:::     :::

โจน ลาปอร์ต้า ประธานคนใหม่บาร์เซโลน่า กลยุทธ์สู่ความสำเร็จ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โจน ลาปอร์ต้า กวาดคะแนนเสียงสนับสนุนอย่างท้วมท้นในการเลือกตั้งประธานสโมสรเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา อะไ่รคือเหตุผลที่ทำให้เขาเอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย ?

  และแล้ว โจน ลาปอร์ต้า ก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานสโมสรบาร์เซโลน่าตามความคาดหมายของทุกฝ่ายนะครับ แถมยังนับเป็นชัยชนะที่ถล่มททลายเหนือคู่แข่งอีกต่างหาก 

ในการเลือกตั้งเมื่อวาน (7 มีนาคม) ซึ่งปิดหีบลงคะแนนเสียงตอน 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นใช้เวลานับคะแนนเสียงอีกราว 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะมีการประกาศผลในเวลา 22.35 น. หรือ 04.35 น. ตามเวลาไทย 


ผลปรากฏว่า ลาปอร์ต้า กวาดคะแนนเสียงไปทั้งสิ้น 30,184 เสียง คิดเป็น 54.28% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง วิคตอร์ ฟอนท์ ที่ได้ 16,679 เสียง ชนิดเทียบกันไม่ติด ส่วน โตนี่ เฟรชา ตามมาเป็นลำดับสุดท้าย ได้ไป 4,769 เสียง หรือแค่ 8.58% ของผู้มาใช้สิทธิเท่านั้น 

การคว้าชัยในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ของ ลาปอร์ต้า ทำให้เขากลายเป็นประธานสโมสรลำดับที่ 42 ในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการครั้งที่ 14 ของ บาร์เซโลน่า นับเป็นการคัมแบ็กสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง หลังเคยคว้าชัยในสนามเลือกตั้งครั้งที่ 11 เมื่อ 18 ปีก่อน 

ฟอนท์ ยืนรอ ลาปอร์ต้า ตรงคูหานับคะแนนที่คัมป์ นู ก่อนสวมกอดแสดงความยินดี ถัดมาไม่นาน โตนี่ เฟรช่า ตามมาสมทบและร่วมยินดีด้วยอีกครั้ง ถือเป็นการแสดงสปิริตที่น่าชื่นชม 

ทีมงานของ ลาปอร์ต้า รวมกันตัวฉลองชัยชนะ พร้อมกับร้องเพลงประจำสโมสร ก่อนตามด้วย เพลง “ser del Barça és el millor que hi ha” (การเป็น บาร์ซ่า นั้นคือสิ่งที่ดีที่สุด)  

จากนั้น การ์เลส ตุ๊ตเก็ตส์ ประธาน Comision Gestora ได้เข้าร่วมแสดงความยินดี ซึ่ง ลาปอร์ต้า ได้ขอให้ทีมงานทุกๆคนปรบมือให้  Comision Gestora ที่จัดการเลือกตั้งได้อย่างยอดเยี่ยม 

ลาปอร์ต้า ใช้เวลาขอบคุณเหล่าโซซิโอที่คอยสนับสนุนเขา ก่อนเปล่งประโยคแรกหลังชนะการเลือกตั้งว่า  "เราจะไปที่ ปารีส ดูซิว่าเราจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้มั๊ย !!"  

ลาปอร์ต้า คือประธานสโมสรบาร์เซโลน่าอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง ? 

ในทางทฤษฏีและปฏิบัติถือว่า 'ยัง' จนกว่าที่ ลาปอร์ต้า พร้อมทีมงานจะวางเงินประกันของพวกเขาต่อสโมสรเสียก่อน  ซึ่งเป็นกฏข้อบังคับสำคัญของคนที่จะเข้ามาบริหาร 


        เท่าไหร่ ?

เงินประกัน ก่อนเข้ารับตำแหน่งนั้น ถูกกำหนดไว้ที่ 15% ของงบประมาณรายปีของสโมสร ซึ่งปีนี้อยู่ที่ 828 ล้านยูโร นั่นหมายความว่า ลาปอร์ต้า และทีมงานจะต้องวางเงินสดไว้ที่ธนาคารในบัญชีของสโมสรจำนวนทั้งสิ้น 124.2 ล้านยูโร ซึ่งเงินจำนวนนี้ จะไม่สามารถเอาออกมาได้จนกว่าจะหมดวาระ (6 ปี)  

เวลานี้ มีรายงานว่า ลาปอร์ต้า ยังไม่ได้วางเงินประกันดัวกล่าว ซึ่งก็ทำให้ การ์เลส ตุ๊ตเก็ตส์ ยังคงมีอำนาจในฐานะรักษาการต่อไปก่อน 


ทำไม ลาปอร์ต้า ถึงชนะอย่างถล่มทลาย ? 

ในการเลือกตั้งซึ่งอาจพูดได้ว่าสำคัญที่สุดครั้งนึงในประวัติศาสตร์สโมสร ลาปอร์ต้า กวาดคะแนนเสียงไปอย่างท้วมท้น ทิ้งคู่แข่งชนิดไม่เห็นฝุ่น นอกจากนี้แล้ว หากย้อนกลับไปเทียบผลคะแนนเมื่อ 18 ปีก่อน ลาปอร์ต้า ในยุคนี้ก็ยังได้คะแนนเสียงมากกว่า 

ปี 2003 ลาปอร์ต้า ในวัย 41 ได้คะแนน 27,138 เสียง ขณะที่ปี 2021 ในวัยใกล้แซยิด ลาปอร์ต้า กวาดไป 30,184 เสียง


ข้อที่ 1 ความตกต่ำ

ความตกต่ำของ บาร์เซโลน่า ในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งการเสียแชมป์ ลา ลีกา ให้ เรอัล มาดริด รวมถึงความล้มเหลวในแชมเปี้ยนส์ลีก ที่พวกเขาโดน บาเยิร์น มิวนิค ถล่มแบบเอาท์คลาสถึง 2-8 ซึ่งเมื่อรวมความพ่ายแพ้ในการเล่นเวทีนี้ของปีก่อนๆ ทั้งเกมพ่าย ลิเวอร์พูล 0-4, แพ้ โรม่า 0-3 ยิ่งกระตุ้นให้โซซิโอโหยหาความสำเร็จ

เมื่อพูดถึง 'ความสำเร็จ' แล้ว แฟนบาร์ซ่าไม่มีใครลืมยุค 6 แชมป์เมื่อฤดูกาล 2008-09 ลงได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่แค่จำนวนถ้วยรางวัลเท่านั้น หากแต่ยังมีความสวยงามของการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งขุมกำลังทั้งตัวเทรนเนอร์อย่าง เป๊บ และนักเตะส่วนใหญ่ก็เป็นผลผลิตจาก ลา มาเซีย ยังความภาคภูมิใจมาสู่แฟนบาร์ซ่าทุกคน 

ในขณะเดียวกันโซซิโอจินตนาการภาพนี้ไม่ออกจริงๆ เมื่อพวกเขามองไปยัง  ฟอนท์ หรือ เฟรช่า  

โดยเฉพาะ ฟอนท์ ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ ลาปอร์ต้า มีจุดอ่อนตรงที่เขายังไม่เคยเข้ามาบริหารงานบาร์ซ่า ยังไม่มีความสำเร็จใดๆที่เกี่ยวข้องกับสโมสร แม้จะมีนโยบายเชิงสร้างสรรค์อย่างการหารายได้จาก AUDIO-VISUAL และ E-SPORT ภายใต้แคมเปญ  'Sí al futur' (yes to the future) แต่ความจริงก็คือเขายังไม่อาจพิสูจน์ได้จนกว่าจะได้รับตำแหน่ง ซึ่งก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ ส่วน เฟรช่า เคยอยู่ในทีมบริหารชุดแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกปี 2015 แต่หนนั้นทุกคนต่างจำจดแค่ บาร์โตเมว 


ข้อที่ 2.มุมมองที่มีต่อ ลิโอเนล เมสซี่ 

ทันทีที่รู้ผลการเลือกตั้ง คนแรกที่ ลาปอร์ต้า กล่าวถึงต่อหน้าโซซิโอก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ 

"วันนี้เมื่อ 20 ปีก่อน เด็กน้อยคนนึงที่ชื่อ เลโอ เมสซี่ ประเดิมสนามในทีม อินฟานติล เบ และวันนี้เขาเดินทางมาโหวตลงคะแนนพร้อมกับลูกชายในฐานะนักเตะที่ดีที่สุดในโลก การโหวตของเขาบ่งบอกว่าอะไรคือสิ่งที่ บาร์ซ่า ต้องการ พวกเราคือครอบครัวที่ยิ่งใหญ่" 

"ผมสนับสนุนให้เขา(เมสซี่)อยู่ต่อ เพราะเขาเป็นที่รักของทุกคน ขอเสียงปรบมือให้ เมสซี่ ด้วย พวกเราคือครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ ผมมั่นใจว่าด้วยความรู้สึกนี้จะหลอมรวมพวกเขาให้เป็นหนึ่งเดียว" 


ลาปอร์ต้า พูดถึง เมสซี่ ตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ชนะการเลือกตั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ และลำดับความสำคัญของ 'คิงเลโอ'  ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับโซซิโอแล้ว เมสซี่ คือบุคคลสำคัญของสโมสร สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่พวกเขาอยากเห็นก็คือ เมสซี่ ย้ายออกจากทีม ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ลาปอร์ต้า แสดงจุดยืนชัดเจนว่าพร้อมทำทุกทางเพื่อรั้ง เมสซี่ เอาไว้กับสโมสรต่อไป 

ต่างจาก ฟอนท์ ที่แสดงมุมมองที่อยู่กับความเป็นจริงมากกว่า 

ฟอนท์ กล่าวว่าเขาอยากให้ เมสซี่ อยู่ต่อเหมือนกับโซซิโอทุกคน หากแต่ถ้า เมสซี่ ย้ายออกไป มันก็ไม่ใช่จุดล่มสลายของโลก

คำพูดของ ฟอนท์ ทุกอย่างมีเหตุและผลรองรับ ยังไง บาร์ซ่า ก็ต้องเดินต่อเเม้ เมสซี่ จะย้ายในซัมเมอร์นี้ ทว่าสิ่งที่โซซิโออยากได้ยินมากกว่าคือการรับปากว่าจะทำทุกทางเพื่อไม่ให้ เมสซี่ ย้าย หรือการยืนกรานปฏิเสธการย้ายออกในทุกกรณี 


3. การเป็นอริกับ บาร์โตเมว 

ความย่อยยับของ บาร์ซ่า ทุกวันนี้ทั้งเรื่องภาพลักษณ์,ผลงานและการเงิน ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนแล้วแต่มาจากการบริหารงานของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว 

โซซิโอบางคนถึงบอกว่า รู้ยังงี้ขอพลาดแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกที่เบอร์ลินเสียยังดีกว่าเพราะการครองเจ้ายุโรปหนนั้น ยังผลให้ บาร์โตเมว ชนะการเลือกตั้ง  

ยิ่งข่าวฉาวล่าสุดที่ บาร์โตเมว ถูกตำรวจจับในข้อหายักยอกเงิน,ใช้หน้าที่ในทางมิชอบ จากคดี 'บาร์ซ่าเกต' ยิ่งทำให้โซซิโอทั้งหลายเข็ดขยาด

ใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ บาร์โตเมว ล้วนขายไม่ออก และใดๆก็ตามที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม จะได้รับความนิยมโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั่นก็คือการวางตัวของ ลาปอร์ต้า ในสังคมบาร์เซโลนิสต้าเสมอมา 

นับแต่แตกหักกับ ซานโดร โรเซลส์,บาร์โตเมว และ เยาม่า มาสเฟร์เรร์ ในปี 2010 ทุกครั้งที่มีโอกาส ลาปอร์ต้า ไม่เคยพลาดในการกล่าวโจมตีบุคคลทั้ง 3 อย่างเผ็ดร้อน

และมาวันนี้ในวันที่ โรเซลล์ เพิ่งออกจากคุกจากคดียักยอดเงินซื้อ เนย์มาร์ ได้ไม่ถึง 2 ปี และ บาร์โตเมว กับ มาสเฟร์เรร์ กำลังจะสวนทางเข้าซังเตตามไป มันก็พิสูจน์อะไรได้หลายๆอย่างว่า สิ่งที่ ลาปอร์ต้า พูด หรือแนวทางปฏิบัติที่ผ่านมาของเขานั้นมันถูกต้องแล้ว 

และประเด็นนี้ ฟอนท์ ถือว่ายืนอยู่ในวงนอกเอามากๆ แม้เขาไม่เสียเครดิต แต่ก็ไม่ได้เช่นกัน ซึ่งจากต่าง ลาปอร์ต้า ขณะเดียวกัน เฟรช่า เคยทำงานกับ บาร์โตเมว มาหลายปี ก่อนจะลาออกมาเมื่อปี 2019  


4.ความเป็น ลาปอร์ต้า ตอบโจทย์มากกว่า

ไม่ว่าจะเป็น ความสำเร็จครั้งเก่า, แพสชั่นที่มีต่อสโมสร,นโยบาย หรือ ทีมงานของ ลาปอร์ต้า ล้วนถูกจริตโซซิโอมากกว่าของ ฟอนท์ และ เฟรช่า 

ความสำเร็จครั้งเก่า..คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติม 

ส่วนแพสชั่น นั้น ลาปอร์ต้า โดดเด่นกว่าใคร ประโยคที่ว่า "ถ้าผมเป็นประธาน เมสซี่ จะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง, และเราจะมีหวังในทุกแชมป์" แม้จะดูฝันเฟื่องนิดๆ แต่มันทรงพลัง และมันขับเคลื่อนผู้คนไปข้างหน้า 

สำหรับฟุตบอล การอยู่กับความเป็นจริงมากจนเกินไป มันทำให้หลายอย่างน่าเบื่อหน่าย เช่นที่ ฟอนท์ มักอิงกับหลักการและความจริงอยู่เสมอ

ไม่เพียงแต่พูดถึง บาร์เซโลน่า อย่างหลงใหลเท่านั้น หากแต่ ลาปอร์ต้า ยังพูดหรือมีปฏิกิริยาที่ไม่แยแสต่อ เรอัล มาดริด คู่อริตลอดกาลอีกด้วย ตัวอย่างเช่นการตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับประเด็นใบแดงของ เรโม ฟรอยเลอร์ มิดฟิลด์อตาลันต้าที่โดนไล่ออกในเกม เรอัล มาดริด บุกชนะ 1-0 แบบค้านสายตา 

"มีคนบอกผมแล้ว แต่ผมไม่ได้ดูเกม ผมดูเฉพาะเกมของ บาร์ซ่า หลังจากนั้นผมก็มาหาเสียงต่อ"


แม้จะดูเย่อหยิ่ง แต่มันเป็นคำตอบที่โดนใจโซซิโอ เพราะแสดงถึงความหลงใหลในทีมและการเชิดใส่คู่แข่งอย่างชัดเจน 

ส่วนนโยบายนั้น ก็ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายไม่น้อยที่การชู ชาบี เอร์นานเดซ เข้ารับตำแหน่งเทรนเนอร์ใหญ่ของ ฟอนท์ ไม่ตอบโจทย์โซซิโอเท่าที่ควร จนกลายเป็นว่าการออกมาแสดงท่าทีให้ความเคารพต่อ โรนีลด์ คูมัน พร้อมขอรอดูผลงานก่อนตัดสินใจหลังจบฤดูกาลของ ลาปอร์ต้า กลับได้รับกระแสตอบรับที่ดีกว่า จนวันท้ายๆของการหาเสียง ฟอนท์ ต้องกลับลำ ยก ชาบี ไปไว้ในตำแหน่งผ.อ.ทั่วไป และขอรอดดูผลงาน คูมัน ก่อน ซึ่ง มันสายเกินไปแล้ว ไม่มีใครเชื่อเขา 


การออกตัวแรง ฟันธงว่าจะเอา คูมัน ออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้ ชาบี กลายเป็นเรื่องสุดเซอร์ไพรส์ของ ฟอนท์ เพราะโซซิโอ ไม่ค่อยมีใครคล้อยตามสักเท่าไหร่ 

หรืออาจจะพอสรุปง่ายๆว่า ฟอนท์ เอง ทั้งปูมหลัง ทั้งแนวคิด และนโยบาย เป็นคนละแบบกับสิ่งที่โซซิโอของบาร์เซโลน่ามองหานั่นเอง ซึ่งเมื่อประกอบรวมทุกเหตุผลเข้าด้วยกันแล้วจึงเป็นที่มาของชัยชนะที่สวยงามที่สุดครั้งนึงในชีวิตของชายที่ชื่อว่า โจน ลาปอร์ต้า  


จากนี้ เราจะได้รู้กันว่า บาร์เซโลน่า ยุคใหม่ ภายใต้ผู้นำคนเก่า จะนำพาความสำเร็จและบรรยากาศเดิมๆอย่างที่แฟนๆโหยหากลับมาได้หรือไม่

เจมส์ ลา ลีกา


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด