:::     :::

"4-3-3" ไม้ตายพลิกนรกที่โซลชาต้องกล้าใช้

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
11,595
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อีกหนึ่งแผนที่ดีที่สุดบนโลกฟุตบอล ที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดชุดนี้ควรลองหยิบมาใช้งานแบบเต็มๆดู เป็นการ"นำเสนอแนวคิด"เพื่อผ่าทางตันแก้ปัญหาเกมรุกฝืดในขณะนี้ แม้เราจะรู้ดีว่าโอเล่คงเปลี่ยนยากก็ตาม

หากคนเรายังคงทำแต่สิ่งเดิมๆ ซ้อมแบบเดิมๆ ใช้แผนเดิมๆและนักเตะคนเดิม แต่คาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ วิธีคิดนี้ใช้ได้กับเรื่องทั่วๆไปรวมถึงกีฬาทุกๆประเภท ไม่เว้นแม้กระทั่ง "ฟุตบอล"

เพราะการเอาแต่ย่ำอยู่กับที่ใน"เซฟโซน"ที่ตัวเองสบายใจนั้น นอกจากจะไม่เกิดการพัฒนาแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการถอยหลังลงคลองด้วย

สิ่งที่เรากำลังจะพูดอยู่นี้คือการทำทีมของโซลชา ที่อยู่ในช่วงติดลูปขาลงอีกครั้ง หลังจากที่เกมลีก7นัดหลังสุดยูไนเต็ดเก็บได้เพียงแค่10แต้ม จากคะแนนเต็ม21 ด้วยการชนะ2นัด เสมอ4นัด และแพ้1นัด

ชัยชนะ9-0 ต่อเซาท์แธมพ์ตันเกือบๆจะไม่มีผลอะไรต่อการลุ้นแชมป์ของเราเลย แม้เราจะยำใหญ่อลังการแค่ไหน แต่มันก็แค่สามแต้ม และเราไปพลาดกับทีมระดับบ๊วย และรองบ๊วย ที่สองนัดเก็บได้เพียง "1คะแนน" เท่านั้น ทำให้ทุกอย่างแทบจะจบสิ้นแล้วสำหรับการลุ้นแชมป์ในปีนี้ที่ต้องยอมรับความจริงว่า ระดับของทีมยังคงห่างกับแมนซิตี้อย่างมากในความคงเส้นคงวา และมาตรฐานการเล่นที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้

ในขณะที่ซิตี้ติดเครื่องแล้วยาวแน่นอน เพราะผู้จัดการทีมและนักเตะเขามีประสบการณ์ทำได้แบบนี้อยู่ทุกๆปี จะบอกว่า"มันจบแล้วครับนาย" ก็อาจจะว่าได้

แต่เฉพาะเรื่องตำแหน่งแชมป์ลีกนะ จริงๆงานของยูไนเต็ดยังไม่จบ เพราะตอนนี้อันดับ3-4 ก็ขึ้นมาจ่อคอยแล้วเรียบร้อย เรามีหน้าที่ต้องรักษาอันดับต่อไปให้ดีที่สุด ด้วยการลงเล่นในเกมลีกทุกนัดให้ดีโดยไม่ต้องสนใจเรื่องอันดับใดๆทั้งสิ้นให้กดดันตัวเองเล่นเสียเปล่าๆ

ยูไนเต็ดติดหล่มของช่วงคะแนนที่นำหน้าด้วยเลข4มานานแล้ว กับการเล่นแบบเดิมๆ ใช้แผนเดิมๆลงสนาม แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยการที่นักเตะ"ตัวแบก" ประจำทีมอีกหนึ่งคนอย่าง ปอล ป็อกบา เกิดปัญหาอาการบาดเจ็บขึ้นมาและต้องพักสักระยะใหญ่ๆ อาจจะอีกหลายนัดเลยทีเดียวที่ป็อกไม่สามารถกลับมาลงสนามได้

นับตั้งแต่เจ็บออกไปในเกมเจออาร์เซนอล เชื่อว่าหลายๆนัดที่ผ่านมาหากยังมีเขาอยู่ เราน่าจะเก็บสามแต้มได้แน่ๆ อย่างนัดอาร์เซนอลเอง ทีมกำลังเล่นดีๆ ถ้าป็อกบาไม่เจ็บ ก็มีลุ้นที่จะชนะสูง ไม่ต้องพูดถึงการเจอกับเอฟเวอร์ตันหรือเวสต์บรอมเลย

ในช่วงที่ป็อกหายไปจากทีม เราต้องยอมรับว่าผลงานของยูไนเต็ดดร็อปลงไปเยอะมาก ก่อนหน้านี้นักเตะเราสลับๆกันพีค และเรียงหน้ากันขึ้นมาตัดสินเกมกันอยู่บ่อยๆ แต่พอเขาหายไปมันก็กลับไม่เป็นเช่นนั้น ตัวอื่นๆก็ดูจะหายไปด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะที่เคยยิงประตูได้มากมายอย่างมาร์คัส แรชฟอร์ด ก็เกิดปัญหาในภาคการเล่นอย่างแรงเมื่อขาดตัวปั้นเกมรุกดีๆให้เขามีโอกาสทำประตูได้  ส่วนแรชเองก็ยังไม่ดีพอในการทำเกมด้วยตัวเอง เนื่องจากสไตล์การเล่นที่ติดการใช้ความสามารถเฉพาะตัวเยอะ และมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายที่ดูจะใช้ความคิดมากไป จนทำให้จังหวะการเล่นมันติดขัดและไม่ลื่นไหล

ดังนั้นจะเห็นว่าเราเผชิญกับปัญหามากมายที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การขาดหายไปของนักเตะเจ็บ แต่เป็นทุกๆภาคส่วนในทีมจริงๆที่ต้องได้รับการแก้ไข และหาสิ่งที่เรียกว่า "turn point" ให้ได้โดยเร็ว เพื่อจะจุดไฟแห่งฟอร์มการเล่นพีคๆให้กลับมาสู่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอีกครั้ง ในช่วงสุดท้ายของฤดูกาลอีก2-3เดือนข้างหน้า

และ turn point ที่ว่าจะเกิดขึ้นได้ มันต้องมาจากสิ่งใหม่ๆอย่างเช่นการ "ลองเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง" ในทีมดูบ้าง

เราอาจจะซื้อนักเตะเข้ามาใหม่ไม่ได้ในช่วงเวลานี้, นักเตะในทีมก็ยังคงเป็นคนเดิมๆที่เรามีอยู่ ดังนั้นวิธีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับทีม ด้วยทรัพยากรเดิมๆได้นั้นก็คือ "การเปลี่ยนแผนการเล่นใหม่ๆ" นั่นเองที่ทำได้

และนั่น คือสิ่งที่เรากำลังจะพูดวันนี้ว่า แผนใหม่(หน้าคุ้นๆ)แผนนี้ มันคือการที่โอเล่ ควรลองออกจากเซฟโซนแผนเดิมๆอย่าง 4-2-3-1 ที่ใช้มายาวๆ ลองปรับมาเป็นแผนที่ทรงการยืนเปลี่ยนเล็กน้อยในแผงกองกลาง แต่สามารถปรับปรัชญาการเล่นได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

และแผนที่ว่านั่นคือ "4-3-3" นั่นเอง

แผน4-3-3นั้นแตกต่างกับ 4-2-3-1 เพียงแค่เปลี่ยนกลางคู่ตัวต่ำ ให้เหลือกลางต่ำ(รับ)เพียงแค่ตัวเดียว แล้วใช้เป็นมิดฟิลด์เชิงรุก2คนเล่นคู่กันในแดนบนนั่นเอง ส่วนอื่นๆของทีมยังคงเหมือนเดิมหมด ไม่ว่าจะเป็นแบ็คโฟร์ หรือ ฟร้อนท์ทรี

การปรับมาใช้ 4-3-3 แทบจะไม่ต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นหลักที่จำเป็นใดๆมากนัก และอีกอย่างที่สำคัญที่แฟนผีไม่ต้องห่วง หากจะลองมาเล่น 4-3-3 ดูบ้างนั้นก็คือ

ก็โอเล่เองนั่นแหละที่มักจะปรับแผนมาเป็นสูตรนี้เองอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ทีมอยู่ในสถานการณ์ที่ "ต้องการประตู" อย่างมากในช่วงท้ายๆ นี่คือแผนที่โอเล่มักจะปรับให้ทีมมาเล่น 4-3-3 บ่อยๆครั้ง ล่าสุดก็เกมที่แล้วนี่แหละที่เจอกับเวสต์บรอมวิช เขาก็ปรับเป็นแผนนี้จริงๆในช่วงท้าย เมื่อถอดเอากลางตัวต่ำหนึ่งในคู่double pivotอย่าง"เฟร็ด" ออกจากสนาม แล้วส่งดอนนี่ ฟานเดอเบค ลงมาเล่นแทน ซึ่งก็จะเป็นกลางรุกสองคนที่ทำเกมแดนบนด้วยกัน แล้วทิ้งกลางต่ำไว้ในสนาม"คนเดียว"นั่นคือ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์

ดังนั้นถ้าหากใครจะกลัวว่า เราจะเล่นได้เหรอ 4-3-3 นักเตะต้องมาซ้อมความเคยชินใหม่อีก ฯลฯ บอกเลยว่าไม่ต้องกลัว

โอเล่เขาก็ใช้อยู่นั่นไงล่ะ

และมันก็แทบจะไม่กระเทือนอะไรกับวิธีการเล่นหลักๆในทีมเลย ดังนั้นในเรื่องของการนำมาใช้จริงว่าเด็กเราจะเล่นกันได้ไหม บอกได้เลยว่าแผนนี้เอามาใช้ได้แน่นอน

ถามว่า ถ้าจะเปลี่ยนแปลง ทำไมถึงต้องเป็น 4-3-3 ทำไมเราไม่ลองแผนอื่น อย่าง 4-4-2, 4-3-1-2 หรือแม้กระทั่ง 3-4-3บ้าง? สาเหตุที่หยิบยกเอาประเด็นแผนนี้มานั้น เนื่องจากว่า มันเป็นหนึ่งในglobal formationที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอล ซึ่งใครๆเขาก็ใช้กัน ยกตัวอย่างง่ายๆ นี่คือแผนหลักของลิเวอร์พูลช่วงปีหลังๆนี้ รวมถึงเชลซี และทีมชั้นนำอื่นๆหลายทีมในยุโรปก็ใช้กัน

4-3-3 เป็นแผนที่มีความสมดุลมากที่สุดแผนหนึ่ง เมื่อมีกลางที่แข็งแกร่ง เพราะใช้มิดฟิลด์ตัวรับในแผน รวมถึงกองกลางที่ทำงานคู่กันข้างหน้าสองคน ในขณะที่เกมริมเส้นก็ไม่ขาด เพราะแผนนี้มีทั้งปีกและแบ็ครวมกัน4คน และใช้งานพื้นที่ได้ครอบคลุมสนามได้ดีที่สุด ดียิ่งกว่า 4-2-3-1 เสียอีก

ส่วนแผนอื่นๆทำไมไม่ลอง เช่น 4-4-2 อันนี้ข้ามไปได้เลย ยูไนเต็ดไม่มีปีกคุณภาพดีทั้งสองข้างมานานแล้ว การจะลองใช้แผนนี้ที่เน้นปีก ถือเป็นการฆ่าตัวตายสุดๆ และนักเตะก็ไม่ดีพอจะใช้งาน เพราะงั้นตัดแผนนี้ทิ้ง

4-3-1-2 เป็นการเน้นแผงกองกลางอย่างมาก ซึ่งทีมเราก็มีกลางเยอะ น่าจะเหมาะกับแผนนี้ แต่จริงๆแล้วการใช้ 4-3-1-2 ก็เกือบๆจะเป็น 4-4-2 diamond อยู่แล้วเพียงแต่ว่าปริมาณมิดฟิลด์ที่ใช้เป็นตัวต่ำก็ยังเยอะอยู่ ในขณะที่ตัวรุกมีแค่3คน เป็นหน้าคู่กับกลางรุกเท่านั้นที่เป็นตัวรุกจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วเกมรุกก็อาจจะฝืดแน่นอน

แฟนแมนยูคงไม่อยากจะดูทีมที่เกมรุกฝืดๆใช่ไหมล่ะ?

ไม่ต้องพูดถึงแผนหลังสามอย่าง 3-4-3 หรือ 3-4-1-2 เลย ที่เป็นการใช้หลังสาม แผนนั้นอาจจะเหมาะกับการใช้เจอซิตี้หรือลิเวอร์พูลแค่สองทีมเท่านั้น แต่หลักๆเราไม่ได้เจอสองทีมนี้ และทีมก็มีศักยภาพดีพอที่ไม่ต้องใช้กองหลังถึงสามตัวในการเล่น อันจะทำให้นักเตะในส่วนของเกมรุกหายไปอีกคน

ส่วนแผน 4-4-2 Diamond ที่ถูกพูดถึงกันบ่อยๆอย่างหนาหูในช่วงแรกๆของซีซั่น สุดท้ายแล้วโอเล่ก็ไม่ได้ใช้แผนนี้เลยแม้ว่าจะมีมิดฟิลด์ตัวกลางเต็มทีม เนื่องจากโอเล่จะปรับเอามิดฟิลด์เหล่านั้นไปใส่ไว้ใน 4-2-3-1 แบบไฮบริดมากกว่า โดยใช้เป็นมิดฟิลด์เพลย์เมคเกอร์ ยืนตำแหน่งตัวรุกด้านข้างแต่หุบเข้ากลาง ใช้แบบนี้มากกว่าจะเป็นไดมอนด์

บางทีแผนส่วนใหญ่จะไฮบริดไปเป็น 4-2-2-2 แบบมิดฟิลด์กล่องที่ใช้ คู่กลางรับ2 คู่กลางรุก2 มากกว่าจะเป็นไดมอนด์ที่ กลางรุก1+กลางรับ1+ลูกหาบbox to box เหลี่ยมข้างซ้ายขวาด้วยซ้ำ

เมื่อเป็นเช่นนี้ แผนอื่นๆที่เป็น alternating formationสำหรับโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในการจะใช้งานเป็นพื้นฐานทั่วๆไปในการเล่นของทีม ถ้าอยากจะเปลี่ยนเป็นแผนสองดูบ้างนั้น 4-3-3 เหมาะที่สุดด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว

การใช้ 4-3-3 จะช่วยแก้ไขปัญหาบางอย่างที่เราเจออยู่ในขณะนี้ นั่นก็คือการมีเกมรุกที่ฝืดและไม่มีปัญญาเจาะคู่แข่งที่เตรียมมารับลึกใส่เราแล้วรอสวนกลับ หรือรอเพียงแค่ได้ลูกเซ็ตพีซแล้วก็โยนๆยัดๆมาใส่หน้าโกลเรา เดี๋ยวก็ได้ประตูแล้ว เรื่องนี้ทีมอื่นๆเขารู้จุดอ่อนเราหมดแล้วล่ะ(ฮา)

หากอยากให้มันเปลี่ยนแปลง เราลองมาใช้แผนที่มี "กลางรุกสองคน" ดูบ้าง จากที่ปกติเรายึดโยงกับแผนที่ใช้บรูโน่เป็นแกน อย่าง 4-2-3-1 จะเห็นชัดว่าตัวรุกคือบรูโน่คนเดียว ต้องรับผิดชอบแดนหน้าสามคน ซึ่งทีมเรามีปัญหาตรงที่ นักเตะคนอื่นๆไม่สามารถครีเอทเกมรุกได้เลย ไม่ว่าจะปีกสองข้าง หรือ "มิดฟิลด์คู่กลางสองคน" ที่เป็นตัวด้านหลังบรูโน่ และโอเล่ก็มักจะใช้เป็น แม็คเฟร็ด อยู่เสมอๆ

เราเล่นแบบนี้ แผนนี้ โดยมีบรูโน่แบกเกมรุกอยู่คนเดียวมานานแล้ว ในยามที่ปีกเล่นกันแบบน่าเขกกะโหลก เพราะฉะนั้นในเมื่อหวังพึ่งกับปีกยังไม่ได้ในการทำเกม ดังนั้นทำไมเราจึงไม่เปลี่ยนแผน มาลองใช้ "กองกลางตัวทำเกม" เป็นสองคนในแผน 4-3-3 ดูล่ะ?

คิดไปทีละสเต็ป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การที่เราพยายามจะใช้ 4-3-3 มีข้ออะไรที่เราต้องระวังหรือเตรียมการบ้าง จากที่เขียนมามีสองประเด็นที่โอเล่ต้องคิด นั่นก็คือ

-กลางรับที่มีความสามารถจะ"ยืนคนเดียว" เพื่อจะ เล่นเกมรับ รวมถึงครองบอลด้วยตัวเองคนเดียวได้

-กลางรุกที่จะมาทำเกมกับบรูโน่

1.กลางรับที่ยืนคนเดียวได้ เล่นเกมรับได้ โฮลด์บอลได้

โจทย์นี้ถือเป็นเรื่องที่นักเตะเราบางคนอาจจะจำเป็นต้องกล้าเล่น และกล้าพัฒนาตัวเองเพื่อเล่นตำแหน่งนี้ให้ได้ ผมมองว่าเรามีตัวที่ยืนกลางรับต่ำคนเดียวได้อยู่สองคน ขณะนี้ นั่นก็คือ "เนมันย่า มาติช" ซึ่งก็เป็นตำแหน่งปกติของเขาอยู่แล้ว และอีกคนก็คือ "สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์"

สองคนนี้สามารถสลับกันใช้ยืนในตำแหน่งDM และเล่นได้หลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นAnchor man ที่ปักหลักสกรีนงานอยู่หน้าแผงหลัง รวมถึง Defensive Midfielder ที่เล่นในมิติของมิดฟิลด์กลางสนามตามปกติ แต่จะทำหน้าที่ในเกมรับเป็นพิเศษ ไม่เติมรุกมากนัก

และปกติ แม็ค กับ มาติชเองก็สามารถเล่นHalf Backที่เป็นกึ่งๆเซ็นเตอร์ได้ด้วยบางเวลา ขณะกำลังเซ็ตบอลสองคนนี้ก็จะลงไปเซ็ตหลังสามชั่วคราวกับCBสองคนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในความเป็นมิติกองกลางตัวต่ำ ยังไงก็มีแค่สองคนนี้เท่านั้น

ส่วน "เฟร็ด" นั้นโดยธรรมชาติเขาไม่ใช่กลางรับ กลางต่ำ แต่เขาคือตัวเชื่อมเกมในแดนกลางแบบมิดฟิลด์Carrileroที่เป็นลูกหาบ ดังนั้นในแผน 4-3-3 เราไม่ควรใช้เฟร็ดเล่นกลางรับ มีเพียงแค่แม็คโทมิเนย์กับมาติชเท่านั้นที่ใช้ได้

2.กลางรุกที่จะทำเกมกับบรูโน่

เวลาเล่นแผน 4-3-3 เช่นนี้นั้น กลาง2ใน3 จะเป็นคู่กลางตัวบนที่ทำเกมรุกคู่กันในตำแหน่งของ "หมายเลข8" คู่กัน หรือที่มีศัพท์ไว้เรียกย่อเฉพาะๆของคู่กลางรุกแบบเบอร์8สองคนนี้ว่า "8s" ซึ่งเป็นสิ่งที่เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์ใช้

1ในสองกลางุรก แน่นอนว่าเป็นบรูโน่ แฟร์นันด์ส อยู่แล้ว แต่เราต้องหาอีกคนนึงที่จะมาเล่นรุกคู่กับบรูโน่

และแน่นอน คำตอบมันมีอยู่แล้วโต้งๆ ตัวเลือกแรกคงจะเป็นปอล ป็อกบา คือนักเตะที่ดีที่สุดในการทำเกมรุกคู่กับบรูโน่ในการขึงพืดคู่แข่งด้วยกันในแดนบน ด้วยเซนส์ที่ทันกัน ฝีเท้าที่ตัดสินเกมได้ทุกเมื่อ และการสร้างสรรค์เกมรุกที่เต็มไปด้วยจินตนาการ และสไตล์ที่ต่างกัน คนนึงวางบอลแนวลึกอย่างละเอียดแม่นยำ ส่วนอีกคนกล้าแทง กล้าเสี่ยงจ่ายบอลเร็วเข้าพื้นที่อันตราย

คู่บรูโน่-ป็อกบา น่าจะเหมาะที่สุดในการเป็นตัวเลือกแรกในแผน4-3-3

แต่หากป็อกบาไม่อยู่ขึ้นมา ยิ่งตอนนี้ด้วยที่เขาเจ็บนานๆออกไปจากทีมนั้น ในช่วงนี้คงเป็นใครไปไม่ได้ที่จะเหมาะเอามาใช้เล่นในแผน 4-3-3 คู่บรูโน่อีกแล้วนอกจาก Donny van de Beek นักเตะไอคิวฟุตบอลสูงที่แฟนบอลบางส่วนค่อนขอดว่า "ไม่ทำอะไรเลย" หรือบางคนมองว่าตัวนี้กากด้วยซ้ำ

แต่มิติการเล่นของฟานเดอเบค เหมาะอย่างมากที่จะใช้งานด้วยการจับคู่กับบรูโน่

สไตล์การเล่นที่เน้นหาตำแหน่งที่ดีเพื่อทีมนั้น มันเป็นroleที่จะไม่ได้เป็นคนมาทำเกมรุกด้วยตัวเอง เหมือนอย่างที่แฟนผีบางคนคาดหวังว่าVDBจะเข้ามาเพื่อจะมาเป็นตัวแทนให้บรูโน่ และต้องเล่นให้ได้แบบนั้น

หรือไม่ก็อยากให้เก่งเหมือนพวกกลางรุกอย่างเดอบรอยน์เป็นต้น ซึ่งมันไม่ใช่เลย เพราะสไตล์ต่างกัน มิติก็ต่างกัน โอเล่เองก็ต้องการให้VDBขึ้นไปเล่นสูงในกรอบเขตโทษเพื่อเติมเกมรุกอยู่แล้วตั้งแต่แรก

ดังนั้น ฟานเดอเบคในยามลงสนามจึงจำเป็นต้องมีนักเตะเพลย์เมคเกอร์ตัวอื่นที่เป็นคนครองบอลบุกหลักๆแทนเขา เพื่อที่เขาจะได้วิ่งหาพื้นที่ป่วนคู่ต่อสู้ และสอดตัวเองเข้าไปยังจุดอันตรายได้เสมอๆ ซึ่งเป็นมิติที่ไม่มีใครในทีมมีเลย

เราคงไม่ได้อยากได้บรูโน่2คน มาเล่นทับตำแหน่งกันเองหรอกมั้ง ใช่ไหมล่ะ

ในช่วงท้ายเกมที่เสมอเวสต์บรอม1-1 คือคำตอบที่เห็นได้ชัดว่า 4-3-3 ของโซลชานั้นใช้งานได้ เมื่อแมนยูไนเต็ดบุกกระหน่ำใส่ทีมตั้งรับลึกแบบเวสต์บรอมได้เข้าน้ำเข้าเนื้อสุดๆโดยเฉพาะสิบนาทีท้ายรวมทดเจ็บ แมนยูกระหน่ำเข้าจุดตายพวกเขาได้บ่อยๆ เนื่องจากมิติเกมรุกมันหลากหลายมากๆ เรามีทั้งบรูโน่ตัววางบอล มีตัวชิ่งสั้นเร็วเข้าจุดอันตรายอย่างฟานเดอเบค รวมถึงหน้าเป้าที่รอโหม่งอย่างคาวานี่ และกองหน้าสายForwardอย่างแรชฟอร์ด หรือกรีนวู้ด ที่พร้อมจะพาบอลเข้าโจมตีตลอดเวลา

นี่ยังไม่รวมการครอสของแบ็ค ที่ลุค ชอว์ก็ทำได้ดีในช่วงนี้

จะเห็นได้เลยว่า การมีคาวานี่ กับ ฟานเดอเบคเข้ามา มันสร้างมิติเกมรุกให้ทีมเพิ่มมากขึ้นถึงสองรูปแบบเต็มๆ จากที่เมื่อก่อนเราก็มีแต่พวก แรช หมาก กรีนวู้ด คอยเลี้ยงกระชาก เล่นบอลชายเดี่ยวกันอย่างเดียวในสมัยก่อน แต่ตอนนี้รูปแบบเราค่อนข้างแพรวพราวต่างกับยุคนั้นลิบลับ

ดังนั้น ฟานเดอเบค คืออีกหนึ่งคำตอบที่ว่า แมนยูไนเต็ดสามารถปรับมาเล่น 4-3-3 ได้อย่างสบาย และคำตอบก็อยู่ในตัวมันอยู่แล้ว เมื่อโอเล่เองก็เอามาใช้ในยามที่ต้องการโหมบุกใส่คู่แข่งนั่นเอง

เพราะฉะนั้นเมื่อเงื่อนไขมันพอจะทำให้เป็นไปได้ ทั้งกลางรุกคู่บรูโน่ เราก็ใช้ฟานเดอเบคที่โคตรเหมาะได้ ส่วนกลางรับนั้น ถึงเวลาที่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ อาจจะต้องออกจากเซฟโซน และพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆกับโตขึ้น ด้วยการรับหน้าที่กลางตัวต่ำให้กับทีมเพียงแค่คนเดียว โดยไม่มีเฟร็ดวิ่งไล่อยู่ข้างๆ

เราเชื่อว่าศักยภาพของน้องแม็คมากล้นพอจะพัฒนาตัวเองให้สามารถยืนเป็นกลางรับคนเดียวให้ทีมได้

แล้วกองกลางคนอื่นๆที่เหลือล่ะ? จะยังไงกับแผนนี้

-เนมันย่า มาติช แน่นอนครับตัวนี้คือตัวเลือกอีกคนแทนน้องแม็ค ถ้าจะเล่นแผนนี้แกก็ยืนกลางต่ำได้สบายๆ ส่วนใครที่กังวลเรื่องเกมรับ ผมถามคำเดียวว่า ใจคอจะให้มาติชมันวิ่งไล่คนเดียวหรืออย่างไร เกมรับก็ต้องช่วยวิ่งกันทั้งทีม รวมถึงต้องเชื่อใจแผงกองหลังเราด้วย ดังนั้นการใช้กลางรับคนเดียว ผมว่าเป็นไปได้ และมาติชยืนจุดนี้ไหวแน่ๆ แต่อาจจะไม่ได้ลงทุกนัด ก็แค่สลับกับแม็คเท่านั้นเอง

-เฟร็ด ดูเหมือนจะไม่มีที่ว่างให้เฟร็ดในแผน 4-3-3 แต่จริงๆเฟร็ดสามารถยืนเป็นกองกลางคู่ได้ เพราะเราไม่จำเป็นต้องใช้กลาง2ตัวบนเป็นรุกจ๋าๆเต็มตัว แต่หนึ่งในนั้นใช้เป็นพวกbox to box หรือตัวเชื่อมแดนกลางก็ได้ เหมือนที่เลสเตอร์ใช้งานเจมส์ แมดดิสันเป็นกลางรุกตัวเดียว ส่วนอีกคนนึงก็ใช้เป็นลูกหาบช่วยงานเขา เพราะงั้นเฟร็ดลงแผนนี้ได้บางครั้งที่อยากrotationในช่วงท้ายเกม

-ป็อกบา คนนี้แน่นอนครับ ถ้าคุณป็อกหายกลับมา นี่จะเป็น"ตัวเลือกแรก" ในแผน 4-3-3 ที่จะยืนกลางรุกตัวซ้ายให้กับทีมแน่นอน ส่วนขวาก็ให้บรูโน่ไป และเมื่อเป็นเช่นนั้น ป็อกบาจะมีฟอร์มที่ไฉไลยิ่งกว่าน้ำยาล้างจานซันไลต์แน่นอน เพราะพี่แกไม่ต้องพะวงเกมรับ และจะเล่นได้เหมือนกับในทีมชาติฝรั่งเศสแน่นอน หากว่าแกสามารถโรมมิ่งเกมรุกได้อย่างอิสระ และเมื่อไหร่ที่ต้องการพักก็ยังมีฟานเดอเบค รอเป็นตัวช่วยตำแหน่งนี้ได้

นอกจากฟานเดอเบคแล้ว คนที่เหมาะมากๆกับแผนนี้คือปอล ป็อกบานี่แหละ มันจะเป็นแผนที่ขับเอาความWorld-Classออกจากตัวคุณป็อกยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

เมื่อเป็นเช่นนี้ รูปร่างหน้าตาที่หากว่าโอเล่เปลี่ยนแผนมาใช้ 4-3-3 นั้น ทรงการยืนและตัวผู้เล่นที่ดีที่สุดในแผนนี้ควรจะเป็นยังไงบ้าง ก็น่าจะตามนี้เลย

Manchester United 2020/21 "4-3-3" by ศาลาผี

ภาพนี้จะค่อนข้างชัด สำหรับนักเตะที่จะยืนเป็นตัวหลักในแผน และในวงเล็บก็คือตัวที่จะมาrotationให้กับตัวหลักในตำแหน่งนั้นๆ

แผงแบ็คโฟร์ที่ดีที่สุดใน4-3-3 ก็ไม่ต่างอะไรกับแผนปัจจุบัน ลุค ชอว์ แมกไกวร์ วานบิสซาก้า ตัวหลักแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนเซ็นเตอร์แบ็คคู่แมกไกวร์จริงๆเอริค ไบญี่ ถ้าหากไม่เจ็บก็มีภาษีที่ดีกว่าและลงตัวจริง โดยมีลินเดอเลิฟสำรองแบ็คอัพให้

กองกลางสามคน กลางต่ำตัวหลักอยากให้ลองใช้สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ในตำแหน่งนี้ จึงจะดูดีที่สุด ถ้าวันไหนแม็คพัก ก็เป็นมาติช ที่ลงกลางต่ำตัวเดียวพอไหว และใช้ในเกมที่มีโอกาสครองบอลเยอะกว่าคู่แข่งก็ได้ มาติชจะเหมาะมากเพราะสกิลโฮลดิ้งเหนือกว่าแม็คแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

หลายๆเจ้าก็คิดคล้ายๆกัน มาติชสามารถยืนกลางต่ำคนเดียวได้

กลางรุกสองคน แน่นอนว่าป็อกบา บรูโน่ ยืนหนึ่ง แต่อีกคนนึงที่เหมาะกับแผนนี้ และเล่นแทนป็อกบาได้คือ ฟานเดอเบค ที่จะรุกเข้าขากันดีกับบรูโน่ และที่สำคัญ ไม่ทับตำแหน่งกันเอง เพราะสองคนนี้เล่นไม่เหมือนกันเลย คนนึงหาจังหวะเสี่ยงเปิดบอลบุกตลอดเวลา ส่วนอีกคนวิ่งพล่านหาตำแหน่งเล่นงานคู่ต่อสู้ และเล่นบอลเร็วเว่อร์ๆใส่ในพื้นที่อันตรายเพื่อเจาะเกมรับแน่นๆ

สามประสานแดนหน้า ยังไงก็ควรเป็น แรชฟอร์ด คาวานี่ และ กรีนวู้ด ตามลำดับ ที่เป็นตัวจริงของทีมในขณะนี้ ส่วนมาร์กซิยาล หากโอเล่ยังอยากใช้ก็ควรรอเป็นสำรองของแรชฟอร์ด ถ้าแรชเล่นไม่ออก ก็ค่อยสลับหมากลงมาแทนตำแหน่งกันโดยตรง

ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

แน่นอนว่าหยิบยก นำเสนอแผนการเล่นนี้มาแล้วนั้นต้องคำนึงถึงผลกระทบในมิติอื่นๆด้วย หากเราปรับมาเล่นแผนนี้ในตอนนี้ จะเกิดปัญหาด้านใดขึ้นได้บ้าง จากการพิจารณาแล้ว มีอยู่ประเด็นเดียวเน้นๆเลย นั่นก็คือ

"มิดฟิลด์ตัวรับในแผน 4-3-3 อาจจะยืนคนเดียวได้ยาก"

อย่างที่เราทราบกัน เนมันย่า มาติชมีปัญหาเรื่องอายุ สปีด และพลังงานในการไล่บอลและแกก็ไม่ได้เป็นตัวรับจ๋าๆด้วย การสกรีนงานให้กองหลังอาจเกิดปัญหาได้

ส่วนแม็คโทมิเนย์ ตรงกันข้าม เขามีพลังงาน มีความขยัน มีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ทางบอลแย่ จ่ายบอลไม่เนียน และไม่มีมิติการครองบอลเหนียวๆของตัวโฮลดิ้งเหมือนเนมันย่า มาติชเลย

นี่จึงเป็นปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับ "สมดุล" ในพื้นที่หน้าแผงหลัง ซึ่งกองกลางตัวต่ำของทีมเราตอนนี้เหมือนมีจุดเด่นกันคนละอย่าง ทั้งมาติช เฟร็ด แม็ค

คนนึงโฮลบอลดีแต่ช้า คนนึงได้ลูกขยัน แต่จ่ายบอลแย่เก็บบอลไม่ได้ คนนึงร่างกายแกร่งสุดๆแต่ทางบอลไม่ค่อยดี

ถ้าได้สามคนนี้ฟิวชั่นกันได้ นี่น่าจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่เก่งที่สุดในโลกละมั้ง ซึ่งมันไม่มีทางเป็นจริงเพราะมันไม่ใช่การ์ตูนที่จะหยิบเอาตุ้มหูโปโตร่ามาใส่รวมร่างกันได้ง่ายๆ

วิธีในการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดเบื้องต้นตรงนี้ก็คือ เราอาจจะให้กลางรุกด้านบนสองตัว ช่วยถอยมาเล่นเกมรับเยอะหน่อยเพื่อแบ่งเบาภาระกลางต่ำของทีม ให้ไม่โดนเจาะรั่วจนเกินไป นี่ก็ช่วยได้ อยู่ที่การสั่งแผนและwork ethicsของนักเตะในทีมเราด้วยว่าจะมาช่วยตรงนี้ไหม ทั้งปีกที่ถอยต่ำ กลางรุก และการเล่นเกมรับให้เหนียวแน่นของไลน์กองหลัง

ทุกอย่างจะต้องช่วยกันทุกคน ไม่ใช่ผลักภาระเกมรับให้มิดฟิลด์ตัวต่ำแค่คนเดียว

ดังนั้น ทีมเวิร์คในเกมรับ จะช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นที่อาจจะเกิดช่องโหว่บริเวณกลางรับได้ หากจะลองใช้ 4-3-3 ในตอนนี้ ซึ่งแมนยูไนเต็ดยังไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับที่สามารถยืนคนเดียวได้สบายๆในแผนนี้

ส่วนถ้าจะถามศาลาผีว่า "ใคร" คือคำตอบของการเสริมทีมเข้ามา ที่เป็นกลางต่ำที่เล่นรับได้ คุมบอลด้านหลังได้ด้วยตัวคนเดียวเน้นๆ ตอนนี้เหลือคำตอบเดียวแน่ๆแล้วครับว่า "เดแคลน ไรซ์" หากบอร์ดบริหารมีงบและเห็นความสำคัญ ก็ควรจะซื้อเขามาเป็นตัวตายตัวแทนให้เนมันย่า มาติชเลยในตอนนี้ เราจะได้ใช้ไรซ์เล่นกลางรับ แล้วก็ดันแม็คโทมิเนย์ไปเป็นพาร์ทเนอร์แดนหน้าได้ หรือเป็นแบ็คอัพให้ไรซ์ได้เช่นกัน

ทีมตัดต่อรูปทำงานกันโคตรไว สโมสรนี้ สมกับเป็นแชมป์ตัดต่อภาพสวย

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้จึงสรุปว่า "4-3-3" คือแผนจริงที่น่าจะนำมาใช้งานได้ โดยไม่ต้องมโนกันไปเอง แต่ปัจจัยต่างๆแทบจะครบพร้อมทุกส่วนแล้ว เหลือแค่ความกล้าเท่านั้น

กล้าที่จะลองอะไรใหม่ๆ กล้าที่จะออกจากกรอบความคิดเดิมๆ

และกล้าที่จะ "เชื่อใจลูกทีม" เสียบ้างของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ผู้จัดการทีมที่เรารัก และเชียร์ในการทำทีมระยะยาวอยู่ แต่โซลชาเป็นพวกที่ยึดมั่นกับอะไรเดิมๆไม่ค่อยเปลี่ยน สังเกตจากการเปลี่ยนตัวในสนามได้

เราไม่เถียงว่า ทีมฟุตบอลทีมหนึ่งควรที่จะ "เล่นแผนเดิม" ด้วยนักเตะชุดหลักต่อเนื่อง เหมือนอย่างที่เขาทำเนี่ยละ เพื่อที่จะทำให้ทีมมีเสถียรภาพให้มากที่สุดในด้านการเล่นที่คงเส้นคงวา และให้นักเตะเข้าใจระบบกันมากที่สุดอย่างลื่นไหล

แต่.. บางครั้ง มันก็ต้องมี "แพลนบี" กันบ้างถ้าแพลนเอมันเริ่มติดขัด

เหมือนที่ตอนนี้แมนยูไนเต็ดมีปัญหากับแผน 4-2-3-1 ที่ทำแต้มหล่นหายในลีกเยอะเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจออันดับ19 แต่ยังคงจัด"กลางรับ" ลงมาสองคน ทำให้โอกาสยิงในเกมนี้ทำได้แค่10ครั้งเท่านั้น ทั้งๆที่ครองบอลเยอะถึง73% มันแสดงให้เห็นปัญหาชัดเจนมากๆ เพราะสองคนนี้ไม่มีความสามารถในการทำเกมรุก และระดับของcreativityในสนามถือว่าน้อยจริงๆ เพราะพวกเขาไม่กล้าที่จะเปิดเกม หรือมีไอเดียให้ทีมได้เลยทั้งคู่ ซึ่งทำให้เกมรุกที่ติดขัดอยู่แล้ว ฝืดไปกว่าเดิมอีก เพราะจะมารอแต่บรูโน่คนเดียวไม่ได้ ในยามที่ทุกทีมแพ็คตรงกลางมาแน่นๆ จนทำให้บรูโน่ต้องถ่างหนีออกไปเล่นด้านข้างเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องมีตัวช่วยอะไรใหม่ๆให้บรูโน่บ้าง

ลองสังเกตกันให้ดี 4-3-3 ที่จัดมาจากเว็บต่างๆจะมีวิธีคิดคล้ายๆกับที่ศาลาผีเขียน คือใช้ป็อกคู่บรูโน่ และมาติชหรือแม็คเล่นกลางต่ำได้

การใช้ 4-3-3 จึงเป็นคำตอบที่ว่านั้น ซึ่งจะทำให้แฟนแมนยูไนเต็ดอาจจะได้ชมการเล่นรูปแบบใหม่ๆของทีมเราให้มันสนุกและตื่นตาตื่นใจบ้าง หลังจากดู 4-2-3-1 มาตลอดซีซั่นแล้ว และเราอาจจะ"คลิก" กับการใช้ใหม่ๆ และยูไนเต็ดที่มีแผนใหม่มาใช้ คู่แข่งก็อาจจะจับทางไม่ได้ และอาจจะเรียก"ลูปชนะ" ลูปใหม่ให้เกิดขึ้นบ้างก็ได้  ขอสัก 3-4นัดติดๆกันก็พอ แล้วถ้าเริ่มติดขัดก็ลองกลับมา 4-2-3-1 อีกครั้งก็ยังไม่สาย

ถ้าผู้จัดการทีมนั้นมีไอเดียสร้างสรรค์และกล้าถึงขนาดใช้ป็อกบาเล่น "เพลย์เมคเกอร์ตัวข้าง" ที่เขาใช้ป็อกยืนปีกซ้ายบ้าง ปีกขวาบ้าง ในแผน 4-2-3-1 หลายๆนัดที่ผ่านมาในซีซั่นนี้แล้วนั้น ทำไมไม่ลองกล้าๆใช้ 4-3-3 ดูบ้างล่ะโอเล่ มันบุกกระหน่ำเลยนะ น่าจะเรียกศรัทธาได้เยอะเลย ลองสักนัดก็ได้ ไม่เสียหายหรอก มันไม่เวิร์คก็แค่กลับมาสูตรเก่าแค่นั้นเอง

อยู่ที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชาคนเดียวล้วนๆว่า จะกล้าออกจากเซฟโซน และลองอะไรใหม่ๆเพื่อทีมเราหรือไม่

-ศาลาผี-


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด