:::     :::

เส้นทางที่เลือกเดินของ "เจมี่ วาร์ดี้"

วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,764
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้อนเวลากลับไป เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

เจมี่ วาร์ดี้สามารถคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก เป็นผลสำเร็จ ด้วยการทำผลงานยิงไป 23 ประตู ส่งผลให้เขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการกลายเป็นนักเตะที่อายุมากสุด ที่ได้รองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีก ด้วยวัย 33 ปี 


ขณะที่ฤดูกาลนี้ วาร์ดี้ ยังรักษาผลงานการยิงประตูอย่างน่าชื่นชม ด้วยการยิงในพรีเมียร์ลีก ไปแล้วรวม 12 ประตู พร้อมกับพาเลสเตอร์ ซิตี้ ทำผลงานอย่างยอดเยี่ยม แถมยังยึดอันดับหัวตารางคะแนนเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น 


อย่างที่เราทราบกันดี วาร์ดี้ เติบโตมากับฟุตบอลนอกลีก และต้องทำงานข้างนอก เขาต้องแบ่งเวลาเลี้ยงชีพทั้งสองส่วนเอาไว้ โดยหนึ่งเรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือเขาเคยแทบไม่มีเงินซื้อรองเท้าฟุตบอลคู่ใหม่ด้วยซ้ำไป 

วาร์ดี้ ย้อนความทรงจำว่า สมัยถูกทีมที่ตัวเองเชียร์มาตลอดในวัยเด็กอย่างเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ตัดออกจากทีมเยาวชน จนต้องมานับหนึ่งใหม่ ผ่านการเล่นฟุตบอลนอกลีกกับทีมสต็อคบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ โดยการมีรายได้แสนน้อยนิด จากการเล่นฟุตบอลระดับรากหญ้า ทำให้เขาต้องทำงานเต็มเวลาควบคู่ไปด้วย 


"ผมไม่เคยลืมเลย กับเงินค่าเหนื่อยก้อนแรกที่สโมสรสต็อคบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ ตอนนั้นผมก้าวออกมาจากทีมระดับเยาวชน และมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ ผมได้รับค่าแรง 30 ปอนด์ต่อสัปดาห์"


"ผมไม่เคยได้รับเงินมากเท่านี้มาก่อนในการเล่นฟุตบอล ผมมีความสุขมาก รวมถึงการได้เล่นต่อหน้าแฟนบอล 200-300 คน นั่นเป็นประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้ผมกลายเป็นคนเหมือนทุกวันนี้"


ผมฝึกซ้อมในค่ำคืนที่ยากลำบาก และหนาวเหน็บ โดยฝึกฝนเพิ่มเติม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง การฝึกซ้อมไม่มีอะไรมาก แค่ออกไปข้างนอก พร้อมกับเล่นกับบอลนิดหน่อย, ฟิตเนสอีกเล็กน้อย และไปลงเกม ทั้งหมดมีแค่นี้แหล่ะ หลังจากนั้น ผมก็จะกลับบ้าน, เข้านอน และตื่นไปทำงานในตอนเช้า


ปฏิเสธไม่ได้ว่า รายได้จากการทำงานพิเศษ ด้วยค่าจ้างไม่กี่สิบปอนด์ต่อชั่วโมง ทำให้การครอบครองรองเท้ารุ่นใหม่สักคู่ กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะเขาต้องคอยเก็บเงิน เอาไว้ใช้ในส่วนอื่นที่มีความจำเป็นด้วย 


วาร์ดี้ ทำได้เพียงสวมรุ่นเก่าที่มีลงสนามต่อไป โดยเขากล่าวถึงชีวิตในช่วงเวลานั้นว่าการยอมเสียเงินราว 120-130 ปอนด์ เพื่อซื้อรองเท้าสตั๊ดคู่ใหม่ คือสิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการที่จะทำ เนื่องจากราคานั้นสูงสำหรับคุณมากเลย


คำพูดดังกล่าวของวาร์ดี้ เป็นการตอกย้ำว่า หากเริ่มต้นกับอะคาเดมี่ของสโมสรดัง ชีวิตอาจเป็นเรื่องง่ายมากกว่า เมื่อจะถูกสนับสนุนในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นด้านของการศึกษา, การฝึกซ้อม, อาหารการกิน และเสื้อผ้าต่างๆ 


หรือว่าโชคดีหน่อย อาจจะถูกแบรนด์กีฬาชื่อดังเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ แต่การเล่นฟุตบอลระดับนอกลีก ไม่อาจเป็นแบบนั้นได้ วาร์ดี้ จึงต้องปากกัดตีนถีบ และอาศัยความพยายามอย่างหนัก ในการเอาตัวรอด และผลักดันตัวเองขึ้นมา 

วาร์ดี้ เล่าย้อนถึงปมเรื่องรองเท้าสตั๊ดต่อไปอีกว่าย้อนกลับไปเวลานั้น การเป็นวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่าคุณต้องทำงานแบบเต็มเวลา พร้อมกับเฝ้ามองเหล่านักฟุตบอลดาวดัง ผ่านรายการแมตช์ ออฟ เดอะ เดย์ และต้องการรองเท้าสตั๊ดแบบเดียวกันกับที่พวกเขาสวมใส่ สำหรับผมแล้ว สิ่งเหล่านั้น ทำให้คุณเกิดความรู้สึกแย่เหมือนกัน


นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิต กับการที่วาร์ดี้ ต้องสวมรองเท้าคู่เก่า หรือรุ่นเก่า ลงวาดลวดลายบนผืนหญ้า แม้สนามจะเล็ก และมีแฟนบอลไม่มาก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา พร้อมกับความหวังว่า สักวันชีวิตของตัวเองต้องดีขึ้น สุดท้าย .... มันก็กลายเป็นแบบนั้นจริงๆ 


กาลเวลา 1 ทศวรรษ ตั้งแต่ที่วาร์ดี้ เดินทางออกจากทีมสต็อคบริดจ์ พาร์ค สตีลส์ พร้อมกับฝ่าฟันมาเรื่อยกับระดับนอกลีก และเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จนได้มาเล่นลีกสูงสุดของอังกฤษ กับเลสเตอร์ ซิตี้ จากหยาดเหงื่อแห่งความเหน็ดเหนื่อย สามารถตอบแทนเขาอย่างคุ้มค่า

วาร์ดี้ กล่าวเพิ่มเติมต่อว่า จากคนที่ไม่มีเงินทองเหลือเฟือ ในการซื้อรองเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่ๆ โดยกาลเวลาเดินทางมาจนวันนี้ จนเซ็นสัญญากับแบรนด์รองเท้าระดับโลกแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน เพราะว่าจะมีรองเท้าสตั๊ดรุ่นใหม่ และสีใหม่ ส่งตรงมาหาเขาบ้าง


วาร์ดี้ ทิ้งท้ายว่าผมเป็นคนโชคดี ที่สามารถก้าวสู่ยอดพีระมิดได้อย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างการเดินทาง ผมก็มีการทำงานหนักผสมรวมอยู่ด้วย  ไม่ใช่แค่เรื่องราวในสนามแข่งขันเท่านั้น


ผมต้องทำงานแบบเต็มเวลาไปด้วย ควบคู่ไปกับการเล่นฟุตบอลระดับนอกลีก ผมต้องทำให้แน่ใจว่า ตัวเองต้องทุ่มเทอย่างสุดความสามารถกับเส้นทางลูกหนังของตัวเอง 


ความลับของผมมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือการทำงานให้หนัก และฝึกให้มากเข้าไว้ ที่สำคัญ ผมมีสิ่งที่เรียกว่าแรงจูงใจ โดยแรงบันดาลใจของผมคือ การตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ และอยากจะลงมือทำ เส้นทางอาชีพของผมมีเท่านี้ ผมไม่เคยปริปากบ่นเลย ทำเพียงแค่ก้มหน้าก้มตา ผ่านสิ่งที่เรียกว่าความพยายาม

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด