดช่องเจาะตรงกลางได้ รวมถึงการคาดเดาวิธีบุกของเราได้ยากขึ้นกว่าเดิมด้วย

Edinson Cavani คืออีกนักเตะหนึ่งที่เต็มไปด้วยศักยภาพและเป็นนักเตะประเภท "พร้อมใช้" อย่างแท้จริงนับตั้งแต่เขาเข้ามาสู่ทีม ในรายของคาวานี่ผมคิดว่ามันเด่นชัดที่สุดที่ ในบรรดาสามคน โอเล่นั้น "กล้า" ที่จะเริ่มสตาร์ทการจูนเข้ามาใช้งานร่วมกับทีมทันที เพราะตั้งแต่เข้าทีมมาและมีชื่อสำรองลงสนาม จะเห็นว่าโอเล่นั้นกล้าที่จะส่งคาวานี่ลงสนามมาเป็นสำรองในเกมค่อนข้างบ่อยครั้ง ก็คือทุกเกมจะส่งลงมาเล่นแน่นอน และเริ่มที่จะมีแอร์ไทม์ และได้รับโอกาสที่เป็นส่วนร่วมกับทีม ในปริมาณนาทีที่มากขึ้นๆเรื่อยๆ จากที่แรกๆส่งลงมาช่วงท้ายๆเกม แต่เดี๋ยวนี้บางทีส่งมาไวขึ้น นาที60ก็มาแล้ว หนักหน่อยก็ส่งลงมาช่วงพักครึ่งเลยเหมือนเกมที่แล้ว และเกมก่อนๆล่าสุด พี่แกได้เป็นตัวจริงแล้วจ้า

เคสคาวานี่เห็นชัดมากๆว่า มันเป็นการใช้งานและจูนเข้ากับทีมแบบ ค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มทีละนิดช้าๆ จากที่เราได้เห็นกันว่าตอนนี้คาวานี่เริ่มที่จะได้เป็นตัวจริงบ้างแล้ว และเป็นสำรองก็ได้ลงมาไวขึ้นเรื่อยๆ

ที่สำคัญเคสของการส่งเฮียแกลงสนามนั้น มันค่อนข้างที่จะเซนส์สิทีฟต่อผลการแข่งขันมาก และจำเป็นอย่างยิ่งในการลงมาเล่น เพราะด้วยคุณภาพการเล่นชั้นอ๋องของแก เพียงแค่ลงสนามมามันเห็นความแตกต่างจาก "กองหน้าวัยรุ่น" สามคนที่เรามีอยู่ในทีมแล้วอย่าง แรชฟอร์ด กรีนวู้ด มาร์กซิยาล  คลาสการเล่นต่างกันมาก และที่สำคัญ คาวานี่ไม่ได้ทำเป็นอีโก้แบบข้าแน่ ข้าเจ๋ง เป็นซุปตาร์มาจากไหนที่รอบอลให้เพื่อนส่งไปให้เค้า และอยากที่จะยิงเองเพื่อเด่นดังอะไรเลย รวมถึงเขาเองก็ "ยังไม่หมดไฟในการเล่นด้วย" แฟนบอลบางคนตีตนไปก่อนไข้แล้วว่า คาวานี่ย้ายมาบั้นปลายแล้ว มาโกยเงินรึเปล่า ความคมไม่มีแล้วรึเปล่า เป็นดีลผักชีโรยหน้าของบอร์ดอย่างเดียวใช่ไหม

ดูการเล่นของคาวานี่ในสนามทุกคนน่าจะได้คำตอบแล้ว

เขาสอนให้แฟนบอลหลายๆคนได้รู้ว่า นักเตะ"กองหน้า"ที่แท้จริง มันคือplayerที่รับผิดชอบแอเรียในด้านหน้าสุดของทีม ซึ่งมันอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่รอยิง รอทำประตูให้ได้อย่างเดียวก็ได้ แต่คาวานี่แสดงให้เห็นว่าเขาทำประโยชน์ให้ทีมได้เยอะมากจากความทุ่มเทและสู้ในสนาม วิ่งไล่บอลแบบไม่มีอีโก้ซุปตาร์เลย และเล่นบอลฉลาด เลือกช็อตได้ดี มีส่วนร่วมกับทีมสูงมากๆ ล่าสุดที่กระชากขวาแล้วแอสซิสต์ให้บรูโน่ได้นั้นคือคำตอบที่ชัดเจนว่า กองหน้าไม่จำเป็นต้องกระชากๆๆไปแล้วยิงเองแบบที่แรชฟอร์ด มาร์กซิยาล กับ กรีนวู้ดกำลังทำอยู่ด้วยบอลชายเดี่ยวเห็นแก่ตัวที่ไม่ค่อยมองเพื่อนรอบข้างของเด็กๆที่กำลังห้าวและมุทะลุเหล่านี้

หวังว่าน้องๆทั้งสามจะเห็นสิ่งดีๆจากรุ่นพี่ที่อย่างคาวานี่ในจุดนี้

ดังนั้นจากทุกๆเคสจะเห็นได้ชัดถึง "วิธีการในการทำงาน" อันนี้ของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา มันชัดเจนมากๆที่เขาพยายามจะใช้งานนักเตะใหม่ในลักษณะของการ "ค่อยเป็นค่อยไป" อย่างเห็นได้ชัด พี่แกไม่รีบจริงๆ ซึ่งก็เข้าใจแฟนบอลที่หงุดหงิดนะ เพราะเราเองก็หงุดหงิดหัวเสียไม่น้อยเหมือนกัน แม้กระทั่งตอนนี้ก็เถอะ แต่ทิศทางที่เห็นเราก็รับรู้ได้ว่า อ่อ เออ นี่คือวิธีการของโอเล่นะ ในการค่อยๆใช้ตัวใหม่ ซึ่งมันค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดจริงๆ

ถ้ายังมองเห็นเรื่องนี้ได้ไม่ชัด ให้สังเกตนัดหลังๆที่ คาวานี่ กับ ฟานเดอเบค ได้เป็นตัวจริงลงสนามเพิ่มขึ้นก็ได้ นั่นล่ะคำตอบ ส่วนรายของเตลีสอาจจะอ้อมแอ้มได้ว่า เป็นเพราะลุค ชอว์เจ็บต่างหาก ไม่มีทางเลือก เขาเลยได้ลงตัวจริงหรอก อันนี้ก็ว่ากันไป

ผมในฐานะแฟนบอลและคนเขียน ที่มองเห็นแล้วว่า แค่การ"เปลี่ยน"นักเตะที่ลงสนามนั้น โลกของแมนยูมันก็"เปิด"สู่สิ่งใหม่ๆอย่างที่เราได้เห็นเกมการเล่นของยูไนเต็ดที่ดูจะมีประสิทธิภาพ ทรงพลัง และหลากหลายมากขึ้น ได้แต่หวังจริงๆว่าโอเล่จะ"ตาสว่าง" จริงๆว่า นักเตะคนไหนสมควรที่จะได้ลงสนามเป็นตัวจริง คนไหนควรสำรอง และการใช้งานนักเตะใหม่ๆอย่างไรบ้างถึงจะได้ผล

การค่อยๆจูนตัวใหม่ให้มีส่วนร่วมกับทีมอย่างช้าๆทีละนิดนั้น ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ยกมา ผมคิดว่ามันเป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้วล่ะ แม้จะไม่พอใจโอเล่ในหลายๆเรื่องแต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่านี่คือวิธีการที่เสถียร และยั่งยืนมากกว่าในการสร้างทีมให้ทำผลงานได้คงเส้นคงวา เหมือนที่ขณะนี้เก็บชัยชนะติดต่อกันได้แบบไม่มีแกว่ง

ขอให้เขาเก็บสิ่งดีๆเหล่านี้ไว้ และสังเกตเห็นอย่างแท้จริงว่า สิ่งใด "ดีที่สุด" สำหรับแมนยูไนเต็ด และก็เลือกสิ่งนั้นมาใช้งานให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อดูจากวิธีการทำงานของเขาแล้ว มันทำให้เราตื่นเต้นกับการ "เสริมทีม" และนำตัวใหม่ๆเข้ามาในอนาคตมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทีมมันเดินหน้าพัฒนาแบบไม่หยุดจริงๆนะ จากการที่มีทั้ง ฟานเดอเบค ที่สร้างสมดุลและความหลากหลายแดนกลางให้ การมีเตลีสที่เป็นอาวุธขึงริมเส้นซ้ายอย่างมีประสิทธิภาพ

และที่สำคัญ มีคาวานี่ที่เป็น "คำตอบสุดท้าย" ของสิ่งที่ทีมทำมาทั้งหมดในภาคของการปั้นเกม ตั้งบอลขึ้นหน้า ทุกอย่างในการเล่นกลางสนามไม่ว่าจะดีเลิศยังไง แต่ถ้าคนจบสกอร์สุดท้ายไม่มีความชัวร์ในการทำประตู ทุกอย่างที่สร้างมาก็จะเหลวเป๋วไปหมด เหมือนเกมเจอเซาท์แธมป์ตันครึ่งแรกนั่นแหละ ที่ทีมเล่นกันได้ดีกว่ามากในแดนกลาง แต่ในการจบสกอร์แมนยูทำได้ย่ำแย่มาก  การเปลี่ยนจุดที่มีปัญหาโดยไม่ต้องปรับแทคติกให้มั่วซั่ว

ทั้งสามคนนี้จึงถือเป็น "คำตอบที่โคตรใช่" ของแมนยูไนเต็ดในทุกๆมิติที่สามคนนี้มี จากสามแอเรียในสนามจริงๆ สำคัญมากทุกคน

เครดิตในการจูนทีม ขอยกความดีความชอบให้โซลชา ที่ทำให้ทีมพัฒนาขึ้นอย่างมั่นคงเช่นนี้

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด