:::     :::

เยาวชนบนถ้วยหูใหญ่

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,386
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เป็นเกมสุดท้ายในถ้วย UCL รอบแบ่งกลุ่มของลิเวอร์พูลที่ผ่อนคลายที่สุดในรอบหลายปีเลยนะครับ เนื่องจากพวกเขาลอยลำเข้ารอบไปแล้วแถมเป็นแชมป์กลุ่มแน่นอนแล้วด้วย ดังนั้นเกมนี้จึงเป็นโอกาสของคล็อปป์ที่จะได้พักผู้เล่นหลักๆ หลายๆ คนและให้โอกาสเด็กๆ ในทีมได้ลิ้มรสบรรยากาศของเกมยุโรปบ้างล่ะครับ



กัปตันเทรนท์

          เด็กๆ หลายคนได้รับโอกาสลงเล่นในเกมนี้ครับ ทั้งหน้าเดิมๆ อย่าง รีส วิลเลี่ยม , ควีวีน เคลเลเฮอร์ (นับด้วยครับเพราะเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาแล้ว.... ฮา) แต่ก็มีเจ้าหนูหน้าใหม่ อย่างเลห์ตัน คลาร์กสัน ที่ได้โอกาสเปิดซิงในเกมนี้กับเขาด้วยในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวเชื่อมเกม นอกจากนี้บรรดาตัวสำรองชุด 2 ก็ได้รับโอกาสหลายคนครับ ทั้งซิมิคาส , มินามิโนะ , โอริกี้ มีเพียงซาลาห์ ,ดีโอโก้ โชต้า และ ฟาบินโญ่เท่านั้น ที่ได้ลงมาประคองเด็กๆ พวกนี้ แต่ไฮไลท์ของวันนี้อยู่ที่ปลอกแขนกัปตันทีมครับ วันนี้มันไปอยู่ที่ต้นแขนของเทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ซึ่งนี่นับเป็นกัปตันทีมชาวสเกาเซอร์แท้ๆ ต่อจากเจอร์ราดเลยทีเดียว นี่เป็นภาพที่สร้างความประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนๆ และบรรดานักเตะเยาวชนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ จากเด็กปั้นสโมสรที่มีความฝันว่าซักวันจะได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของทีมที่ตัวเองเชียร์ ได้โอกาสลงสนามตั้งแต่วัยยังไม่ครบ 20 ขวบดี.... โดนเสียงก่นด่าจากแฟนๆ เวลาเล่นพลาดในช่วงแรกๆ ต้องเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นเป็นตำแหน่งไม่ใช่ธรรมชาติของตัวเอง เขาต่อสู้ พัฒนาตัวเองและฝ่าฟันจนได้เป็นกัปตันทีมในท้ายที่สุด ถ้านี่เป็นนิยายก็โรแมนติกสุดๆ เลยล่ะครับ ถึงแม้เกมนี้อาจจะไม่มีความหมายอะไรมากมายกับผลการแข่งขัน แต่เกมนี้มันมีความหมายต่อเทรนท์ นักเตะรุ่นน้องและแฟนๆ บอลลิเวอร์พูลมากเลยทีเดียว




ชิลล์เกิ๊นนนน.....


          จากเกมที่ลิเวอร์พูลไม่กดดันอยู่แล้ว ลิเวอร์พูลก็ยิ่งชิลล์เข้าไปอีกครับ เมื่อพวกเขามาได้ประตูไปตั้งแต่ 2 นาทีแรกเลย เมื่อเจ้าบ้านแจกส้มให้โดยเอริค สวิตาเชนโก คืนหลังพลาดทำให้โมได้โอกาสและสังหารให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วครับ ทำให้ลิเวอร์พูลนั้นไม่ต้องทำอะไรมากนอกจากเก็บเนื้อเก็บตัวไว้ไม่ให้บาดเจ็บไปดีกว่า แต่กระนั้นพวกนักเตะชุดสำรองก็พยายามรีดผลงานกันเต็มที่ล่ะครับ มินามิโนะก็พยายามสร้างผลงานอย่างแข็งขันอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าเขาเองก็น่าจะรู้ตัวล่ะครับ ว่าตอนนี้ลำดับการลงสนามของเขาได้ถอยร่นลงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาแทบไม่มีโอกาสสอดแทรกลงไปในชุดใหญ่เหมือนช่วงต้นฤดูกาลแล้ว เกมนี้เขาเองก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรครับ มีจังหวะเปิดบอลให้โชต้ายิง และช่วยไล่บอล จ่ายบอลทะลุช่องสวยๆ หลายครั้งอยู่ ส่วนท่านเทพโอริกี้ ..... ยิ่งเล่นยิ่งเหมือนว่าตอนนี้เขาไม่เหลือร่างเทพมาประทับตัวอีกแล้วครับ กลายเป็นว่าแทนที่แฟนๆ จะดูว่าเขาจะสร้างผลงานอะไรให้ทีม กลับมาจับตาดูกันว่าวันนี้เขาจะทำอะไรฮาๆ ให้เราดูกันเสียมากกว่า (ฮา) กลับเป็นเด็กน้อยอย่างเลห์ตัน คลาร์กสัน เสียอีกที่ฉายแววให้แฟนๆ เห็นพอสมควร ว่าเขานั้นมีเซนส์ในการเล่นกองกลางที่ใช้ได้เลยทีเดียว การจ่ายบอลหรือไหวพริบอยู่ในขั้นดีเลยทีเดียว น่าจับตาครับว่าเขาจะทะลุจากชุดเยาวชนขึ้นมาต่อสู้ในทีมชุดใหญ่เหมือนรุ่นพี่ของพวกเขาได้ไหม ทางด้านเจ้าบ้านอย่างมิดทิลแลนด์เองก็ดูไม่มีพิษสงอะไรมากครับ ไม่ว่าจะบุกมาทางไหนก็เสร็จคู่เซ็นเตอร์อย่าง รีส และ ฟาบินโญาที่เกมนี้เล่นได้โดนเด่นสุดๆ ไปเสียหมด ทำให้ลิเวอร์พูลประคองตัวจนจบครึ่งแรกไปได้ชิลล์ๆ ด้วยประตูนำ 1-0






ลองของ


          เมื่อดูสถานการณ์แล้ว คล็อปป์เองก็เลือกที่จะพักสภาพร่างกายของนักเตะตัวหลักไว้ก่อนล่ะครับ เขาจึงส่งบิลลี่ คูเมติโอ ลงสนามมาแทนฟาบินโญ่ซะเลย ซึ่งนี่ก็ทำให้เกมรับของลิเวอร์พูลอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเจนทีเดียว ทางฝั่งเจ้าบ้านก็ได้ทีโหมบุกอยู่ตลอด เจ้าหนูบิลลี่เล่นไม่แย่ครับ ค่อนข้างโดดเด่นด้วยซ้ำในด้านความแข็งแกร่งและลูกกลางอากาศ แต่เด็กยังไงก็เป็นเด็กล่ะครับ และยิ่งเป็นการลงสนามชุดใหญ่ครั้งแรกๆ ของเจ้าตัวด้วยก็ยังมีช๊อตหลุดหรือไม่ละเอียดให้เห็นอยู่เรื่อยๆ เหมือนกัน  มิดทิลแลนด์อาศัยจังหวะนี้บุกอยู่นานจนมาได้ประตูตีเสมอจนได้ จากจังหวะที่เดรเยอร์ได้บอลหลุดเดี่ยวไปก่อนยกบอลหลบเคลเลเฮอร์ และมีจังหวะปะทะกันจนเจ้าตัวเสียหลักล้มลงไป และคลาร์กสันตามมาช่วยเตะทิ้ง ทีแรกในจังหวะนี้ไลน์แมนยกธงเป็นล้ำหน้านะครับ แต่เมื่อได้รับรายงานจากทีม VAR ก็มาพิจารณาดูอีกครั้ง ว่าจริงๆ แล้วจังหวะนี้ไม่มีการล้ำหน้าแต่อย่างใด นั่นก็เท่ากับว่าในจังหวะที่ี่เดรเยอร์ปะทะกับเคลเลเฮอร์นั้นเป็นการฟาวล์ในเขตโทษทันทีครับ และก็เป็นอเล็กซานเดอร์ โชลซ์ ยิงตีเสมอ 1-1 ให้กับเจ้าบ้านจนได้ หลังจากนั้นไม่นาน มิดทิลแลนด์ก็ส่งบอลเข้าประตูไปอีกหนนึงครับ เพียงแต่ว่าจังหวะนี้ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกล้ำหน้าไปเสียก่อน  จากสถานการณ์ที่ได้เขียนไปแล้วข้างต้น ทำให้รู้ได้ทันทีครับ ว่าเจ้าหนูบิลลี่ ที่แฟนๆ เชียร์กัน ดันกันอย่างเต็มที่นั้น ยังไม่พร้อมสำหรับชุดใหญ่จริงๆ ค่อยๆ สะสะแคลเซียมไปก่อนนะน้อง ทีมชุดใหญ่รอน้องอยู่ไม่ไกล



ประคองตัว

          พอเห็นท่าไม่ดี คล็อปป์ก็ไม่ปล่อยให้ทีมตกเป็นรองไปมากกว่านี้ครับ เขาจัดการเปลี่ยนตัวเอาเฮนโด้ , โรเบิิร์ตสัน , และฟีร์มิโน่ลงมาช่วยประคองเกมของทีมทันที  ซึ่งก็ยกระดับของทีมได้ระดับนึงครับ เพราะจริงๆ แล้วความเข้มข้นของเกมนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นักเตะตัวจริงก็แค่ลงมาช่วยน้องๆ ให้เล่นง่ายขึ้นและไม่โดนเผาไปมากกว่านี้เสียมากกว่า แต่ระดับของทั้งสองทีมนั้นก็ห่างกันอยู่ประมาณนึงนั่นแหละครับ นั่นทำให้สุดท้ายลิเวอร์พูลเกือบจะเป็นฝ่ายกำชัยไปในเกมนี้แล้ว เมื่อมาเน่ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ได้โอกาสโหม่งบอลจากลูกเปิดของเฮนโด้และบอลไปเข้าทางมินามิโนะเก็บตกซัดเข้าประตูไป เพียงแต่ถูกจับแฮนด์บอลไปเสียก่อนทำให้ถูกริบประตูไปอย่างน่าเสียดาย จริงๆ น่าเสียดายแทนมินามิโนะเหมือนครับ โอกาสที่จะทำคะแนนเพิ่มให้ตัวเองอยู่ในมือแท้ๆ ดันโดน VAR มาขวางทางซะนี่ ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลก็ประคองตัวเสมอบ๊วยอย่างมิดทิลแลนด์เข้ารอบไปแบบชิลล์ๆ    

          ภาพรวมๆ เกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่ดีครับ เด็กๆ ได้ประสบการณ์เพิ่ม และหลายๆ คนดูแล้วมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าแน่ๆ ภาพที่เราได้เห็นเด็กปั้นจากอคาเดมี่อย่างเทรนท์อาโนลด์ก้าวขึ้นมาในทีมชุดใหญ่จนได้รับปลอกแขนกัปตันทีมอาจจะถูกฉายซ้ำจากเด็กๆ ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ก็ได้นะครับ ใครจะรู้ .... YNWA ครับ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด