:::     :::

สุดยอดช่วงเวลาของ เซร์คิโอ รามอส กับ เรอัล มาดริด

วันศุกร์ที่ 02 กรกฎาคม 2564 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
1,292
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่สานมา ถือเป็นช่วงที่แฟนบอล เรอัล มาดริด ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสโมสร

         การจากไปของดาวยิงสูงสุดตลอดกาลอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทิ้งช่องโหว่ขนาดใหญ่ในแนวรุกทีมเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นทำให้ผลงานของทีมตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด

         แม้ว่า ซีเนดีน ซีดาน จะกลับมาคุมทีมอีกครั้ง แต่ก็ไม่อาจจะกอบกู้สถานการณ์ได้มากนัก แถมท้ายที่สุดยังแยกทางกับทีมชนิดที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงจากจดหมายเปิดผนึกของเจ้าตัวที่ออกท่เผยว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร

         จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งเหล่าสาวก "ราชันชุดขาว" ต้องเจอกับข่าวที่น่าเจ็บปวดใจอีกครั้งกับการประกาศแยกทางกับทีมของ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมที่รับใช้สโมสรมายาวนานกว่า 16 ปี


         ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดในโลก และเป็นคนสำคัญกับความสำเร็จของทีมในช่วงเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา 

         ถือเป็นการทำร้ายจิตใจแฟนบอลอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ก่อนหน้านี้เราเคยได้เห็น อีเกร์ กาซียาส ร้องไห้อำลาทีม แล้วก็ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ไม่มีการอำลาทีมอย่างเหมาะสมแม้ว่าทะยิงประตูเป็นพายุให้กับทีม กระทั่งล่าสุดกับ รามอส

         สโมสรและประธานอย่าง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ โดนวิจารณ์อย่างหนักจากแฟนมาดริดทั่วโลก ตอนนี้ทีมยังต้องปวดหัวกับการหากองหลังที่ไว้ใจได้ ในขณะที่ ราฟาแอล วาราน ก็ส่อแววลาทีมไปอีกคน

         5 แชมป์ลา ลีกา, 2 แชมป์โกปา เดล เรย์, 4 แชมป์ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า, 4 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, 3 แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และ 4 แชมป์สโมสรโลกคือสิ่งที่ เซร์คิโอ รามอส ฝากเอาไว้ให้กับทีม

ไม่เพียงแค่เกมรับอันยอดเยี่ยม รามอส ยังมีทีเด็ดที่การเติมขึ้นมาทำประตูไว่าจะเป็นฟรีคิก, จุดโทษ หรือลูกโหม่งที่เราได้เห็นกันอยู่เสมอ


         671 เกมที่รับใช้สโมสร มากที่สุดเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์สโมสร 101 ประตูกับ 40 แอสซิสต์ ถือเป็นกองหลังที่ยิงเยอะจนกองหน้าบางคนมีอาย

         นอกจากนี้เจ้าตัวยังเป็นนักเตะที่ยิงประตูในเกมชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีกได้ถึง 2 หน ซึ่งมีแค่ 5 คนเท่านั้นที่ทำได้โดยล้วนเป็นกองหน้าอย่าง ราอูล กอนซาเลซ, ซามูเอล เอโต้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่

         ปัจจุบันในวัย 35 ปี แม้จะแยกทางกับ เรอัล มาดริด แต่ยังโลดแล่นอยู่ในเส้นทางลูกหนังต่อไป ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คงจะได้ไปร่วมทีม

         นี่คือ 5 ช่วงเวลาทที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัวในช่วงเวลาที่รับใช้ เรอัล มาดริด

เรอัล - มาดริด - บาเยิร์น มิวนิค

รอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2013/14


         เรอัล มาดริด ปรารถนาที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในเวทียุโรป หลังจากที่หยุดสถิติได้แชมป์ถ้วยใหญ่ไว้ที่ 9 สมัยมานานกว่า 12 ปี 

         ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่มี เซร์คิโอ รามอส เป็นแกนหลักในแนวรับร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในแดนหน้า นี่คือทีมที่ดีที่สุดของทีมหลังจากหมดยุค "กาลาคติกอส"

         ในรอบตัดเชือกทีมมาเจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ถือเป็นของแข็ง ไม่เพียงเท่านั้นยังมี เป๊ป กวาร์ดิโอล่ คู่ปรับเก่าสมัยคุม บาร์เซโลน่า นั่งเก้าอี้กุนซืออีกด้วย

         ชัยชนะ 1-0 ในเกมเลกแรกที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ยังไม่มีความแน่นอนในการไปเยือนที่อัลลิอันซ์ อารีน่าที่ "เสือใต้" ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง เรียกได้ว่าโอกาส 50/50 เลยในการเข้ารอบชิงชนะเลิศ

         แต่ทว่าเกมที่ มิวนิค รามอส จัดการเบิ้ลสองประตูให้ทีมนำ 2-0 ก่อนที่ โรนัลโด้ จะมาบวกเพิ่มอีก 2 เม็ดให้ทีมชนะขาดลอด 4-0 รวมสองเกมถล่มไป 5-0

         เรียกได้ว่านอกจากทำประตูแล้วเกมรับยังไม่เสียอีกด้วย ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดเกมในการค้าแข้งกับ "ราชันชุดขาว" เลย

บาร์เซโลน่า - เรอัล มาดริด

ลา ลีกา สเปน 2016/17


         ช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตัวเลขการคว้าแชมป์ลีกของ บาร์เซโลน่า พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้สถิติโดยรวม เรอัล มาดริด จะยังนำโด่งอยู่แต่มีความกังวลว่าจะโดนไล่ขึ้นมาจนทันได้

         หลังการคว้าแชมป์ลา ลีกาเมื่อปี 2011/12 สี่ฤดูกาลหลังจากนั้นเป็น "เจ้าบุญทุ่ม" ที่ได้แชมป์ไปถึง 3 สมัย ส่วนอีกปีเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ได้ไปครอบครอง นั่นทำให้ทุกครั้งที่เจอกันในเกม "เอล กลาซิโก้" ยิงทวีความเข้มข้นขึ้นมา

         ในเกมที่คัมป์ นูฤดูกาล 2016/17 เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ ซีเนดีน ซีดาน ออกสตาร์ทอย่างสุดยอดไม่แพ้ใคร 13 เกมติดก่อนมาเยือน บาร์เซโลน่า ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 93,000 คน 

         อย่างที่รู้ว่าสไตล์ของ บาร์เซโลน่า ที่เน้นการครองเกมเข้าใส่ และเกมนี้ก็ไม่มีอะไรที่แปลกไปภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ทีมประสบความสำเร็จไม่แพ้สมัยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีม

         และก็เป็นไปตามคาด หลุยส์ ซัวเรซ พังประตูให้เจ้าบ้านออกนำนาทีที่ 53 แต่นาทีสุดท้ายของเกม เรอัล มาดริด มาตามตีเสมอได้จากจังหวะที่ ลูก้า โมดริช เปิดฟรีคิกเข้าเขตโทษ เซร์คิโอ รามอส โหม่งตุงตาข่าย เก็บหนึ่งคะแนนสำคัญกลับบ้าน

         จบซีซั่นนั้ เรอัล มาดริด ได้แชมป์ด้วยการมีคะแนนมากกว่า บาร์เซโลน่า 3 คะแนน หากในเกมนี้ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ แชมป์คงเป็นของ "เจ้าบุญทุ่ม" ไปแล้ว

เรอัล มดริด - เซบีย่า

ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2016


         เรอัล มาดริด เดินลงสู้สนามชิงถ้วยซูเปอร์ คัพกับ เซบีย่า คู่แข่งร่วมลีกที่ได้แชมป์ยูโรปา ลีกมา และเป็นการลงเล่นชิงถ้วยนี้ครั้งแรกของ ซีเนดีน ซีดาน

         เกมที่เลอร์เคนดัล สตาดิโอน ที่นอร์เวย์ เป็น "ราชันชุดขาว" ที่ออกนำก่อนจาก มาร์โก อาเซนซีโอ นาทีที่ 21 แต่ก็มาเสียสองประตํรวดให้กับ ฟรังโก้ บาซเกซ นาทีที่ 41 และ เยฟเฮน โคโปเปลี่ยนก้า สังหารจุดโทษนาทีที่ 72

         ในขณะที่เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ เซบีย่า ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เซร์คิโอ รามอง โหม่งทีมเก่าจากลูกเปิดของ ลูกัส บาซเกซ ทำให้เกมต้องสู้กันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ ดาเนี่ยล กาบาร์ฆาล จะมายิงประตูชัยนาทีที่ 119 ส่งให้ทีมเอาชนะคว้าแชมป์ไปครอง

         เป็นอีกครั้งที่แข้งหมายเลข 4 ก้าวขึ้นมาในช่วงเวลาสำคัญและช่วยเซฟชีวิตทีมเอาไว้ได้ และทีมก็คว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด

เรอัล มาดริด - เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า

ลา ลีกา สเปน 2016/17


         ต่อเนื่องจากเกมที่เสมอกับ บาร์เซโลน่า ในช่วงเวลานั้น เรอัล มาดริด นำห่าง "เจ้าบุญทุ่ม" ผู้ตาม 6 คะแนน แม้ว่าจะเพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งฤดูกาลแต่ก็ถือเป็นการเดินหน้าที่สวยงามทีเดียว

         เกมที่ ซานติอาโก เบร์นาเบว เกมครึ่งแรกเต็มไปด้วยความยากลำบากของ "ราชันชุดขาว" ที่เจาะคู่แข่งไม่เข้า แต่ครึ่งหลังผ่านมา 5 นาทีทีมก็มาขึ้นนำจาก อัลบาโร่ โมราต้า 

         แต่ทว่าเมื่อได้ประตูขึ้นนำทีมกลับผ่อนเกมไปจนสุดท้ายมาเสียสองประตูในเวลาเพียง 3 นาทีให้กับ โฆเซลู นาทีที่ 63 และ 65 กว่าจะมาตีเสมอได้ต้องรอถึงนาทีที่ 84 จาก มาเรียโน่ ดีอาซ

         เกมที่น่าจะจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป เป็นอีกครั้งที่ เซร์คิโอ รามอส มาเป็นฮีโร่โหม่งลูกเตะมุมของ โทนี่ โครส นาทีที่ 93 เป็นประตูชัยให้ทีมคว้าสามแต้มไปครอง

         ในฤดูกาลนั้นทีมจบลงด้วยสถิติชนะ 29 เสมอ 6 แพ้ 3 ทำไป 106 ประตู เสีย 41 ลูก โดย รามอส ลงเล่น 28 เกมในลีกเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บเล่นงาน ทำไป 7 ประตู

นาทีที่ 93!!!


         24 พฤษภาคม 2014 สนาม เอสตาดิโอ ดาลูซ ในกรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส น่าจะเป็นหนึ่งในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในควาใทรงจำ ไม่ใช่แค่สำหรับคู่ชิงชนะเลิศอย่าง เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด แต่รวมถึงแฟนบอลรายอื่นด้วย

         ด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าชัดเจน โอกาสยิงมากมายของ เรอัล มาดริด กลับมาเสียประตูให้กับ ดีเอโก้ โกดิน ในนาทีที่ 36 ของเกม ในช่วงเวลานั้น แฟนบอล "ตราหมี" คงมั่นใจว่าทีมจะคว้าชัยชนะไปครองด้วยเกมรับอันแข็งแกร่ง

         กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากลูกเตะมุม ลูก้า โมดริช เปิดเข้ากลาง เซร์คิโอ รามอส โหม่งสะบัดบอลเสียบเสาเข้าไปนาทีที่ 90+3 สกอร์ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษกัน

         สุดท้ายช่วงต่อเวลานี่แหละ เรอัล มาดริด ทะลวงสามประตูรวดจาก แกเร็ธ เบล, มาร์เชโล่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้ทีมชนะ 4-1 คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 10 และเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี 


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด