แต่อาจเพราะปีนี้เป็นฤดูกาลที่ “ไม่ปกติ” สมาคมฟุตบอลเลยให้สิทธิทุกทีม สามารถเปลี่ยนตัวนักเตะต่างชาติในทีมได้อย่างไม่จำกัด

เพราะเป็นปีที่ไม่ปกติ ฟุตบอลถูกเลื่อนแข่งขันมาหลายเดือนจาก โควิด-19 เมื่อกลับมาแข่งขันต่อ แต่นักเตะต่างชาติหลายคนสัญญาที่เซ็นไว้หมดระหว่างพักครึ่งซีซั่นพอดี

หลายทีมเลยถือโอกาส “เปลี่ยนแปลง” หยิบจับนักเตะเหล่านี้เข้ามาเติมเต็มภายในทีมกัน

ชลบุรี เอฟซี เป็น 1 ในทีม ที่เปลี่ยน “โควตาต่างชาติ” ทั้งหมด 5 ตำแหน่งที่มี

แฮริสัน ไคออน, ดราแกน บอสโควิช, จูเนียร์ โลเปส (โควตาต่างชาติ), คาซูโตะ คูชิดะ (โควตาเอเชีย) และ คาร์ลี เดร์ มูกา (โควตาอาเซียน) ทั้งหมดไม่ได้ไปต่อในเลกสอง

สะสม พบประเสริฐ ถือโอกาส “ล้างบ่อฉลาม” ใส่แมสก์จ่ายตลาดลูกหนัง คัดสรรฉลามที่อยากได้ ตัวที่ใช่เข้ามาสู่ทีม

ก่อนได้ 5 ฉลามตัวใหม่มาเข้าฝูงกับฉลามสัญชาติไทยดังนี้

 

เรนาโต เคลิช

ปราการหลังโคแอตวัย 29 ไม่ได้ไปต่อกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หลัง อเล็กซานเดร กามา ขนบราซิเลียนคอนเนคชันตามมาสร้างทีมใหม่ ทำให้ “ฉลามชล” ไม่รอช้าคว้า เคลิช เข้ามาร่วมทัพ

แม้จะมีจุดอ่อนที่ความเร็ว ทว่าสิ่งที่ทดแทนของ เคลิช คือการอ่านเกมขั้นเซียน ที่ดีกว่า จูเนียร์ โลเปส แน่ ๆ และส่วนสูงกว่า 191 ซม. ช่วยทีมในบอลกลางอากาศได้เสมอทั้งเกมรับเกมรุก ผลงาน 3 ประตูจาก กับ “ปราสาทสายฟ้า” ในเลกแรก และประสบการณ์มากมายในยุโรป น่าจะตอบโจทย์ในการช่วยหลังบ้านของทีมได้อย่างดี

 

จูเนียร์ เอลด์สตอล

ดาวเตะลูกครึ่งมาเลเซีย-สวีเดน เจ้าของส่วนสูง 191 ซม. มีจุดเด่นที่เล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และ มิดฟิลด์ตัวรับ ทำให้เรื่องบอลกลางอากาศน่าจะหายห่วงได้เลย นอกจากนี้ยังผ่านการค้าแข้งกับ ยะโฮร์ ดารุล ตะซิม ยักษ์ใหญ่ในลีกมาเลเซีย รวมถึงทีมชาติมาอีกด้วย

การได้ จูเนียร์ ที่เป็นฝรั่งในโควตาอาเซียนเข้ามาเสริม น่าจะขันเกมรับช่วยทีมได้ดีพอควร เพราะเอาเข้าจริง แข้งโควตาอาเซียนคนก่อนอย่าง คาร์ลี เดร์ มูกา ก็มีข้อผิดพลาดให้เห็นพอควรในแนวรับ การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น คือเรื่องปกติของวัฏจักรลูกหนัง

 

เจย์ซี จอห์น

แฟนบอลอย่างเราคุ้นหน้าค่าตา โจโจ้ เป็นอย่างดี เพราะผ่านการค้าแข้งในไทยลีกมาหลายสโมสร ฝากประตูเป็นกอบเป็นกำ อย่างไรก็ตามหลายคนอาจข้องใจว่า การเลือกดาวเตะวัย 35 ที่เลยจุดพีกสูงสุดในการค้าแข้งมาแล้ว คือการตัดสินใจที่ถูกแล้วหรือ

ผู้เขียนเดาใจ “โค้ชเตี้ย” ว่า เวลานี้ในแดนกลางทีมมี “ฉลามหนุ่ม” ทั้ง กฤษกา กาแมน, สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ หรือ รังสรรค์ วิรุฬห์ศรี แล้ว ยังไม่นับในรายแข้งใหม่อย่าง จูเนียร์ เอลด์สตอล ก็สามารถเล่นในตำแหน่งนี้ได้ ทำให้การเสริมโควตาเอเชียกองหน้าเข้ามาแทน จึงเหมาะสมแล้ว

โจโจ้ อาจไม่ได้รวดเร็วเหมือนสมัยค้าแข้งกับ ทรู แบงค็อกฯ ทว่าสิ่งที่มีเหลืออยู่คือ สภาพร่างกาย ประสบการณ์ในไทยลีก ความเก๋าเกม ที่พร้อมลงมาพลิกเกม หรือสร้างจุดเปลี่ยนในแดนหน้าให้ทีมได้

 

กาฟาร์ ดูโรซินมี

ปีกชาวไนจีเรียวัย 29 ที่ผจญภัยอยู่กับวงการฟุตบอลไทยมากว่า 10 ปี ทั้งระดับลีกรอง หรือลีกสูงสุด เรื่องประสบการณ์การปรับตัวจึงไม่น่าใช่ปัญหา

ด้วยความมีจุดเด่นที่ความเร็ว ไปกับบอลได้ดีเป็นทุนเดิม ทำให้ดีลนี้น่าจะเข้ามาเติมเต็มเกมริเส้นให้ ชลบุรี ได้ เพราะหลังจากที่ปล่อย ธีรเทพ วิโนทัย ไปให้ โปลิศ เทโรฯ ตำแหน่งตัวรุกริมเส้นเหลือเพียง เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, ภานุพงศ์ พลซา และ “เจ้าหนึ่ง” ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว การมาของ ดูโรซินมี จึงน่าจะเพิ่ม “มิติ” เกมรุกในระบบของ สะสม ได้พอควร

 

เอลิอันโดร กอนซากา

หลายคนตั้งคำถามว่า ชลบุรี คิดอะไรที่คว้ากองหน้าที่ทำไปเพียง 4 ประตู มาแทนที่ แฮริสัน ไคออน กับ ดราแกน บอสโควิช (ที่ยิงไปรวมกันไป 10 ลูกจาก 18 ประตู ที่ชลบุรี ทำได้ในเลกแรก)

แต่สิ่งที่ “โค้ชเตี้ย” อยากได้จาก เอลิอันโดร นอกจากเป็นตัวจบสกอร์แล้วอาจเป็น การพักบอล หรือเก็บบอลในกรอบเขตโทษ หรือจะเป็นการสร้างโอกาสให้แนวรุกคนอื่น ๆ เพื่มความหลากหลายในการเข้าทำ ซึ่งกองหน้าวัย 30 รายนี้ น่าจะมีให้ได้

เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูสถิติในเลกแรกของหมอนี่กับ สุพรรณบุรี เขายิงไปแค่ 4 ประตู แต่มีส่วนช่วยสร้างโอกาส รวมถึงแอสซิสต์ให้ทีม (ยิง 4 จ่าย 2 สร้างโอกาสให้เพื่อน 3) ว่ากันง่าย ๆ สุพรรณบุรี ยิงไป 17 ตุงในเลกแรก ผลงานมากกว่าครึ่ง หมอนี่มีส่วนร่วมทั้งสิ้น