:::     :::

ในวัย 17 ปี

วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน 2564 คอลัมน์ ฟุตบอลข้างถนน โดย โกสุ่ย
1,286
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
อายุ 17 ปีแต่แสงไฟฉายลงมาที่เขาเหมือนกับนักฟุตบอลชื่อดัง ความคาดหวังไล่จี้จนหลายคนลืมไปกว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม เพิ่งเล่นอาชีพมาได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

ในโลกปัจจุบันเป็นเรื่องที่ไม่แปลกหากนักเตะอายุน้อยจะถูกจับตามองและถูกคาดหวังไว้มาก ส่วนหนึ่งมาจากสื่อที่พยายามโหมข่าวรวมไปถึงแฟนบอลที่ (บางครั้ง) ตั้งความหวังไว้สูงจนเกินไป

สำหรับ เบลลิ่งแฮม ก้าวกระโดดของเขาอาจจะเป็นที่น่าสนใจในแง่ของเส้นทางที่เกิดขึ้น จากเด็กหนุ่มตัวน้อยที่เริ่มต้นฟุตบอลในวัย 7 ปี ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาในทีมเยาวชนของเบอร์มิงแฮม 

ไม่มีอะไรมาปิดกั้นพรสวรรค์ของเขาได้ สิ่งนี้แสดงอกมาอย่างชัดเจนจนในที่สุดมีโอกาสก้าวขึ้นมาในทีมสำรองหลังจากอายุมาแตะหลัก 15 ปี

ที่นั่นเขาได้ซึมซับบรรยากาศของมืออาชีพ แม้จะเป็นเพียงในระดับทีมสำรองแต่มันช่วยชัดเกลาทัศนคติของ เบลลิ่งแฮม ได้เป็นอย่างดี

สิ่งต่างๆ เหล่านั้นค่อยๆ หล่อหลอมทั้งในแง่ของความคิด ฝีเท้า และที่สำคัญคือโอกาสอันเปิดกว้างจากทีมชุดใหญ่ 

หลังจากคลุกคลีกับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และมีโอกาสลิ้มลองการซ้อมร่วมกับบรรดารุ่นพี่ในทีมชุดใหญ่ ปี 2019 ถือเป็นปีทองและเป็นปีแจ้งเกิดของ เบลลิ่งแฮม 





ทีแรกเขาอาจจะเป็นเด็กหนุ่มที่โดนหนีบไปกับทีมเพื่อเตรียมตัวก่อนฤดูกาลใหม่ที่โปรตุเกส แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อ ไอตอร์ การันก้า ตัดสินใจดันเด็กหนุ่มวัย 16 ปีมาเล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว

ประวัติศาสตร์ถูกสร้างขึ้นในวัยเพียง 16 ปี 38 วัน เมื่อ เบลลิ่งแฮม ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมดวลกับ พอร์ทสมัธ หลังจากนั้นชื่อของเจ้าหนูรายนี้ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง

เรื่องราวของ เบลลิ่งแฮม ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อเมืองผู้ดี บรรดาทีมใหญ่ต่างเข้าแถวรอคิวในการเจรจาดึง (ว่าที่) ดาวเตะรายนี้ไปครอง แต่อย่างที่ทราบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นทีมที่ได้ตัวไปครองในราคาเบื้องต้น 25 ล้านปอนด์

จำนวนดังกล่าวทำให้ เบลลิ่งแฮม เป็นนักเตะอายุ 17 ปีที่ค่าตัวแพงที่สุด และมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ความคาดหวังและแรงกดดันถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

แต่ส่วนหนึ่งต้องชม ดอร์ทมุนด์ ที่ช่วยลดแรงกดดัน การปฏิบัติกับบรรดาเด็กหนุ่มในทีมของพวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เบลลิ่งแฮม ปรับตัวได้เป็นอย่างดี

อีกปัจจัยสำคัญคือทัศนคติที่เกินวัยของ เบลลิ่งแฮม แม้จะอายุเพียง 17 ปีแต่เมื่อเขาอยู่ในสนามจะกลายร่างไม่ต่างจากผู้ใหญ่ที่ประสบการณ์โชกโชน





เรื่องนี้มีที่มาที่ไป เบลลิ่งแฮม ระบุว่ามันมาจากความมั่นใจของตัวเอง คนอื่นๆ อาจจะสงสัยถึงฝีเท้า ที่สำคัญเมื่อก้าวมายังระดับที่สูงกว่าอย่างบุนเดสลีกา จึงไม่แปลกที่จะมีคนที่กังขาเขาอยู่

"ผมคิดว่าคนอื่นๆ พูดถึงการย้ายทีมของผมเยอะมาก ไม่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม บางทีพวกเขาอาจจะสงสัยถึงการแย่งชิงตำแหน่งกับกองกลางคนอื่นๆ ผมรู้สึกว่าตนเองมอบบางสิ่งที่แตกต่างออกไป มันขึ้นอยู่กับผมที่จะออกไปและพิสูจน์มันออกมา" กองกลางชาวอังกฤษเผย

"ผมมีโอกาสในการซ้อม ผมมีโอกาสในชาวงพรี-ซีซั่น และหลังจากนั้นผมมีโอกาสทั้งในลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก และบอลถ้วย ซึ่งผมได้โอกาสมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่เดินหน้าต่อไป"

แม้ ดอร์ทมุนด์ จะตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแล้ว แต่ผลงานของ เบลลิ่งแฮม กลับถูกพูดถึงโดยเฉพาะการทำประตูให้ทีมขึ้นในเกมล่าสุด มันแสดงให้เห็นถึงทักษะ ความมั่นใจ ที่เปล่งประกายออกมา 

หลายคนจึงไม่แปลกใจว่าทำไม แกเร็ธ เซาธ์เกต ถึงเรียกตัวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ เพราะผลงานในสนามที่เกิดขึ้นมันยากที่จะปฏิเสธ




คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริง หากจะพูดพัฒนาการของ เบลลิ่งแฮม ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพราะหลักหลักฐานสำคัญคือโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของ ดอร์ทมุนด์ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งฤดูกาลนี้เขาลงเล่นไปแล้วกว่า 39 นัด

ถือเป็นความสำเร็จของเด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่ได้โอกาสในปีแรกบนเวที บุนเดสลีกา แม้เส้นทางของเขากำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น แต่ดูเหมือนว่ามันกำลังไปได้สวย หากมองไปที่จำนวนตัวเลขและผลงานที่เกิดขึ้น

กระนั้น เบลลิ่งแฮม ทราบดีว่าตนเองคงไม่มานั่งพอใจกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเส้นทางของเขายังอีกยาวไกล มีอะไรให้ท้าทายมากกว่าที่ผ่านมา และอย่าลืมว่าอุปสรรคต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

คำถามสำคัญคือเขาจะสามารถรักษาผลงานได้ดีเพียงใด นอกเหนือไปจากนั้นคือพัฒนาต่อจากนี้ของเจ้าตัวที่จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดก็เป็นเรื่องที่จะถูกยกมาพูดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้




"ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมของมืออาชีพมาตั้งแต่อายุ 15 ปี อยู่กับทีมชุดใหญ่มาตลอด และหากไม่ได้อยู่ในทีมชุดแรก ก็อยู่กับทีมสำรอง ดังนั้นผมคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเช่นนั้นอยู่แล้ว

"มันเป็นการเตรียมตัวที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะใน แชมเปี้ยนชิพ ฟุตบอลของสุภาพบุรุษ ทำให้เกมระดับอาชีพไม่ใช่สิ่งที่จะมากวนใจผม เพราะผมเคยมีประสบการณ์มาแล้วถึง 2 ปี (ก่อนย้ายมา ดอร์ทมุนด์)

"ผมจึงรู้สึกสบายๆ เมื่อย้ายมาที่ลีกแห่งนี้ ผมมีความสุขกับการเริ่มต้นเป็นอย่างมาก"

นั่นคือความท้าทายในฐานะนักฟุตบอล มันเป็นทั้ง กำแพง, กับดัก และภารกิจที่ต้องฝ่าฟันผ่านไปได้ให้ได้ หลายคนติดกับดักนี้และไม่สามารถก้าวไปยังอีกระดับได้สำเร็จ แต่ในกรณีของ เบลลิ่งแฮม เราอาจจะได้เห็น 'ว่าที่' สตาร์คนใหม่ที่อาจจะยกระดับตนเองให้สูงกว่านี้ก็เป็นไปได้

ไม่มีใครทราบเรื่องราวในอนาคต มีเพียง เบลลิ่งแฮม เท่านั้นที่จะพิสูจน์มันออกมาผ่านผลงานในสนาม และนั่นจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเรื่องนี้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})