สำหรับเอดินสัน คาวานี่ กองหน้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้อายุของเขาจะล่วงเลยมาถึง 33 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ของเขา กลับช่วยเหลือพลพรรค “ปีศาจแดง” เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความคมในการยิงประตู และการลงมาช่วยเพื่อนสร้างสรรค์เกม
นั่นเป็นเรื่องราวในสนาม กระนั้น เรื่องราวนอกสนามที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคืออุปนิสัยของคาวานี่ ถือว่าเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนเอามากๆ และไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์เลย แม้ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ต้องเลือกปฏิบัติแบบดังกล่าวก็ได้
โดยเรื่องราวดังกล่าว ถูกเปิดเผยจากโรแม็ง โมลิน่า ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติของคาวานี่ หรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า “เอล มาทาดอร์ - คาวานี่” โดยบอกว่า กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ปฏิบัติกับผู้คนรอบข้างอย่างเท่าเทียม พร้อมกับติดดินเป็นที่สุด และนี่เป็นบางช่วงบางตอนที่เผยเอาไว้
โมลิน่า ออกมาบรรยายผ่านตัวอักษรว่า “ครั้งหนึ่ง, คาวานี่ เดินทางไปถ่ายแบบให้กับแบรนด์ดังอย่างฮิวโก้ บอสส์ ซึ่งถือว่าเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับกับเปแอสเช ยอดทีมจากฝรั่งเศส”
“หลังเสร็จสิ้นการถ่ายรูปแล้ว คาวานี่ เดินเข้าไปถามถึงแนวทาง และรูปแบบเครื่องแต่งกายที่เขาชื่นชอบ ซึ่งช่างภาพบอกว่า เขาสามารถเอาชุดดังกล่าวกลับบ้านไปได้เลย แบรนด์ยินดีที่จะสนับสนุน แน่นอนว่าผู้จัดการของแบรนด์ก็เห็นด้วยเหมือนกัน”
“อย่างไรก็ตาม คาวานี่ กลับตอบปฏิเสธไป พร้อมกับบอกว่า เขามีรายได้มหาศาลแล้ว และเขาไม่ต้องการได้รับของขวัญแต่อย่างใด โดยเขาต้องการแค่รูปแบบของเครื่องแต่งกาย เพื่อนำไปหาซื้อด้วยตัวเอง”
“หลังจากนั้น เขาควักเงินส่วนตัว พร้อมกับอุดหนุนสินค้าของฮิวโก้ บอสส์ 2 ชุดด้วยกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นบรรดานักเตะของเปแอสเช ทำอะไรแบบนี้ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องอะไรที่เล็กๆน้อยๆ กระนั้น มีเพียงคาวานี่ ที่เลือกปฏิบัติแบบนั้น”
โมลิน่า ยังเผยเรื่องราวที่อบอุ่นใจของกองหน้าในวัย 33 ปี นั่นคือการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยมิตรไมตรี โดยไม่มีความเย่อหยิ่ง และถือตัว เพียงเพราะเขาเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการลูกหนัง
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลายเป็นที่รักของคนรอบข้าง และได้รับความเคารพ ในฐานะของลูกผู้ชายคนหนึ่ง
หลังสือ “เอล มาทาดอร์ - คาวานี่” สะท้อนให้เห็นภาพเบื้องหลังที่น้อยคนนักจะได้สัมผัส สมัยที่ยังค้าแข้งกับเปแอสเช, คาวานี่ มักใช้เวลาว่าง ทำความรู้จักกับคนในส่วนเล็กๆของสโมสร อาทิเช่น พนักงาน และแม่บ้าน นี่คือความเอาใจใส่ในเรื่องที่หลายคนมองข้าม
โดยบรรยายว่าว่า “คาวานี่ มักจะไปนั่งกินข้าวกับพนักงานของสโมสรอยู่บ่อยๆ เขาไม่สนหรอกว่า อีกฝ่ายหนึ่งจะอยู่ในฐานะของซูเปอร์สตาร์หรือไม่ เขาชอบคุยกับพนักงานทำความสะอาด และแม่บ้าน”
โมลิน่า ทิ้งท้ายผ่านหนึ่งเรื่องราวน่าประทับใจลงในหนังสือว่า คาวานี่ มักจะใช้เวลาช่วงวันหยุด เดินทางกลับไปยังบ้านเกิด แน่นอนว่า เขาละทิ้งความเป็นนักเตะดาวดังเอาไว้เบื้องหลัง พร้อมกับใช้ชีวิตอย่างติดดินที่สุด เพราะเขาพึงพอใจกับวิถีในรูปแบบนี้นั่นเอง
กล่าวคือ ชีวิตของคาวานี่ ที่ประเทศอุรุกวัย เขาชื่นชอบวิถีแบบสโลไลฟ์ ในรูปแบบของเกษตรกร นอกจากการออกไปตกปลา ซึ่งเป็นกิจกรรมท่ีเขาชื่นชอบ และเป็นการต่อยอดการฝึกสมาธิแล้ว เขามักออกไปถอนขนแกะ เป็นการปล่อยตัวเองให้สัมผัสกับชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่ง
อีกอย่างคือ คาวานี่ มักใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายที่สุด ไม่มีรถยนต์คันหรู, ไม่มีแบรนด์เนม และไม่มีความฟุ้งเฟ้อ มีเพียงชีวิตในรูปแบบเดิม เหมือนที่เขาเติบโตมาในวัยเด็ก นี่คือสิ่งที่เขายังคงเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี พร้อมกับพยายามไม่ให้มันหล่นหายไปตามกาลเวลา
“เมื่อเขาเดินทางกลับบ้านเกิดที่เมืองซัลโต้ ประเทศอุรุกวัย คุณจะเห็นคนอย่างเขานั่งรถประจำทางอันแสนธรรมดา แม้เขาจะได้เงินเข้ากระเป๋า 16 ล้านยูโรต่อปี !! ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วล่ะ” โมลิน่า เขียนถึงคาวานี่
