:::     :::

ปู่รอย...คนอึดตายยาก

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2565 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
1,045
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
มันคงง่ายเกินไปสำหรับ รอย ฮ็อดจ์สัน ที่จะรีไทร์ตัวเอง และสนุกกับชีวิตที่บ้านโดยปราศจากเกมลูกหนัง แต่สำหรับผู้ที่รู้จัก และเคยร่วมงานกับเขา การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์เล็กน้อย

แน่นอนว่าเขาเป็นเจ้าแห่งการหนีตายที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเอาชีวิตรอดในทุกสถานการณ์ ตลอดอาชีพที่ยาวนาน และเต็มไปด้วยเรื่องราวของเขา เขาได้วางรากฐานที่มั่นคง และจะมองหาโอกาสที่จะสร้างบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา

ฟูแล่ม, คริสตัล พาเลซ และ เวสต์บรอมวิช สามารถยืนยันสิ่งนั้นได้ ปรัชญาของเขาคือการสร้างแนวรับให้มั่นคงเพื่อเป็นกระดูกสันหลังของทีม ขณะที่ก็พร้อมปล่อยให้เกมรุกได้ฉายแสงถึงไหวพริบเช่นกัน

ในเส้นทางนั้น เขาจะจัดการกับขุมกำลังอย่างเป็นระบบ และพิถีพิถัน ในขณะที่เขามักจะโดนกล่าวหาว่าทำให้ฟุตบอลน่าเบื่อ ซึ่ง ฮ็อดจ์สัน ก็ได้รับผลการแข่งขันร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ วัตฟอร์ด นั้นเต็มไปด้วยความกดดันตั้งแต่เริ่มต้น

เป็นที่ทราบกันดีว่าเขาต้องซ้อมทีมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งโครงสร้างพื้นฐานซึมซับไปยังกล้ามเนื้อผู้เล่น จากนั้นพวกเขาก็จะถูกสอนเกี่ยวกับรูปแบบการเล่นทุกวันจนกว่าเขาจะพอใจในที่สุด

ไม่น่าแปลกใจที่ทีมของเขามักจะถูกจับทางได้ยาก แต่สิ่งสำคัญของสถานการณ์ปัจจุบันก็คือการเก็บแต้มให้ได้ในตารางคะแนน ดังนั้นความเป็นวีรบุรุษของเขาที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้จึงไม่ใช่งานง่ายที่จะเกิดขึ้นซ้ำ

วัตฟอร์ด โพสต์ภาพตัดต่อของ ฮ็อดจ์สัน ที่สนามซ้อมในวันที่เขาเข้ารับตำแหน่ง และไม่มีอะไรที่แฟนๆ ต้องแปลกใจกับการที่เขาหนีบ เรย์ ลูวิงตัน เข้ามาเป็นผู้ช่วยอีกครั้ง

นี่เป็นการต้อนรับที่น่ายินดี และน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรในช่วงวิกฤตหนีตายแบบนี้ มันเคยได้ผลมาแล้ว แล้วทำไมนายใหญ่วัย 74 ปี จะต้องปรับเปลี่ยนอะไรล่ะ?

ย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม ปี 2007 ฮ็อดจ์สัน เข้ามารับงานที่คราเวน ค็อทเทจ โดย ฟูแล่ม รั้งอันดับ 18 และเผชิญหน้ากับการร่วงลงไปยังแชมเปี้ยนชิพ ในเวลานั้นพวกเขาอยู่ห่างจากทีมโซนปลอดภัย 2 คะแนน

ด้วยความจริงที่ว่าก่อนหน้านั้น ฟูแล่ม เพิ่งจะชนะได้แค่ 2 เกมในพรีเมียร์ลีก นั่นทำให้งานของ ฮ็อดจ์สัน เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา แต่เขาก็เริ่มต้นที่จะสร้างปัจจัยพื้นฐานด้วยการปรับทัศนคติของทีมให้ดีขึ้น และค่อยๆ สร้างความมั่นคงให้กับทีมทีละขั้น

มันน่าเหลือเชื่อ เขาพาทีมเก็บได้ 12 แต้ม จาก 5 นัดสุดท้ายของซีซั่น ซึ่งรวมถึงชัยชนะเหนือ แมนฯ ซิตี้ 3-2 ทั้งที่เป็นฝ่ายตามหลังก่อน 2 ลูก และนั่นทำให้พวกเขาทะยานขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย

ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้ช่วยให้พวกเขาเอาตัวรอดได้ และชัยชนะเหนือ พอร์ทสมัธ 1-0 ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2007-08 ก็ทำให้ภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ของ ฮ็อดจ์สัน ประสบความสำเร็จ แถมยังอุตส่าห์พาทีมอย่าง ฟูแล่ม ไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ในอีก 2 ปีถัดมา

กับการทำงาน 2 ฤดูกาลเต็มๆ ของเขาที่นั่น สโมสรจบอันดับ 7 และ 12 ซึ่งต่อมาเขาก็ได้รับงานใหญ่กับ ลิเวอร์พูล แต่กลับกลายเป็นทุกอย่างไม่เวิร์คจนกระทั่ง ฮ็อดจ์สัน ถูกไล่ออกในที่สุด

ทว่านั่นก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาหันหลังให้เกมลูกหนัง เพียงหนึ่งเดือนต่อมา ฮ็อดจ์สัน ก็ได้คุมทีม เวสต์บรอมวิช ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เขาเจอกับทีมที่สถานะย่ำแย่ตอนรับตำแหน่ง โดยสโมสรรั้งอันดับ 17 มีคะแนนเหนือทีมโซนแดงแค่แต้มเดียว

พวกเขาแพ้ 13 จาก 18 นัดก่อนหน้านี้ แต่สุดท้าย ฮ็อดจ์สัน ก็นำพวกเขาอยู่รอดปลอดภัยเช่นเดียวกับที่เคยทำได้ที่ ฟูแล่ม

ชัยชนะ 5 และเสมอ 5 จาก 12 เกมที่เหลือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง ซึ่งรวมถึงชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล และผลการแข่งขันนั้นทำให้ เวสต์บรอมวิช จบด้วยอันดับที่ 11 ของตาราง

ฤดูกาลถัดมา ฮ็อดจ์สัน ต้องพบว่าทีมของเขาถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างต่อเนื่อง และดาราสำคัญอย่าง โซลตัน เกร่า ก็ต้องพักทั้งซีซั่นเนื่องด้วยความเสียหายที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่า แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาก็ยังทำทีมให้อยู่ในอันดับเหนือโซนตกชั้นได้

มีช่วงหนึ่งตอนคริสต์มาสอันแสนวุ่นวาย เดอะ แบ็กกี้ส์ หล่นลงมาด้วยการมีแต้มตามหลัง โบลตัน อันดับ 18 อยู่ 3 คะแนน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ ฮ็อดจ์สัน สร้างแรงบัลดาลใจให้กับลูกทีมจนกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้รอดตกชั้นแบบสบายๆ กับอันดับกลางตาราง

อันที่จริง ในช่วงที่ 3 ของฤดูกาล พวกเขาชนะ 6 เสมอ 3 และแพ้ 5 ซึ่งเราได้เห็นว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ 7 ทีมจาก 8 อันดับแรก โดยความพิเศษในช่วงนั้นก็คือชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล

พวกเขาจบอันดับ 10 ซึ่งหลังจากนั้น ฮ็อดจ์สัน ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนใหม่ อันที่จริงมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่หรอก ก่อนที่เขาจะได้ไปทำงานที่ว่างลงของ คริสตัล พาเลซ ในเดือนกันยายน ปี 2017

เมื่อมาถึงถิ่นเซลเฮิร์สท์ พาร์ค ทีมอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ หลังผ่าน 4 เกมด้วยการมี 0 แต้ม แถมทำประตูไม่ได้เลย

แม้ ฮ็อดจ์สัน จะไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยอันที่จริงเขาแพ้ทั้ง 3 นัดแรกที่คุมทีม ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็พา ดิ อีเกิ้ลส์ จบอันดับที่ 11 ได้อย่างน่าชื่นชม

ก่อนหน้านั้น ไม่เคยมีทีมไหนที่รอดตกชั้นหลังจากแพ้รวดทั้ง 7 นัดแรกของซีซั่น แต่ พาเลซ ของ ปู่รอย ก็ทำลายสถิตินั้น

ถัดมาปีใน 2018-19 พวกเขาก็จบซีซั่นด้วยการเก็บไป 49 แต้ม ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดของพวกเขาในการเล่นต่อหนึ่งฤดูกาล

กับช่วงเวลาของเขาที่ พาเลซ พวกเขาจบอันดับ 11, 12, 14 และ 14 พวกเขาพบว่าตัวเองมักจะอยู่ตรงกลางตาราง แม้จะไม่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นซึ่งกองเชียร์ก็พอใจ ทว่าพวกเขาก็ต้องการอะไรที่ดีกว่านี้

นั่นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องออกจากตำแหน่งเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลที่แล้ว ฮ็อดจ์สัน ได้นำความมั่นคงที่หายไปนานมาสู่ พาเลซ และตอนนี้ วัตฟอร์ด ก็คือสถานีต่อไปของเขาที่จะได้พิสูจน์ฝีมือ

เขายังคงมีความภาคภูมิใจกับความจริงที่ว่าเขาไม่เคยลิ้นรสการตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกมาก่อนเลย

สถิติ 'อึด ตายยาก' ของเขามันอาจจะถูกต่อยอดให้ยาวนานเพิ่มไปอีก หรือไม่ก็สิ้นสุดลงแค่ตรงนี้ สิ้นฤดูกาลเดี๋ยวได้รู้กัน

พาสต้า


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด