ภายใต้การคุมทีมของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ที่ใช้ทรัพยากรลูกหนังอย่างจำกัด ทำทีมตามงบประมาณที่มีให้ ไร้ซุป’ตาร์ชื่อดังประดับทีม

อย่างไรก็ดีเมื่อขึ้นไทยลีก 1 พวกเขาจำเป็นต้องเสริมทัพ การใช้นักเตะจากไทยลีก 2 เช่นเดิม คุณภาพอาจไม่ดีพอให้คุณอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุด ที่กระดูกฟุตบอลและการแข่งขันเข้มข้นกว่า โดยเฉพาะแข้งต่างชาติ 4 โควตา ที่เปรียบเสมือนเสาหลักทีม

“โค้ชวัง” เลือกไม่เก็บนักเตะต่างชาติหน้าเดิมไว้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แลร์ซิโอ คอสตา, เนโต, วิลเลน โมตา รวมถึง ยูเซย์ โอกาซาวาระ เหลือเพียง ควอน แด-ฮี แนวรับเกาหลีใต้ ที่ได้ไปต่อกับทีม

ต่อพิฆาตผ่าตัดทีม ดึงผู้เล่นเข้ามาใหม่เกือบ 20 ราย โดยมีแข้งต่างชาติแนวรุกที่น่าสนใจอย่าง โจนาธาน เฮส และ ลอนซานา ดุมบูญา

รายแรกกดให้ ม.เกษตร ไปถึง 28 ตุง คว้าดาวซัลโวไทยลีก 2 ขณะที่รายหลังอิมพอร์ตมาจากลีกรองออสเตรีย

ในรายของ เฮส แม้จะยิงกระจายในลีกรอง ทว่าชื่อชั้นเขาเองไม่ได้ถูกจับตาจากไทยลีกขนาดนั้น เจ้าตัวยังเป็นเพียงบราซิเลียนโนเนม ที่รอวันพิสูจน์ตัวเองบนลีกสูงสุด

ขณะที่ ดุมบูญา กองหน้าเจ้าของส่วนสูง 193 ซม. แม้จะพาสเจอไรซ์ในเวทียุโรปมา แต่ก็เป็นเพียงระดับลีกรอง แถมเขาเองก็ไม่ใช่ตัวหลัก อีกทั้งการยังใหม่ในฟุตบอลไทย รวมถึงทรัพยากร พีที ประจวบ ไม่ได้มีผู้เล่นระดับเกรดเอเป็นแกนหลัก

ไม่แปลกที่สื่อกีฬาหลายเจ้ายกให้ “ต่อพิฆาต” เป็นหนึ่งในทีมเปอร์เซ็นต์ตกชั้นสูง

แต่คู่หูผู้มาจากต่างทวีป คุยกันแค่ภาษาฟุตบอล หักปากกาเซียนตั้งแต่นัดแรกที่เอาชนะ โปลิศ เทโร 3-2 โดยที่ทั้ง ดุมบูญา - เฮส ช่วยทำให้ทีมคนละประตู

จากนั้นคู่หูสังหารประตูแห่งแดนสามอ่าวได้เกิดขึ้น

ประจวบ ไม่ได้เป็นเพียงไม้ประดับรอวันดิ้นหนีตกชั้น หากแต่พวกเขาถีบตัวเองขึ้นไปถึงกลางตารางกึ่งบน ด้วยการเล่นสไตล์รับแน่น สวนกลับคม นอกจาก ดุมบูญา - เฮส พวกเขามีผู้เล่นอย่าง จิตปัญญา ทิสุด, ใหญ่ นิลวงษ์ รวมถึง อมร ธรรมนาม คอยสนับสนุนเกมรุก ทำให้ทีมกลายเป็นม้ามืดที่ใครต่างประมาทไม่ได้

ดุมบูญา คือกองหน้าตัวเป้าขนานแท้ ไม่ว่าบอลจะถูกยัดมารูปแบบไหนให้เขาในกรอบเขตโทษ เขาพร้อมเปลี่ยนมันเป็นประตูได้ ขณะที่ เฮส ความเร็ว ลูกนิ่ง ความสามารถเฉพาะตัวในจังหวะไปกับบอล การจบสกอร์ ดุดันเฉียบขาด

อาจมีช็อตอิหยังวะบ้างระหว่างทางลูกหนัง ที่ทั้งสองแย่งกันยิงจุดโทษ แต่เมื่อเทียบกับผลงานที่ทั้งสองทำได้ เรื่องที่เกิดขึ้นในเกมแพ้ สิงห์ เชียงราย 2-3 ถือเป็นอะไรที่เล็กน้อย

พีที ประจวบ จบซีซั่นด้วยอันดับที่ 6 ของตาราง พร้อมผลงานสุดกระหึ่มของ ดุมบูญา - เฮส     

ดุมบูญา กดไป 16 ตุง 2 แอสซิสต์ ขณะที่ เฮส ซัดไป 26 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ โดยที่ทั้งฤดูกาลประจวบทำไปรวม 54 ประตู

แต่ดอกไม้ไฟ ที่แตกกระจายบนท้องฟ้าไม่นานก็ดับลง

จะด้วยเหตุผลทางฟุตบอล หรืออะไรก็ตาม หลังจบซีซั่น 2018 ทั้งคู่เก็บกระเป๋าลาประจวบ

เฮส เริ่มต้นชีวิตใหม่กับ สุพรรณบุรี แต่ฟอร์มดุฉบับดั้งเดิมของเขาหายไป ทำได้เพียง 4 ประตูจาก 15 นัดที่ลงเล่น ก่อนถูก บีจี ปทุมฯ ที่ตกชั้นไปเล่นไทยลีก 2 ดึงตัวไป แม้ทำได้ 7 ประตูจาก 12 นัด ทว่าเขาก็ไม่ได้ไปต่อกับ บีจี บนลีกสูงสุด ก่อนถูกสุพรรณบุรี ดึงมาร่วมทีมอีกคำรบ แต่ก็ไม่สามารถรีดฟอร์มเก่งเช่นเดิมกลับมาได้ ทำไปได้เพียง 4 ประตูจาก 12 เกม

ปี 2020 เขาย้ายไปเล่นในลีกรองเกาหลีกับ ปูซาน ไอพาร์ค ทว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นเขาได้ลงเล่นแค่เพียง 1 นัด และ 1 นัดที่ได้โอกาสนั้นมีเวลาให้เขาในสนามเพียง 8 นาที จากนั้นไปหาความท้าทายใหม่กับ เอร์มิส อราดิปปู ในลีกไซปรัส และได้ลงสนามเพียงแค่เกมเดียว ก่อนกลับมาเมืองไทย เล่นกับ ตราด เอฟซี แต่ก็ทำได้เพียง 2 ประตูจาก 21 นัด

ขณะที่ ดุมบูญา หลังจบกับ ประจวบ ได้เริ่มต้นใหม่กับ ตราด เอฟซี ทำไป 20 ประตูจาก 28 นัด คว้าดาวซัลโวไทยลีกมาครอง จนถูก เหมยโจว ฮากกา ทีมลีก 1 จากจีนจีบไปร่วมทัพ

แม้จะไปเล่นต่างแวดล้อมลูกหนังที่แกร่งกว่า ทว่าเจ้าตัวยังโชว์ฟอร์มดุกดไปถึง 10 ประตูจาก 14 นัด จนนำดาวซัลโวของลีก ณ ปัจจุบัน แน่นอนความเดือดดาลในการถล่มตาข่ายดาวยิงกินี ไปเข้าตาทีมลีกสูงสุดอย่าง เซี่ยงไฮ เสินหัว ที่ไม่รอช้าคว้าตัวไปร่วมทัพทันที

จากวันที่เป็นคู่หูกันที่ พีที ประจวบ หลายคนมองว่า เฮส มีโอกาสไปไกลกว่า ดุมบูญา ด้วยซ้ำ จากฟอร์มการเล่น และความหลากหลายที่มากกว่าในเกมรุก

กลับกลายเป็นว่าคนหนึ่งสามารถรักษามาตรฐานการเล่นตัวเองในระดับสูง ไม่ว่าอยู่กับสโมสรไหนไว้ได้ จนย้ายซบสโมสรยักษ์ใหญ่ในจีน ขณะที่อีกคนฟอร์มค่อย ๆ ดรอปลงอย่างน่าใจหาย เริ่มชีวิตใหม่กับสโมสรไทยลีก 2 อย่าง เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด

จากวันที่ร่วมกันจุดดอกไม้ไฟกับ พีที ประจวบ ถึงวันนี้ทางเดินลูกหนังทั้งสอง อาจกลายเป็นเส้นขนานที่ยากจะมาบรรจบกันได้อีกครั้ง

เมื่อกราฟลูกหนังทั้งคู่ วิ่งสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง