:::     :::

โบกมือลา ศิลปินแห่งผืนหญ้า ... โรนัลดินโญ่ (ตอนจบ)

วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2561 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
4,149
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กลับมาพบกับตอนจบของเรื่องราวชีวิต ที่หล่อหลอมความเป็น "โรนัลดินโญ่" ผ่านรูปแบบการเขียนจดหมายถึงวัยเด็กของตัวเอง

        ตอนจบนี้, เขาจะเล่าถึงแรงบันดาลใจในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยผ่านความทรงจำการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ของทีมชาติบราซิล

        รวมถึงการรักษาความเป็นตัวเองเอาไว้ ทั้งการเล่นแบบฟรีสไตล์ และเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แน่นอนว่า เขายังพูดถึงลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะที่ก้าวมาสานต่อความสำเร็จของเสื้อหมายเลข 10 แห่งบาร์เซโลน่า ต่อจากเขาด้วย 

       (ย้อนความเดิม) "วันที่ 17 กรกฎาคม 1994 เป็นวันที่ชาวบราซิเลี่ยน ทุกคนสามารถจดจำมันได้ วันนั้น นายจะเดินทางไปกับทีมเยาวชนของเกรมิโอ เพื่อไปแข่งขันที่เบโล โฮริซอนเต้"

        "ฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศ กำลังถูกถ่ายทอดสดผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ ทีมชาติบราซิล เผชิญหน้ากับทีมชาติอิตาลี แน่นอน !!! เราคว้าแชมป์โลกเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี ทั้งหมดของประเทศดูเหมือนจะหยุดความเคลื่อนไหว"

        "ทุกที่ในย่านเบโล โฮริซอนเต้  ล้วนประดับประดาด้วยธงชาติบราซิล ไม่มีสีอื่นผสมเลย ยกเว้นสีประจำชาติของเราอย่างสีเขียว และเหลือง ทุกจุดในตัวเมือง จะถ่ายทอดการแข่งขัน และเต็มไปด้วยผู้คน"

        "นายจะได้ชมเกมการแข่งขันกับเพื่อนร่วมทีม การแข่งขันจบลงด้วยสกอร์ 0-0 และต้องชี้ขาดกันที่ช่วงดวลจุดโทษ ทีมชาติอิตาลี เป็นฝ่ายยิงก่อน และพวกเขายิงพลาด !! ส่วนของบราซิล ก็ยิงไม่เข้าเช่นเดียวกัน !!"

       "จากนั้นอิตาลี ยิงออกนำ ก่อนที่โรมาริโอ มายิงให้กับเรา ด้วยซัดบอลไปชนเสา และเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ทุกคนต่างกรีดร้อง และตะโกนออกมา จนกระทั่งอิตาลี กลับมายิงเข้า ทุกคนถึงอยู่ในความเงียบอีกครั้ง"

        "จากนั้น บรังโก้ และดุงก้า มายิงให้บราซิล ขณะที่ทัฟฟาเรล ช่วยเราเซฟได้ ช่วงเวลานั้น ไม่เพียงแค่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตนาย แต่ยังเปลี่ยนชีวิตชาวบราซิเลี่ยน นับล้านคนบาจโจ้ นำลูกมาวาง และเขายิงพลาด !! บราซิล กลายเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก"

       " ระหว่างที่การเฉลิมฉลองกำลังดำเนินไปอย่างบ้าคลั่ง นายจะรู้ทันทีเลยว่า  นายต้องการจะทำอะไรตลอดชีวิตที่ยังเหลืออยู่ นายจะเข้าใจว่า ฟุตบอลมีความหมายต่อชาวบราซิเลี่ยน อย่างไร"

        "นายจะรู้ถึงพลังของกีฬาชนิดนี้ และจะได้เห็นความสุขที่ฟุตบอลนำมาสู่ผู้คน -ข้าจะลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิล- นี่คือคำพูดที่นายพูดกับตัวเองในวันนั้น"


        "เมื่อนายอายุครบ 18 ปี นายจะได้รับสิ่งที่พ่อสามารถภูมิใจในตัวนายได้ นั่นคือการเล่นทีมชุดใหญ่ของสโมสรเกรมิโอ เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่พี่ชายของนายอย่างโรแบร์โต้ ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย"

         "โรแบร์โต้ ได้รับบาดเจ็บตรงหัวเข่าอย่างรุนแรง และเขาตัดสินใจย้ายไปเล่นในลีกสวิตเซอร์แลนด์ นายไม่ได้เล่นร่วมกับฮีโร่คนนี้ อย่างไรก็ตาม นายได้เห็นเขาลงสนามเป็นระยะเวลาหลายปี นายรู้ว่าควรทำอะไร และทำอย่างไร"

        "ในวันแข่งขัน นายจะได้เดินผ่านลานจอดรถที่พ่อของนายเคยทำงานเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยในช่วงสุดสัปดาห์ นายจะได้เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ที่พี่ชายเคยพาเข้ามาตอนที่นายยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ"

        "เหนือสิ่งอื่นใด นายจะได้สวมเครื่องแบบสีฟ้า-ดำของเกรมิโอ นายกำลังคิดว่า ชีวิตไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว นั่นคือการได้เล่นกับทีมบ้านเกิดนั่นเอง"

        "ปีหน้า นายจะได้ลงเล่นทีมชาติบราซิล เป็นครั้งแรก เรื่องตลกเกิดขึ้น เมื่อนายเข้าร่วมแคมป์ทีมชาติช้ากว่าคนอื่น เนื่องจากต้องลงเตะในแมตช์ชิงชนะเลิศ รายการคัมปิโอนาโต้ เกาโช่ ด้วยการเจอกับทางอินเตอร์นาซิอองนาล ที่นำทัพมาโดยดุงก้า กัปตันทีมชาติบราซิล ชุดแชมป์โลก 1994"

        "เมื่อนายถึงสนามซ้อมทีมชาติบราซิล เป็นครั้งแรก นายจะได้พบกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ บุคคลที่นายเฝ้าชมตอนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 พวกเขาจะพูดถึงนายว่า นายเลี้ยงผ่านดุงก้า ได้อย่างไร หรือนายสามารถยิงประตูชัยได้ยังไงกัน ?"

        "แต่อย่าได้มั่นใจมากจนเกินไป พวกเขาไม่งานง่ายสำหรับนาย นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต เมื่อนายก้าวมาถึงระดับนี้ ย่อมเกิดความคาดหวังตามมา จะมีคำถามเข้ามาในหัวว่า ยังเล่นในแบบฉบับตัวเองหรือเปล่า ? นายจะคิดคำนวณ หรือเล่นเพื่อความปลอดภัยเป็นหลักหรือไม่ ?"

        "คำแนะนำที่อยากให้นายรู้เอาไว้คือ จงเล่นในแบบของตัวเอง รู้สึกอิสระ ฟังเพลงผ่อนคลาย นี่เป็นวิธีการเดียวในชีวิตของนาย การเล่นให้ทีมชาติบราซิล เปลี่ยนแปลงชีวิตของนายไป ประตูแห่งโอกาสที่ไม่เคยคาดคิดจะเปิดต้อนรับ

        "ซึ่งหลังจากนั้น นายเริ่มมีความคิดที่จะย้ายไปเล่นในฟุตบอลลีกยุโรป สถานที่ที่ตำนานบราซิล หลายคนไปพิสูจน์ตัวเอง โรนัลโด้ จะเล่าชีวิตที่บาร์เซโลน่า ให้นายฟัง นายจะได้เห็นรางวัลส่วนตัวของเขา รวมถึงบัลลงดอร์ และแชมป์ระดับสโมสร"

        "แน่นอนว่า นายต้องการทำแบบนั้นเหมือนกัน นายมีความฝันที่ไกลเกินกว่าที่จะอยู่กับเกรมิโอ จนกระทั่งในช่วงปี 2001 นายจะได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของเปแอสเช"

       "เด็กที่เกิดในบ้านไม้ที่แทรกตัวอยู่ในสลัม จะมีชีวิตอย่างไรในทวีปยุโรป ? มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย จากนั้นนายจะย้ายจากเปแอสเช ไปยังบาร์เซโลน่า ตามมาด้วยเอซี มิลาน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก"

        "บางครั้ง พวกสื่อมวลชนในทวีปยุโรป ก็ไม่เข้าใจสไตล์การเล่นของนายหรอก พวกเขาไม่เข้าใจว่า นายจะยิ้มไปทำไมกัน ? โปรดจงรู้ไว้ว่า นายยิ้มเพราะฟุตบอลเป็นเรื่องสนุก"

        "ทำไมต้องไปซีเรียสกับมันด้วยล่ะ เพราะเป้าหมายของนายคือการกระจายความสุขออกไป อยากจะยืนยันอีกสักครั้งว่า ความคิดสร้างสรรค์อยู่เหนือการคำนวณ"

        "จงรู้สึกอิสระ แล้วนายจะได้แชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติบราซิล จงรู้สึกอิสระ แล้วนายจะได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ลาลีกา และกัลโช่ เซเรีย อา และจงรู้สึกอิสระ แล้วนายจะได้รางวัลบัลลงดอร์"

        "สิ่งที่นายจะภูมิใจมากที่สุดคือ การเปลี่ยนสไตล์การเล่นฟุตบอลของสโมสรบาร์เซโลน่า เมื่อนายย้ายมาร่วมทีมบาร์ซ่า นายจะพบว่าเรอัล มาดริด เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลสเปน"

        "เมื่อนายย้ายออกจากทีมไป เด็กๆจะเริ่มมีความฝันอยากเล่นในแนวทางของบาร์เซโลน่า เหมือนกับนายบ้าง เชื่อเถอะว่า สิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าเรื่องที่นายทำในสนามเสียอีก"

        " ที่บาร์เซโลน่า, นายจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กเยาวชนคนหนึ่ง ซึ่งในเวลาต่อมา เขาสวมเสื้อหมายเลข 10 เหมือนกับนายเลย เขาตัวเล็กเ และเล่นบอลเหมือนนายด้วย"

        "โดยนาย และเพื่อนร่วมทีมบาร์ซ่า จะเห็นเขาในทีมเยาวชนของสโมสรแห่งนี้ นายจะรู้ทันทีเลยว่า เขาจะสามารถก้าวมาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน เด็กคนนี้มีความแตกต่างออกไป เขามีนามว่าลิโอเนล เมสซี่"

       " นายจะเดินเข้าไปบอกกับโค้ชว่า ให้ดึงเมสซี่ มาเล่นกับทีมชุดใหญ่ ผู้คนที่บาร์เซโลน่า ต่างพูดถึงเขา เหมือนที่ผู้เล่นทีมชาติบราซิล เคยพูดถึงนาย"

       "อยากให้นายให้คำแนะนำบางอย่างแก่เขา บอกเขาว่า -จงเล่นด้วยความสุข รู้สึกอิสระ และเล่นเพียงแค่ฟุตบอลเท่านั้น- เมื่อนายได้ย้ายออกจากบาร์เซโลน่า ไปแล้ว การเล่นแบบอิสระเหล่านี้ จะถูกส่งต่อไปยังเมสซี่"

        "หลายอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตของนาย มีทั้งเรื่องดี และไม่ดีปะปนกันไป แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว นายจงรู้ไว้ว่า นายเป็นหนี้บุญคุณฟุตบอล"

        "เมื่อมีคนตั้งคำถามถึงสไตล์การเล่นของนาย หรือทำไมนายต้องยิ้ม หลังจากที่ทีมพบกับความพ่ายแพ้ด้วย ? นายต้องนึกถึงความทรงจำนั้น

        "เมื่อพ่อของนายจากโลกนี้ไป นายจะไม่มีเรื่องราวอะไรของท่าน ครอบครัวของนายไม่มีเงินทองมากมายนัก ดังนั้น ครอบครัวจึงไม่มีกล้องวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ดีๆเอาไว้ นายจะไม่ได้ยินเสียง หรือได้ยินเสียงหัวเราะของพ่ออีกแล้ว

        "แต่สิ่งที่นายจดจำได้ไม่เคยลืมเลือนคือ ภาพของนาย และพ่อเล่นฟุตบอลด้วยกัน นายยิ้ม และมีความสุข ด้วยลูกบอลที่เท้าของนาย แน่นอนว่า พ่อมีความสุขที่ได้ดูนายเล่นฟุตบอล"

        "เมื่อมีเงินตราเข้ามา เมื่อมีความกดดันถาโถม เมื่อมีเสียงวิจารณ์มากระทบ นายจงปลดปล่อย เล่นในแบบที่พ่ออยากให้เล่น และเล่นแค่ฟุตบอล .... โรนัลดินโญ่"

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด