เขาอาจเป็น 'แอสซิสต์คิง' ของ แมนฯ ซิตี้ แต่ เควิน เดอ บรอยน์ ในตอนนี้มีส่วนช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
10 นัดในพรีเมียร์ลีก เดอ บรอยน์ ยังไม่ได้จ่ายบอลสุดท้ายก่อนเป็นประตูให้ทีมเลย ซึ่งนั่นทำให้เกิดข้อสงสัยต่อฟอร์มของเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม
แน่นอนว่ามันยังคงเพิ่งเริ่มต้นซีซั่น ซึ่งอาการบาดเจ็บนั้นส่งผลต่อการลงสนามของเขา และเขาก็ไม่ใช่แค่คนเดียวที่ต้องเจอความลำบากสำหรับการสร้างสรรค์เกมให้กับทีม
เพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง อิลคาย กุนโดกัน และ ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ยังไม่มีแอสซิสต์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ ของ ลิเวอร์พูล หรือ โรเมลู ลูกากู จาก เชลซี ก็ไม่มีเหมือนกันทั้งที่ลงสนามมากกว่า เดอ บรอยน์ เป็นสองเท่าในซีซั่นนี้
ฟอร์มที่ดร็อปลงเล็กน้อยของเขากลายเป็นที่สนใจหลังจากที่ผ่านมาเขาได้รังสรรค์โอกาสทำประตูให้ทีมมากมายในแบบที่ผู้เล่นคนอื่นไม่สามารถทำได้
นับตั้งแต่ประเดิมสนามให้ แมนฯ ซิตี้ ในปี 2015 เดอ บรอยน์ มีสถิติแอสซิสต์ และสร้างโอกาสทองได้มากกว่าใครในพรีเมียร์ลีก
อันที่จริงไม่มีใครอยู่ใกล้เขาเลยด้วยซ้ำ โดยสถิติแอสซิสต์รวม 78 ครั้ง นั้นเหนือกว่า คริสเตียน เอริคเซ่น ถึง 27 ครั้ง ขณะที่การสร้างโอกาสทองรวมแล้ว 120 ครั้ง โดยก็เยอะกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่าง ริยาด มาห์เรซ ที่ทำไปได้ 80 ครั้ง
เดอ บรอยน์ มีค่าเฉลี่ยทำแอสซิสต์ทุกๆ 176 นาทีให้กับ เรือใบ เรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบเคียงเลย
แต่ในปีนี้ สิ่งที่เราแทบไม่เคยเห็นได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมที่แพ้ คริสตัล พาเลซ 0-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาร
ทั้งที่ทีมกำลังต้องการคนที่สร้างสรรค์เกม และทำลายแนวรับคู่แข่ง ซึ่งปกติแล้ว เดอ บรอยน์ จะมีเวทมนตร์เพื่อปลดล็อกประตูให้กับทีมอยู่เสมอ
กระนั้น เขากลับถูกเปลี่ยนตัวออกทั้งที่เวลาในเกมยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมง โดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หันไปหา มาห์เรซ และ สเตอร์ลิง สำหรับการกอบกู้สถานการณ์
นายใหญ่ เรือใบ ชัดเจนสำหรับการปกป้อง เดอ บรอยน์ เมื่อถูกถามว่าเขากังวลเกี่ยวกับฟอร์มล่าสุดของเขาหรือไม่ โดยดาวเตะวัย 30 ปี เป็นบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ กวาร์ดิโอล่า ในช่วง 5 ปี ที่สโมสรแห่งนี้ และยืนยันว่าเขาจะกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในไม่ช้า
"คุณไม่สามารถนึกภาพออกหรอกว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ดีแค่ไหน" กวาร์ดิโอล่า กล่าว
"เมื่อคุณมีเส้นทางอาชีพที่ยาวนานเหมือนเขา ลงเล่นเป็นล้านๆ เกม คุณต้องมีทั้งวันที่ดี และไม่ดี"
"ผมรู้ว่าเขาเป็นยังไง เขากำลังซ้อม และเขารู้ว่าเขาจะได้รับการหนุนหลังอย่างเต็มที่กับโอกาสลงสนาม การเล่นในระดับที่ดี หรือแย่ ผู้เล่นทุกคนรู้ว่าเราจะหนุนหลังพวกเขา"
"ผมเองก็เป็นนักฟุตบอล และผมรู้ว่าตลอดอาชีพค้าแข้ง คุณไม่สามารถเล่นได้ดีตลอดเวลาหรอก มันมีทั้งขึ้นสูง และลงต่ำ และเขารู้ดีกว่าใครว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่านี้"
"เราจะรอเขา เพราะเรารู้ว่าเขาทำอะไรทุกวันเพื่อให้มันดีที่สุด"
หลังจากเจออาการบาดเจ็บที่เบ้าตาในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ กับ เชลซี เดอ บรอยน์ ก็เริ่มซีซั่นด้วยอาการบาดเจ็บข้อเท้าระหว่างเกมยูโร
มิดฟิลด์รายนี้จำเป็นต้องฉีดยาชาสองครั้งเพื่อลงสนามในเกมที่ เบลเยียม แพ้ อิตาลี ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และต่อมามันส่งกระทบทำให้เขาไม่ฟิตพอจะลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีก จนถึงปลายเดือนกันยายน
"เราลืมไปว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ ในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา พวกเขามีวันหยุดแค่ 2-3 สัปดาห์ต่อทุกซีซั่น"
"บางครั้งความล้า และหลายๆ อย่างก็ส่งผลต่อผู้เล่นของเราได้ ผู้เล่นทุกคนต้องโชว์ฟอร์มให้ดีที่สุดในทุกๆ 3 วัน หากผู้เล่นมีร่างกายแข็งแกร่งก็ง่ายขึ้น แต่นักเตะที่มีพรสวรรค์ในพื้นที่สุดท้ายจะสามารถทำสิ่งต่างๆ ในทุกๆ 3 วันตลอดทั้ง 90 นาทีได้เหรอ? ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำได้หรอก"
เมื่อมองออกไปนอกจากแอสซิสต์ที่เป็นจุดแข็งแล้ว ก็มีข้อโต้แย้งมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่า เดอ บรอยน์ ยังคงส่งผลกระทบสำคัญต่อการออกสตาร์ทซีซั่นของ เรือใบ
การลงเล่นตัวจริงนัดแรกของเขาในฤดูกาลนี้เกิดขึ้นในเกมบุกชนะ เชลซี ขณะที่เขาก็เป็นคนยิงประตูสำคัญตีเสมอ ลิเวอร์พูล
นอกจากนี้ เขายังทำประตูได้ในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ ขณะที่เกมกับ ไบรท์ตัน เขาก็สร้างสรรค์โอกาสได้ 4 ครั้ง มากกว่าผู้เล่นทุกคนตลอดทั้งเกม แม้จะได้อยู่ในสนามเพียง 13 นาที
กระนั้น การพ่ายแพ้ พาเลซ แบบสุดช็อก หลังตกรอบคาราบาว คัพ ด้วยน้ำมือ เวสต์แฮม ที่พวกเขาทำประตูไม่ได้เหมือนกันได้เพิ่มความกังวลเพิ่มขึ้นว่าทีมกำลังเจอปัญหาเรื่องการสร้างสรรค์โอกาส
"ผมจะไม่พูดว่าเราขายอะไรไปกับประตู เพราะมีหลายเกมที่เรายิงได้ตั้ง 5 ลูก เราชนะ อาร์เซน่อล 5 ลูก ยิง คลับ บรูช อีก 5 ลูก" ไคล์ วอล์คเกอร์ กล่าว
"มันเหมือนกับว่า โอเค แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงไม่ได้ พวกเขาต้องการกองหน้า แต่เมื่อเราทำได้ 5 ประตู เราก็ทำได้ดีทีเดียวกับการไม่มีกองหน้า เราคือทีม และทีมนี้สร้างขึ้นจากรากฐานตลอด 4 ปีที่ผ่านมา"
"เราเสีย กุน (เซร์คิโอ อเกวโร่) ไปในช่วงซัมเมอร์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมคิดว่าทุกคนที่อยู่ในสนามไม่มีอีโก้ เราทุกคนทำงานหนักเพื่อกันและกัน และวิ่งเพื่อกันและกัน เรามี 11 คนในสนาม ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์ 1, 2, 3 หรือ 4 คน"
แน่นอนว่ายี่ห้อระดับ เดอ บรอยน์ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังจะได้รับการซัพพอร์ตมากมายกับการเป็น 'แอสซิสต์คิง' บนชาร์ท
แต่ช่วงเวลาสูงสุดของเขามันเหมือนจะกำลังถอยหลังเข้ามาทุกทีแล้ว
พาสต้า
