:::     :::

ชลบุรี เอฟซี : สู้อย่างวิถีบอลรอง

วันพฤหัสบดีที่ 08 เมษายน 2564 คอลัมน์ ฉันดูบอลที่ร้านเหล้า โดย ดากานดา
1,949
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ผลการแข่งขันที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต เซอร์ไพรส์ผู้เขียนอย่างพอสมควร

จากที่คาดไว้ว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่น่าจะ “พลาด” หยุดตัวเองที่รอบตัดเชือกในการพบ ชลบุรี เอฟซี

แต่กลับกลายเป็นทีม “เต็งหนึ่ง” ถูกคมเขี้ยวฉลามกัดไปถึง 2 แผล

ก่อนเกมการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ พูดกันแบบไม่โกหกความรู้สึกหลายคนต่างรู้ดีว่า ชลบุรี เอฟซี เป็นรองสุดในบรรดา 4 ทีมที่หลุดเข้ามา ไม่ว่าด้วยศักยภาพทีม หรือผลงานในลีกที่สะบักสะบอมจนถึงโค้งสุดท้ายก่อน “รอดตกชั้น” หวุดหวิด

แต่ฟุตบอลถ้วยนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ แถมมีตั๋ว เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มเป็นเดิมพัน การมาถึงรอบนี้ได้คงต้องสู้แบบไม่มีอะไรจะเสีย

และลูกทีม สะสม พบประเสริฐ ก็ทำได้สำเร็จ

พวกเขารู้อยู่แก่ใจว่า “คุณภาพทีม” เป็นรองคู่แข่ง อีกทั้งยังขาดแนวรับคนสำคัญอย่าง เรนาโต เคลิช ที่ติดสัญญายืมตัว สิ่งที่ยืนหยัดได้ในเกมคือใจต้องสู้ ไม่หวั่นคู่แข่ง วัดกันด้วยแท็คติก และทรัพยากรที่มีอยู่ 

จึงไม่แปลกที่ “โค้ชเตี้ย” จะให้ลูกทีมมาเล่นแบบรัดกุมไว้ก่อน รอจังหวะสวย ๆ ใช้จังหวะเน้น ๆ หาพื้นที่จบสกอร์

รูปเกมช่วง 20 นาทีแรกเราจึงเห็นภาพชินตาคือ บุรีรัมย์ เปิดเกมบุกใส่ ชลบุรี นับไม่ถ้วน แต่จังหวะสุดท้ายยังคงขาด ๆ เกิน ๆ กอปรกับ 3 เซ็นเตอร์ฉลามชลอย่าง จูเนียร์ เอลด์สตอล, กฤษดา กาแมน และดาวรุ่งอย่าง ทรงชัย ทองฉ่ำ ยังมีวินัยในเกมรับเป็นอย่างดี

จนอีกไม่กี่นาทีถัดมา ชลบุรี มาได้จังหวะสวนกลับเร็ว เซ็ตบอลกันมาจากแดนกลางเป็นทอด ๆ ก่อนจบด้วยการยิงของ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ส่งสัญญาณท้าทายเต็ง 1 ของรายการนี้ไป 1 ตุง


หากแต่ยี่ห้อ บุรีรัมย์ เป็นพวกไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ให้หลังแค่ 2 นาที จากถูกขึ้นนำ บอลยาวจาก รัตนากร ใหม่คามิ ให้ สุภโชค สารชาติ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวแตะหลบแนวรับ ชลบุรี ยิงเข้าไปง่าย ๆ แค่ 2 จังหวะ ตีเสมอให้ปราสาทสายฟ้ากลับมาอยู่ในเกมอีกครั้ง

จากนั้นโมเมนตั้มเกมก็กลับไปจุดเดิมคือบุรีรัมย์ เปิดเกมเข้าใส่ ขณะที่ชลบุรี รับแน่นเพื่อรอสวนกลับ แม้หลังตีเสมอได้ บุรีรัมย์ ไม่ยอมพลาดให้ฉลามชลได้เล่นเกมสวนกลับได้สะดวกแล้ว ทว่าสุดท้ายลูกทีม “โค้ชเตี้ย” ก็มากุมความได้เปรียบอีกครัง จากลูกฟรีคิก

กฤษดา วิ่งมาซัด ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน พยายามรับเข้าซอง ทว่าบอลเจ้ากรรมกลับไปพุ่งไปชนหน้าอกเด้งมาเข้าทาง เอลด์สตอล ปรี่มาซ้ำไม่เหลือ ทุกอย่างกลับมาเข้าทาง ชลบุรี อีกครั้ง

หนนี้เขาไม่ปล่อยให้พลาดอีกแล้ว และซื้อวินัยเกมรับยื้อสกอร์จนจบ 90 นาทีได้ หักปากกาเซียน ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้งในรอบ 6 ปี

สิ่งหนึ่งที่สมควรคารวะ “ฉลามชล” คือพวกเขาเล่นได้ตามแท็คติกที่วางไว้อย่างชัดเจน


เอลิอันโดร กองหน้าที่ไม่มีความเร็วอะไรเลย ทว่าสามารถเก็บบอลและเรียกฟาลว์ได้ รังสรรค์ วิรุฬห์ศรี และ สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ เป็นผึ้งงานในแดนกลางได้อย่างดี ที่อดชมไม่ได้คือ “ฉลามหนุ่ม” ที่อายุยังไม่ถึงวัยเข้าผับอย่าง ทรงชัย ทองฉ่ำ, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ และ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ที่เล่นได้ประทับใจเหลือเกิน โดยเฉพาะรายหลังผู้เขียนแทบอยากควักรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ให้

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงชัยชนะนัดหนึ่ง ที่ทีมทำได้ตามเป้าเท่านั้น เมื่อปลายทางฝั่งฝัน พวกเขายังต้องฝ่าด่านไปให้ได้อีก 1 นัดคือเกมรอบชิงชนะเลิศกับ สิงห์ เชียงรายฯ ที่มีตั๋วฟุตบอลเอเชียเดิมพัน

ใช่ … ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อม ชลบุรี เป็นรองคู่แข่งชัดเจน แต่ทีมยังจำโมเมนตั้มความรู้สึกในเกมชนะ บุรีรัมย์ และลงไปสู้ในนัดไฟนอล พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว

10 ปีมาแล้ว หลังชนะ เอสซีจี เมืองทองฯ จนได้ชูถ้วย เอฟเอ คัพ จากนั้น ชลบุรี ไม่เคยได้รับโทรฟี่ใด ๆ มาประดับตู้สโมสรได้อีก

นี่เป็นโอกาสที่ ชลบุรี จะทำมันได้อีก

ลองกันอีกสักตั้ง ลงไปใส่ให้เต็มที

ให้แฟนฉลามชลกลับมาร้องเพลง “เกิดมาเพื่อเป็นแชมป์” ได้เต็มปากอีกครั้ง


คำค้นหา : CBFC ChonburiFC FACUP
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด