:::     :::

กลับเป็นผู้สงสัย

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,071
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ตอนที่เจอร์เก้น คล็อปป์ให้สัมภาษณ์ในการแถลงข่าวตอนเข้ามาคุมทีมลิเวอร์พูลในวันแรกนั้นเขาหล่นคำพูดที่ว่า "ต้องเปลี่ยนผู้คนที่สงสัย ให้กลายเป็นผู้เชื่อมั่น" และถึงแม้ว่าคล็อปป์จะเคยทำเรื่องนี้สำเร็จไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าลิเวอร์พูลในตอนนี้จะกลับเป็น "ผู้สงสัย" ไปอีกครั้งแล้ว




ต้องการความเปลี่ยนแปลง

          ไม่น่าเชื่อนะครับ จากวันที่ลิเวอร์พูลถล่มคริสตัล พาเลสไป 7 - 0 และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจ่าฝูงอย่างสวยงาม แต่หลังจากนั้นผลงานในลีกของพวกเขากลับตกต่ำดำดิ่งดื้อๆ หาชัยชนะไม่เจอเลย และยังยิงประตูหลังจากนั้นได้อีกแค่ประตูเดียวเท่านั้น  ซึ่งมันถือว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อพอสมควรเหมือนกันครับ เมื่อทีมที่มีเกมรุกที่จัดจ้าน และโชว์ฟอร์ม มันเกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล ?? หลายๆ คนน่าจะมีคำถามนี้อยู่ในใจแน่นอน แต่คำตอบจริงๆ คืออะไร ? ผมว่าคล็อปป์และทีมเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกันล่ะครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันแน่ แต่กับการที่ทีมเกิดอาการปืนฝืดยิงประตูไม่ได้ต่อเนื่องแบบนี้ แน่นอนล่ะครับว่าหนึ่งในปัญหาของพวกเขาแน่ๆ คือ ปัญหาเกมรุกแน่นอน และคล็อปป์เองก็ไม่ได้นิ่งดูดายครับ เกมนี้เขาก็ลองเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในเกมรุกไปหลายตำแหน่งอยู่เหมือนกัน เพื่อที่จะหาความเปลี่ยนแปลงและหาความแปลกใหม่ในเกมรุกบ้าง โดยการพักซาล่าห์ และ ฟิร์มิโน่ไปก่อนแล้วเอา ดิว๊อก โอริกี้ กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงสนามมาแทนในเกมรุก และใช้ชากิรี่ลงมาในตำแหน่งมิดฟิลด์เพื่อเสริมเกมรุกให้ดุดันขึ้นอีกด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วก็ถือว่าแนวรุกชุดนี้ทำผลงานได้ค่อนข้างใช้ได้เลยล่ะครับ



          เกมรุกของลิเวอร์พูลในช่วงปืนฝืดที่ผ่านมานั้น อย่าเพิ่งไปพูดถึงประตูเลยครับ แค่”จังหวะจบสกอร์” ยังหาดูยากเลยในช่วงหลังๆ นี้ ทั้งซาล่าห์ , มาเน่ , และฟิร์มิโน่ ต่างหาโอกาสจบสกอร์แทบไม่ได้เลยในแต่ละเกม แต่กับเกมที่ใช้ผู้เล่นอย่างโอริกี้ และ ดิ อ๊อกซ์ ในเกมนี้ แม้ว่าพวกเขาจะยิงประตูไม่ได้ แต่เรายังได้เห็นจังหวะยิงประตูหรือการสร้างสรรค์เกมที่จบลงด้วยการยิงประตูได้ตลอดครึ่งแรกเลยก็ว่าได้ ทั้งโอริกี้ , ดิ อ๊อกซ์ , ชากิรี่ ล้วนแล้วแต่ได้โอกาสจบสกอร์กันทุกคน เพียงแต่พวกเขายังทำได้ไม่ดีพอก็เท่านั้น และน่าเสียดายอย่างสุดๆ เมื่อโอริกี้ ได้โอกาสทองหลุดเดี่ยวจากการผิดพลาดของเบน มี ทำให้โอริกี้หลุดเดี่ยวไปดวลเป้ากับ นิค โป๊ป ตัวต่อตัว แต่อาจจะด้วยความตื่นเต้น หรือ การร้างสนามไปนาน ทำให้จังหวะนี้ท่านเทพของเราทำได้ไม่ดีพอจากการที่ยิงไปจูบคานอย่างจัง เป็นการทิ้งโอกาสทองฝังเพชรไปอย่างน่าเสียดาย ถึงตอนนี้แฟนๆ ลิเวอร์พูลเองนอกจากจะด่าท่านเทพกันแล้ว (ฮา) ก็น่าจะเริ่มโทษฟ้าโทษดวงชะตากันแล้ว ว่ามันอะไรกันนักหนา ขนาดหลุดเดียวขนาดนี้ยังยิงไม่ได้เลยหรือ  พวกเขาต้องทำยังไงกันล่ะ ประตูที่พวกเขาต้องการถึงจะมาเสียที !!!






ความจริง ที่ต้องยอมรับ

          ลิเวอร์พูลพยายามเจาะเกมรับของเบิร์นลี่ตลอดทั้งครึ่งแรก และยังพยายามต่อเนื่องไปจนถึงครึ่หลังเลยล่ะครับ  แต่ในเมื่อพวกเขาทำไม่ได้ เจอร์เก้น คล็อปป์เองก็ส่งผู้เล่นตัวจริงอย่าง ซาล่าห์ และ ฟิร์มีโน่ลงมาเพื่อล่าประตูแทน แต่ว่ากันตรงๆ ครับ ช่วงเวลาที่ผู้เล่นชุด “ 3 ประสาน” อยู่ในสนามนั้น พวกเขาทำผลงานได้ย่ำแย่กว่าพวกบรรดาตัวสำรองเสียอีก กับข้อสงสัยที่ว่า แนวรุก 3 ประสานของลิเวอร์พูลกำลังประสบปัญหาใช่หรือไม่ ? อันนี้ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยล่ะครับ ว่าแนวรุก 3 ประสานของลิเวอร์พูลที่เคยสร้างความครั่นคร้ามไปทั่วยุโรปนั้น ตอนนี้เกิดปัญหาฟอร์มตกอย่างหนักจริงๆ ถ้าผมจำไม่ผิด พวกเขาสร้างโอกาสยิงประตูแบบจะแจ้งและตรงกรอบ มีแค่จังหวะของโม ซาล่าห์เพียงแค่ครั้งเดียว นอกจากนั้นพวกเขาแทบไม่ได้สร้างความลำบากให้กับนิค โป๊ปเลยแม้แต่น้อย และนอกจาก 3 ประสานที่ว่าแย่แล้ว ตอนนี้นักเตะอีก 1 คนที่ประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างหนัก คือ เทรนท์ อาร์โนลด์นี่แหละครับ จากแบ็กขวายอดเยี่ยมประจำปีของยุโรป ตอนนี้เจ้าหนูเทรนท์ฟอร์มหล่นแบบกู่ไม่กลับ การครอสบอลที่เคยเป็นอาวุธเด็ดของเขากลับหายไปเสียดื้อๆ ความแม่นยำในการครอสบอลของเทรนท์ตกลงอย่างน่าใจหายจริงๆ ครับ ฟอร์มตกแค่ไหนดูได้จากที่ลูกตั้งเตะจังหวะต่างๆ ในตอนนี้คล็อปป์เองก็ต้องให้คนอื่นมาช่วยแชร์ในหน้าที่ดังกล่าวแล้ว ไม่ใช่เทรนท์เป็นคนเหมาทุกครั้งแบบในช่วงปีที่ผ่านมา  แน่นอนครับ ว่ามันแทบจะไม่อยากยอมรับจริงๆ ว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งจนคว้ามาแล้วทุกแชมป์ในโลกนี้ วันนี้กลับกลายมาเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงพวกเขาไปเสียอย่างนั้น แต่ถึงอย่างไร ก็เป็นแบบที่ครูปรีชาว่าไว้ล่าครับว่า “ความจริงก็คือความจริง”  (ฮา) คล็อปป์เองก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าอาวุธของพวกเขาในตอนนี้มันอาจจะใช้งานไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว และอาจจะต้องหารูปแบบการเล่นใหม่ๆ ให้ทีมนี้เสียที หรืออาจจะต้องถึงขั้นมีการ “เปลี่ยนแปลง” เกิดขึ้นหลังจากจบฤดูกาลนี้ก็เป็นได้ครับ ใครจะไปรู้





คนดวงแตก


          ถ้าปัญหาในเกมรุกว่าแย่แล้ว คุณคิดผิดครับ (ฮ่า...) ลิเวอร์พูลยังตกไปได้มากกว่านั้นอีก คือ หลังจากที่ลิเวอร์พูลบุกอยู่ดีๆ และกำลังหัวหมุนกับการหาทางเจาะประตูเบิร์นลี่ให้ได้ แต่อยู่ก็เหมือนมีฟ้าผ่ามากลางแอนฟิลด์ครับ เมื่อลิเวอร์พูลกลับกลายเป็นผู้ตามหลังจากจังหวะที่พ่อหมีอลิสซงพลาดท่าไปทำฟาล์วแอชลี่ย์ บาร์นส์ ในจังหวะหลุดเดี่ยวจนกลายเป็นจุดโทษ และก็เป็นเจ้าตัวเองนั่นแหละครับ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปให้ทีมเยือนช๊อคแชมป์เก่าแบบตาตั้งกันเลยทีเดียว ...  ถ้าเป็นเมื่อฤดูกาลก่อนหน้านี้แฟนบอลคงไม่คิดอะไรมากเพราะคิดว่ายังไงลิเวอร์พูลเองก็น่าจะหาทางกลับมาได้อยู่แล้วและอาจจะมีบางพวกที่อาจจะหวังถึงชัยชนะไปเลยด้วยซ้ำ แต่กับสถานการณ์แบบนี้ทุกๆ คนรู้ดีครับว่ามันจบไม่สวยแน่นอน  และสุดท้ายก็เป็นแบบที่หลายๆ คนคาดคิดนั่นแหละครับ เมื่อสุดท้ายพวกเขาก็ได้แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาและหาประตูไม่เจอจนหมดเวลาไปด้วยสกอร์สุดช๊อคแบบนี้นั่นแหละ เป็นอันจบความยิ่งใหญ่ในแอนฟิลด์ไปอย่างน่าเจ็บใจด้วยการหยุดสถิติไม่แพ้ใครในบ้านไว้ที่ 68 นัดนี่ล่ะครับ และด้วยความเคารพและไม่ได้ดูถูกกันแต่อย่างใด แต่มันยิ่งรู้สึกแย่จริงๆ ที่ทีมที่หยุดสถิตินี้เป็นทีมอย่าง เบิร์นลี่ แบบนี้.....

          ตอนนี้เรื่องการลุ้นแชมป์อาจจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้วล่ะครับ  คล็อปป์เองอาจจะต้องกลับกลายมาทำหน้าที่เดิมๆ อีกครั้ง คือ “ต้องเปลี่ยนผู้คนที่สงสัย ให้กลายเป็นผู้เชื่อมั่น” ให้ได้แล้วล่ะครับ เพราะลิเวอร์พูลในตอนนี้ น่าจะมีแต่ความสงสัยจริงๆ ครับ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด