:::     :::

"คำสารภาพที่ไม่ยอมสารภาพ" และ Underdog Attitude ของแฮรี่ แมกไกวร์

วันพุธที่ 09 กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
8,606
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เน้นๆ เนื้อๆ หนักๆ กับความผิดพลาดที่ประจักษ์อีกครั้งว่าทำให้ทีมเสียหายของกัปตันทีมแฮรี่ แมกไกวร์ ที่ป้องกันพลาดในแนวรับ ส่งผลต่อการเสียประตูที่กระทบถึงระดับผลการแข่งขันของทีมบ่อยครั้ง บทความนี้ต้องจัดหนักหน่อยแล้ว

จริงๆแล้วประเด็นนี้ไม่อยากทำเป็นบทความสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ช่วงดูสดแล้วก็ไม่โพสต์บนหน้าเพจของผู้เขียนคอลัมน์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากจะเขียนอะไรที่เป็นการด่าเพื่อ "แขวน" กันบนฟีดแบบตรงๆ เนื่องจากว่ากลัวที่มันจะเกิดการเลยเถิดขึ้น(แน่ๆ) ที่เป็นการด่าหยาบๆคายๆที่เกินเบอร์ เช่น ด่าพ่อล่อแม่ เหยียด บูลลี่ ด่าหยาบคายสาดเสียเทเสีย ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ไม่ควรทำ และไม่สมควรจะเกิดขึ้นกับใคร แม้ว่าจะเป็นนักเตะที่คุณไม่ชอบหน้าและไม่อยากให้ลงสนามเต็มแก่ก็ตามที

ดักกันเอาไว้ตั้งแต่หัวบทความเลย และเราก็ไม่อยากให้เกิดกรณีแบบนั้นขึ้น ผ่านบทความนี้ ซึ่งแน่นอนว่า มันก็คงจะมีแน่ๆ ไม่น่ารอด ก็ขนาดเรายังเห็นแล้วหงุดหงิดเลย ไม่แปลกที่แฟนผีหลายท่านจะหัวเสียและโจมตีไปที่จุดนี้ มันก็ปกติที่คงต้องมีบ้าง เพราะงั้นเราในฐานะคนเขียนคอลัมน์ก็เลยเลือกที่จะไม่โพสต์บ่นตอนเชียร์สด และรอวิจารณ์ฟอร์มการเล่นในรีวิวหลังเกมเอา

แต่รอบนี้เรารู้สึกว่า ถ้าไม่เขียนตำหนิชัดๆเพื่อจี้ให้เห็น "ปัญหา" กันจะๆ มันไม่ได้แล้ว

บางครั้งผู้เล่นบางคนก็สมควรต้องรับผิดชอบและโดนตำหนิแบบเนื้อๆเน้นๆบ้าง

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม การด่าด้วยอารมณ์ก็ขอบิณฑบาตก่อนนะโยม หากเป็นการตำหนิอย่าง "ดุเดือด" ด้วยเหตุและผลเชิงแทคติก วิพากษ์ที่การกระทำ ไม่ได้ล้ำเส้นเกินกว่าการวิพากษ์วิจารณ์จนเกินไป อันนี้ผมเห็นด้วยว่า การตำหนิที่ผ่านการวิเคราะห์และพิจารณามาแล้ว ถือเป็นสิ่งที่ควรทำ

ถ้ายังตั้งอยู่บนเหตุและผล รวมถึงไม่ด่าแบบล้ำเส้นเกินควร

จากฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวังเกินคำบรรยายของแฮรี่ แมกไกวร์ ที่เหมือนจะกลับเข้าฝั่งในเกมเจอเวสต์แฮม แต่ก็เริ่มมาเล่นอะไรแบบนี้อีกแล้ว จนจุดอ่อนเดิมๆโผล่ออกมา

ที่จริงจุดอ่อนเหล่านี้มันไม่เคยหายไปไหน และมันจะอยู่ตลอดไปด้วย เชื่อเหอะ เพราะมันเป็นสิ่งที่ ติดตัวและอยู่ในการเล่นของแมกไกวร์แบบนี้อยู่แล้วไม่มีทางเปลี่ยนแปลง เหมือนที่มีข้อความแสดงความรู้สึกจากแฟนบอลหลายๆคน เขียนถึงเขาว่า..

"ตราบใดที่แมกไกวร์ยังอยู่ แมนยูจะไม่ได้แชมป์"

อาจจะดูแรง แต่ผู้เขียนก็แอบรู้สึกว่ามันก็มี "เค้าความจริง" อยู่ในคำด่าแรงๆแบบนี้ เพราะความผิดพลาดลักษณะนี้ของแมกไกวร์มันเป็นจุดอ่อนติดตัวที่ไม่มีหนทางแก้ที่ตัวบุคคลได้เลย

ถ้าจะมีก็คือ ปรับแทคติกให้เขาไปเล่นกองหลังตัวข้าง ซึ่งทีมก็ต้องเล่นหลังสามอีก

หรืออีกทางนึงที่แก้ได้คือ ไม่ต้องส่งลงสนาม!!!

ให้เขาสำรองคนอื่นที่ดีกว่า อย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟเป็นต้น และเอาจริงๆถ้าแมกไกวร์ยังเล่นแบบนี้ ส่งเอริค ไบญี่ลงสนามยังดีกว่า แม้กระทั่งฟิล โจนส์เองก็รู้สึกอุ่นใจกว่าเยอะ นี่ถ้าดึงแอ็กเซล ตวนเซเบ้ กลับมาลงแทนขำๆได้คงทำไปแล้ว!!

ไหนๆมีแมกไกวร์ลงก็เสี่ยงอยู่ทุกนัดแล้ว งั้นปีหน้าเอาแอ็กเซลมาเสี่ยงใช้งานเผื่อฟลุคได้ CB พลังโหดในอนาคตซะดีไหม?

(แค่คิดขำๆ ยังใช้งานจริงไม่ได้อยู่ดี ปั้นต่อไปก่อนตัวนี้)

ตวนเซเบ้ไปอยู่นาโปลีก็เหมือนจะไม่ค่อยได้ลงอีก ทีมเค้ามีCBหลักอยู่แล้วอย่าง Juan Jesus กับ Rrahmani

การเล่นผิดพลาดที่ใหญ่หลวงดังกล่าว มันทำให้กระทบถึงสกอร์การแข่งขัน ที่ส่งผลต่อแทคติกในสนามและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน / ทีมกำลังได้เปรียบอยู่ และน่าที่จะลงมากดซ้ำเป็น 0-2 เพื่อตอกฝาโลง กลับกลายเป็นต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ จากเพลย์ช็อตลูกนี้ลูกเดียวที่สะท้อนถึงความย่ำแย่ของเขาในหลายๆด้านจนทำให้ทีมเสียประตู

มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความผิดพลาดที่ทำให้เสียประตูของช็อตนี้ แต่มันมีเรื่องอื่น "มากกว่า" นั้น หลังจากได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของเขาจบลงแล้ว

เป็นปัญหาภาคการเล่น 2 ข้อแรก และอีก 2 ข้อหลัง คือเรื่องทัศนคติเน้นๆ

1. ปัญหาการผิดพลาดเรื่อง Marking & Ground Duel

เรื่องแรก เขาพลาดในการตามประกบ Weghorst ออกนอกพื้นที่ หลุดตำแหน่งแล้วก็พลาดโดนเอาชนะไปได้ ทำให้เพื่อนที่ตรงนั้นโบ๋ จุดเริ่มต้นสำคัญจากแมกไกวร์ที่จริงๆแล้ว ไม่ต้องตามไปขนาดนั้นก็ได้

แมกไกวร์เป็นนักเตะที่วิ่งช้าสุดๆ เคลื่อนไหวช้า ทำให้ความเร็วในการ"กลับตำแหน่ง" ไม่พอจะตามคู่ต่อสู้ได้ทัน

แต่ทั้งๆที่เป็นกองหลังสปีดเต่าขนาดนั้นซึ่งมักจะเสียเปรียบคู่แข่งที่มีความเร็วกว่า ข้อนี้เขาควรจะรู้ตัว และไม่ควรหลุดตำแหน่งเกินความจำเป็นเพราะแนวรับก็จะรวนทั้งแนวเนื่องจากการออกจากpositionที่ทำให้เพื่อนต้องตามมาคัฟเวอร์ให้

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เราก็ยังเห็นคุณพี่เค้าพยายาม "ตามคู่แข่งออกนอกพื้นที่" อยู่ประจำทุกเกมที่ลงสนาม แล้วก็มักสกัดพลาด คู่แข่ง 1 on 1 ชนะเค้าไปได้

ทำgifมาให้ดูกันจะๆ

สิ่งที่จะเกิดตามมาก็คือ "เอ็งหลุดตำแหน่ง" แล้วเพื่อนก็ต้องตามมาคัฟเวอร์ตำแหน่งแทนมันอยู่เสมอ และหลายๆครั้งคือมิดฟิลด์ของทีม ที่ต้องลงมาแทน จนทำให้แถวสองโบ๋ไปอีก หรือบางทีก็เป็นแบ็คที่ต้องมาแทนตำแหน่ง

พูดง่ายๆ เล่นแบบให้เพื่อนคอยตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวความผิดพลาดอยู่ตลอดเวลาจนแนวรับเสียกระบวน

นี่ประการแรกที่เป็นจุดอ่อนขาประจำ และจุดที่พลาดช็อตนี้

ผลต่อเนื่องคือ วารานต้องปล่อยตัวประกบอย่างเจย์ โรดริเกซ แล้วสปีดขึ้นไปคุมพื้นที่แทนแมกไกวร์ที่หลุดตำแหน่งเพื่อหยุดเว็กฮอร์ส

(เพราะมันกำลังจะเลี้ยงหลุดเดี่ยวไปล่อเป้าใส่เดเคอาเหมือนกัน ยังไงวารานก็ต้องละตัวประกบที่ไม่มีบอล แล้วไปขวางตัวมีบอลก่อน อันนั้นราฟาเอลตัดสินใจถูกนะ ไม่ได้ผิดอะไร เพราะไปคุมตัวประกบ และยืนบล็อคพื้นที่อันตรายดีได้ดีแล้ว)

แต่.. เจอเว็กฮอร์สเหนือชั้นกว่าอีกขั้น จ่ายทะลุไลน์ให้ เจย์ โรดริเกซ หลุด defensive line ของเราไปทั้ง"ยวง"

ช็อตนี้ต้องยอมพี่ม้าโย่งจริงๆ

ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงระยะห่างที่แมกไกวร์ถอยไปmarkingอีกตัวได้ช้า จนทิ้งห่างและตามไม่ทัน

2. ปัญหาการขาดสปีดต้นและความเร็ว (Acceleration & Pace)

จากการที่เข้าสกัดแล้วพลาด วารานสลับตัวประกบ ทำให้แมกไกวร์ต้องวิ่งตามไปประกบตัวรับบอล ซึ่งก็เป็นจุดอ่อนจากตัวเขาอย่างที่สองในความที่ "ช้ามาก" สปีดต้นไม่มีเลย ความเร็วปลายไม่ต้องพูดถึง

(ลุค ชอว์ พุ่งมาทีหลัง จากจุดที่ไกลกว่าสองเท่า ยังสปีดเข้าถึงบอลเพื่อพยายามจะสไลด์ไปบล็อคได้ดีกว่าพี่แกอีก)

ช็อตนี้หลังจากที่โดนเว็กฮอร์สจ่ายหลุดไลน์ไป ความช้าของแมกไกวร์ทำให้การจะเข้าไปบล็อค เจย์ โร้ดฯ ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะวิ่งช้ามาก กลับเข้าตำแหน่งไม่ทัน สลับตามมาร์คตัวประกบอีกคนนึง

อุ้ยอ้ายยังกะโดนผลเอื่อยเฉื่อยของฟ็อกซี่ยิงเข้าใส่ และก็วิ่งไปบังทางไม่ทันในจังหวะเล่นของเจย์ช็อตนั้น (ไม่เกี่ยวกับเว็กฮอร์สแล้ว)

ช็อตป้องกันในวินาทีนี้ ถามว่าจังหวะนี้ถ้าเป็นเอริค ไบญี่ หรือ ลินเดอเลิฟ วารานเองที่สลับตัวมาประกบไอ้เจ จะเป็นยังไง? ตอบได้เลยว่า ยังมีโอกาสตามทันอยู่ เพราะสามตัวดังกล่าวสปีดต้นดีกว่าแมกไกวร์เยอะ

ช่องโหว่อย่างที่สองคือ ตัวเขาไม่มีสปีดมากพอจะรักษาพื้นที่เกมรับให้ทีมได้ทัน ทำให้เจย์หลุด marking เข้าไปเดี่ยวๆกับเดเคอาอย่างที่เห็น

3. เรื่องของการตัดสินใจเข้าหรือไม่เข้าแทคเกิล (Decisions)

ประเด็นนี้ต้องแยกเป็นสองเฟสในวินาทีนั้น

3.1 เฟสแรกคือ การเข้าถึงตัวเจย์ โร้ดฯ ในจังหวะแรก เนื่องจากแมกไกวร์ช้ากว่า และเหลี่ยมเสียเปรียบแล้ว เฟสแรกของการเข้าแทคเกิลถือว่า Fail ชัดเจน เจอเจย์ดึงเหลี่ยมเพื่อยิง + บังแมกไกวร์ด้วย แทคเกิลจังหวะแรกจึงไม่เกิดขึ้น ในช็อตที่วิ่งไปจะถึงตัวแล้ว แต่เจอเจย์ เบี่ยงตัวบังเหลี่ยม

พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงในเฟสแรก เข้าสกัดเร็วไม่ได้ อันเป็นผลต่อเนื่องของความช้าในข้อ 2. ส่งผลต่อการเข้าแทคเกิลจังหวะแรก

แต่..

3.2 ในการเข้าแทคเกิลเฟส2 หลังจากที่ตัดสินใจกระโดดหลบเพื่อไม่ให้ไปฟาล์วตัวสุดท้าย และ "อาจจะโดนใบแดง" ได้ ช็อตนี้ที่เลือกกระโดดหลบ ผมคิดว่าแมกไกวร์ "ทำถูกแล้ว" ในแง่ที่ว่าไม่เข้าสกัดบอลซี้ซั้ว

เพราะถ้าเข้าไปแล้วพลาด จะเข้ากับกฎกองหลังตัวสุดท้ายไปขัดขวางการเล่นของคู่ต่อสู้ ซึ่งก็จะเจอใบแดงด้วย แถมโดนจุดโทษด้วย หากเกิดเรื่องนั้นขึ้น ทีมจะเสียหายหนักถึงขั้นแพ้ได้

โดดหลบช็อตนี้ยังพอโอเค ดีกว่าเสี่ยงลองจิ้มแล้วพลาดเสียทั้งแดงทั้งจุดโทษ

ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจถูกแค่ส่วนหนึ่งของสิ่งที่พลาดในช็อตนี้ หากไม่งั้นถ้าเขาเลือกเสี่ยงตัดบอลจริงๆ ทีมเหลือ 10 คนจะแย่กว่านี้อีก เพียงแต่ว่า จะชมก็ไม่ได้อีก เพราะการที่เข้าไปตัดบอลไม่ได้ก็เพราะความช้าและความผิดพลาดของตัวเองล้วนๆ

4. "คำสารภาพที่ไม่ยอมสารภาพ" (confession, where?)

หัวข้อนี้ขอนำเสนอให้วง Getsunova เอาไปทำเป็นเพลงใหม่ได้เลย

มีคำสัมภาษณ์ของแมกไกวร์โดยตรงที่นักข่าวจี้ถามเรื่องนี้ว่า มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในแนวรับทำให้โดนตีเสมอ และเกมกลับมากดดันอีกครั้ง กับจังหวะที่เจย์ โรดริเกซวิ่งทะลุไลน์ของคุณขึ้นไป

เรื่องคำตอบของเขาที่พูดถึงจังหวะเสียประตูนี้ ผมหาประโยคใน articles ของข่าวต่างๆไม่เจอ ก็เลยต้องไปกดฟังสัมภาษณ์กับทาง BT Sport นั่งฟังพี่แกพูดเองจากปากแบบ เต็มๆ

ไม่ควรตัดทอนไปเพื่อสร้างดราม่าขายข่าวให้แมกไกวร์ดูแย่กว่าที่ควรจะเป็น

อย่างที่บอกต้นบทความว่า ตำหนิได้ แต่ควรตำหนิกันตามเนื้อผ้าและไม่ล้ำเส้นของ "การวิจารณ์" ไปเป็นการบูลลี่หรือเหยียดเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่เล่นพลาดของเขา

ประโยคเต็มๆที่ถอดมาโดยตรงจากคลิป มีดังนี้

"It was a disapponting goal and I'll be off to concede I mean straight after half time we come out and we started really sloppy we gave the ball away 2-3 times in the first couple of minutes and we invited a little bit of pressure, and obviously.. yeah It was a last man challenge, so I didn't want to make a tackle. Obviously David is so close to saving it but it's a good finish but we hadn't."

"มันเป็นประตูที่น่าผิดหวัง และผมก็หลุดตำแหน่งออกมาจนทำให้เสียประตู ผมหมายถึงการที่ต้องเสียประตูเร็วทันทีหลังจากที่ลงมาเพิ่งเริ่มต้นครึ่งหลัง เราลงมาเริ่มเล่นครึ่งหลังกันอย่างสะเพร่ามาก จ่ายบอลพลาดกันไปตั้ง 2-3 ครั้งในช่วงไม่กี่นาทีแรก แล้วมันก็เป็นจังหวะที่ยืนเป็นตัวสุดท้าย ผมเลยไม่อยากเข้าแทคเกิล แล้วดาวิดก็บีบมุมมาใกล้จนเกือบจะเซฟได้ แต่ว่าเขาจบสกอร์ดีมาก และเราเซฟไม่ได้"

เดเคอากับลุค ชอว์ พยายามเซฟ พี่เค้าก็พยายามเซฟด้วยการ "หยุดเวลาด้วยสายตา" แบบที่พี่อิลบอก

สิ่งที่ให้สังเกตในประโยคนี้ มันคือการอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งจริงๆก็ควรจะสารภาพผิดตามตรงว่าตัวเองเล่นพลาด

แมกไกวร์มีคำสารภาพออกมา แต่เป็น "คำสารภาพที่(เหมือนจะ)ไม่ยอมสารภาพ"

แฮรี่พูดเรื่องที่ตัวเองหลุดตำแหน่งออกมาที่ทำให้เสียประตู แต่ประโยคหลักก็ไปโฟกัสการพูดถึงเรื่องที่ทีมเสียประตูเร็ว และเบี่ยงประเด็นพูดถึงความผิดพลาดโดยรวมที่เริ่มต้นครึ่งหลังได้ไม่นิ่ง จ่ายบอลพลาด ฯลฯ

และพยายามอธิบายว่ามันเหลือเค้าเป็นตัวสุดท้าย เลยไม่เข้าแทคเกิล บวกกับเดเคอาออกมาปิดมุมใกล้และเกือบจะเซฟได้แล้ว

ลุค ชอว์ สปีดเข้าถึงบอลสุดยอดมาก เสียดายว่าเกินกำลังของเขาเช่นกัน

มันคือการเลี่ยงพูดถึงช็อตที่ตัวเองพลาด และข้ามมาถึงจังหวะสุดท้ายเลย ที่พยายามจะ declare ตัวเองว่า "เขาเป็นตัวสุดท้าย" เลยไม่เข้าแทคเกิล และป้องกันไม่ได้

จริงอยู่ จังหวะที่เป็นตัวสุดท้ายนี้ไม่เข้า ถือว่าตัดสินใจถูก แต่ช็อตก่อนหน้านั้นที่ตัวเองพลาดกับเว็กฮอร์สไม่พูดถึงเลย ยังไม่รวมถึงความช้าของตัวเองที่ทำให้เกิดบ่อช่องว่างที่ทิ้งห่างกันระหว่างเขากับเจย์ จนกลายเป็นระยะเพื่อนสัมพันธ์ (ห่างแสนไกล) อีกตะหาก

พูดง่ายๆช็อตที่แกพรวด เข้าพลาด หลุดตำแหน่ง เกือบๆจะไม่พูดเลย และเลี่ยงมาพูดถึง "จังหวะสุดท้าย" ที่เขาบอกว่า เขาไม่เข้า เพราะเป็น last man challenge + Daveเข้ามาบีบมุมเกือบเซฟได้แล้ว

เลี่ยงไม่พูดถึงความผิดพลาดตัวเอง ไม่คิดจะให้สัมภาษณ์ออกมาปกป้องลูกทีม หรือเพื่อนแนวรับคนอื่นๆ ด้วยการยอมรับว่าตัวเองผิดแบบเน้นๆให้มันเต็มปากเต็มคำแบบลูกผู้ชายว่า เออ กูผิดเอง กูทำให้ทีมลำบากในช็อตนี้เอง ไม่มีมาออกตัวให้ทีมแบบจริงๆจังๆเลย

ทั้งในฐานะคนคุมไลน์สุดท้ายแผงแนวรับ

ทั้งในฐานะ "กัปตันทีม" ที่นับวันยิ่งสมควรยึดปลอกแขนคืนเข้าไปทุกทีๆ

ไม่ปกป้องแนวรับคนอื่น แต่พยายามเลือกที่จะ mention ถึงเรื่องที่ทีม(เรา) เล่นพลาด จ่ายพลาดกันช่วงต้นครึ่งหลัง และก็พูดถึงเรื่องที่ ดาวิด เดเคอา ก็ออกมาปิดมุมแล้ว เกือบจะเซฟได้ แต่เขายิงดี ..

ทุกอย่างที่พูดออกมา เพื่อเลี่ยงเรื่องที่ตัวเอง "รู้อยู่แก่ใจ" อยู่แล้วว่าเข้าพลาด หลุดตำแหน่ง

ส่วนเดเคอา ช็อตนี้ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น หลุดไปเดี่ยวขนาดนั้น ไอ้เดมันตัดสินใจ "ณ ขณะนั้น" ได้เท่านั้นแหละ ย้อนกลับไปดูจังหวะเสียประตู ถามว่าผมมีมุมมองยังไงกับเดเคอาในลูกนี้?

ผมคิดว่าให้น้ำหนักที่น้องเดรับผิดชอบสัก 15%

เอาจริงๆแล้วในช็อตที่แมกไกวร์กระโดดข้ามแล้ว และตัวถือบอลเลี้ยงเข้ามาจี้โกลมากๆ ถ้าเดเคอาเป็นโกลที่มีความเป็น Sweeper Keeper เป็นโกลที่สมบูรณ์ทุกมิติจริงๆ เขาจะโถมออกมาปิดมุมให้มัน "ตัวใหญ่กว่านี้" แบบที่ชไมเคิลหรือ คิงคาห์น ทำบ่อยๆ (เห็นภาพใช่ไหมครับ)

เพราะงั้น เดก็มีส่วนรับผิดชอบที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้ อันนี้ก็จริง

แต่เอาจริงๆคือ คนเล่นบอล ในโมเม้นต์จริงๆเรียลไทม์ตอนนั้นมันทำอะไรไม่ได้ดีกว่านั้นแล้ว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เดจะทำได้ ซึ่งที่เห็นก็พยายามออกมาปิดมุมเท่าที่ได้แล้ว ถือว่าเดเคอาไม่ได้ทำพลาด แค่ช่วยเซฟไม่ได้ และมันเกินกำลังจะเซฟจริงๆ

ก็เพื่อนขุดบ่อล่อเป้าเบ้งๆขนาดนั้น

ตัวที่พลาดตั้งต้น และมีจุดอ่อนของความช้าที่ทำให้ทีมป้องกันไม่ได้ คือแมกไกวร์นี่แหละที่ต้องรับผิดชอบประมาณ 80% ของลูกนี้ คนอื่นแทบไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย

5. "Underdog Attitude"

คำให้สัมภาษณ์อื่นๆของเขา เท่าที่สำคัญๆมีดังต่อไปนี้ อ่านแล้วรับรองเลยว่า จะเห็นทัศนคติของเขาค่อนข้างชัดจากประโยคจริงที่ออกมาจากปากในPost-match Interviewของเขา กับ BT Sport ดังนี้


"You have seen the first half and then first ten minutes in the second half we did not start well enough. We have to win the game and be more clinical. Everyone knows in football the second goal is the crucial one."

คุณเห็นเกมในครึ่งแรกแล้ว และครึ่งหลังเราเริ่มต้นได้ไม่ดีพอ เราต้องชนะในเกมนี้ และต้องเฉียบคมมากกว่านี้ ทุกๆคนก็รู้ดีว่า สำหรับการแข่งฟุตบอลแล้ว การได้ประตูที่สองมันสำคัญมากโคตรๆ

อืม.. ใช่ครับกัปตัน แต่การไม่เสียประตูให้คู่แข่งตีเสมอได้ง่ายๆ สำคัญกว่าเฟ้ย!

ราล์ฟก็บอกอยู่ว่าทีมควรต้องบาลานซ์เกมรุกเกมรับ และไม่ควรต้องพยายามเหนื่อยยิงเยอะๆ เพราะให้ทีมชนะได้ จากการที่แนวรับหลวมเสียประตูแบบนี้

"We wanted to dominate the game but for sure when you come to Burnley away you are not going to dominate for 90 minutes. We had to see it out better."

อ่านถึงประโยคนี้ ผมหยุดกึกเลยทันที

เน้นดูท่อนที่ว่า "but for sure when you come to Burnley away you are not going to dominate for 90 minutes"

<< การพูดประโยคนี้ ส่วนตัวผู้เขียนสัมผัสว่ามันเป็นทัศนคติแบบนักเตะ Underdog มาก

คือทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า มันไม่มีทีมฟุตบอลทีมไหนหรอกที่จะครองบอลอยู่ข้างเดียว คุมเกมได้ 100% ขนาดนั้น

แต่ทำไมทีมดีๆทีมอื่นเขาถึงทำได้ เขาถึงเก็บชัยชนะได้?

ยิ่งกับเบิร์นลีย์ที่ไม่ชนะในลีกมาไม่รู้กี่นัดแล้ว ทำไมทีมอื่นเขาถึงเก็บแต้มจากเบิร์นลีย์ได้ / ลีดส์ นิวคาสเซิล ก็ชนะพวกเขาได้ และแมนยูเองนี่แหละก็ชนะเบิร์นลีย์ได้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา 3-1 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

มันไม่เกี่ยวเลยว่าเป็นเกมเยือน (เยือนเบิร์นลีย์เนี่ยนะ!?) บางทีเกมเยือนอาจจะดีกว่าสำหรับสภาพจิตใจนักเตะแมนยูก็ได้ที่ไม่ต้องเจอแรงกดดันจากแฟนบอลตัวเองมากนัก ระยะหลังถึงทำผลงานได้ดีในการออกนอกบ้านบ่อยๆช่วง2ปีที่ผ่านมา

แต่คือ "เบิร์นลีย์" นะเฮ้ย เบิร์นลีย์ ทีมอันดับบ๊วย ณ ขณะนี้นะ

ประโยคที่ว่า "แน่นอนว่าคุณไม่มีทางมาเยือนเบิร์นลีย์แล้วครองเกมใส่พวกเขาได้ตลอด 90 นาทีหรอก" มันคือคำพูดที่เป็นข้ออ้างล้วนๆ

จะเยือนไม่เยือน กับทีมไหนก็แล้วแต่ ไม่เกี่ยวทั้งนั้น

ประโยคแบบนี้ไม่ควรเอามาพูดเลยในยามที่คุณเก็บสามแต้มไม่ได้ ยกมาพูดยิ่งดู "พ่ายแพ้" หนักเข้าไปอีก

ข้อนี้ผมถือว่ามันเป็นมุมมองที่หงอมากๆ เพราะมันแปลว่า แค่ทีมระดับนี้คุณยังกลัวเลย แล้วจะเอาอะไรมาประสบความสำเร็จ?

ต่อให้เป็นการเจอซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล ประโยคที่ว่า "จะให้คุมเกมได้ตลอดเวลาคงเป็นไปได้ยาก" มันไม่สมควรจะออกมาจากปากคนเป็นกัปตันแบบนี้

ที่เก็บสามคะแนนไม่ได้ พอยท์มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลย มันมาจากความผิดพลาดส่วนตัวของนายเองด้วย และเกมรุกของทีมเราที่ไม่สามารถเจาะแนวรับคู่แข่งต่างหาก

ไม่เกี่ยวกับเยือนหรือไม่เยือน

ประโยคอื่น หลักๆก็คือยังจะเมนชั่นถึงเรื่องอื่นอยู่ โดยเฉพาะการพูดถึงฝ่ายนักเตะเกมรุกที่สร้างโอกาสในกรอบได้น้อย ครอสเข้าไปในกรอบได้น้อย ในยามที่ขอแค่บอลตกเป็นใจเท่านั้น

"We had long enough in the game to come back from that and to fine and try that winner but we created a few chances a lot of ball across the box and a lot of crosses in which you need just somethin' to fall for you."

"We come here we expect to win the football match, we demand on ourselves to win the football match so it's disappointment in that."


รวมๆก็คือยังจะเมนชั่นถึงเรื่องอื่นอยู่ เรามีเวลาเยอะที่จะคัมแบ็คและยิงเพื่อเอาชนะได้ และก็พูดถึงฝ่ายนักเตะเกมรุกที่สร้างโอกาสในกรอบได้น้อย ครอสเข้าไปในกรอบได้น้อย ในยามที่ขอแค่บอลตกเป็นใจเท่านั้น

(ประโยคนี้โบ้ยลูกดาโลต์แหงๆ เรื่องลูกครอส)

เอาเป็นว่าไปฟังกันเอาเองได้ในลิงค์ของ BT Sport

ประเด็นคือ เราแค่จะมาชี้ให้เห็นว่า เขามีส่วนทำพลาดจนก่อให้เกิดการเสียประตู ส่งผลกระทบต่อโมเมนตัมในสนาม และแทคติกของคู่แข่งที่ทำให้ทีมเราเล่นยากขึ้น

กระทบยาวไปจนถึงเกมรุกเต็มๆ ที่จากครึ่งแรกบุกเยอะๆ ครึ่งหลังพอโดนตีเสมอ การเน้นเกมรับต่ำจึงเกิดขึ้น จังหวะ Counter-attack สวยๆเหมือนครึ่งแรกจึงแทบไม่มีให้ได้เห็น กลายเป็นพล็อตเดิมๆที่แมนยูครองบอลได้ แต่ไม่มีปัญญาจะเจาะคู่แข่งได้

ไม่เดจาวูตรงไหนให้เอาปากกามาวง

ใครๆก็รู้ว่า ช่วง 5 นาทีอันตราย เวลาเริ่มต้นครึ่ง จบครึ่ง ไม่ควรปล่อยให้เกิดประตูเด็ดขาด เพราะมักจะเป็นจุดเปลี่ยนของรูปเกมครึ่งนั้นเสมอๆ และเขาก็เป็นคนก่อความผิดพลาดแบบจั๋งๆจนส่งผลต่อเนื่องให้ทีมเสียประตู

เพราะพอโดน 1-1 ปุ๊บ แทคติกที่เตรียมไว้ทุกอย่างพัง คู่แข่งได้สกอร์ที่ต้องการ ก็ตีหัวเข้าบ้านเล่นคาเตนัคโช่ จอดรถบัสตั้งlow blockรอสวนกลับด้วยปีกได้เลยสบายๆ แถมมีเว็กฮอร์สอีกคนที่ครึ่งหลังฟอร์มดีมาก และหวดลูกไฟอีกลูกนึงจนดาวิดต้องออกแรงเซฟ ไม่งั้นก็มุมโคนเสาเข้าไปเป็น 2-1

He's unreal

แฮรี่ แมกไกวร์ เป็นชนวนเริ่มต้นของความผิดพลาดส่วนตัว ที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย จนเป็นเหตุให้ทีมไม่ได้เปรียบอีกต่อไป(ด้วยสกอร์นำ) > กระเทือนไปถึงแทคติกคู่แข่ง และภาระตกอยู่กับทีมรุกที่ต้องตามล้างตามเช็ดให้อีก

แล้วสุดท้ายเมื่อเจาะไม่ได้ ก็โดนหางเลขกันทุกฝ่าย ที่ตัวรุกเราไม่สามารถเจาะทีมบ๊วยได้ ในขณะที่ ราล์ฟ รังนิค ก็ต้องแสดงการแก้เกม ซึ่งก็แก้เกมแล้วแต่ยังไม่ดีพอจะเจาะเบิร์นลีย์ได้ ด้วยการแก้ปัญหาที่ผิดจุดหลายอย่าง เช่น

-การสลับซานโช่แรชฟอร์ด ที่เริ่มน่าสงสัยจริงๆแล้วว่า มันดีจริงๆหรือ ถึงแม้เราจะรู้อยู่แก่ใจ เพราะทำข้อมูลวิเคราะห์ละเอียด และพร่ำบอกตลอดเวลาว่า ซานโช่อยู่ดอร์ทปีหลังสุดมันก็เล่นซ้ายเยอะมาก และเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาด้วยที่ทำได้ทั้งยิงทั้งจ่าย ซึ่งจะสร้างอันตรายได้มากกว่า

ช่วงนี้ซานโช่คงอยากร้องเพลงพี่เบิร์ด & UrboyTJ รัวๆ "ฉันมาทำอะไรที่นี่" + "แบกไม่ไหว"

แต่มันดีจริงๆเหรอ ลองเอาแรชกลับฝั่งถนัดเพื่อสร้างอันตรายได้มากกว่านี้ ในฐานะตัวเล่นฝั่งซ้าย ที่เล่นในลักษณะของ Left Forward กึ่งๆ Left Striker ดีกว่าไหม (LF,LS) ดีกว่าให้เล่น RW กึ่งปีกแบบนี้ที่มุมยิงก็ไม่มี ฝืนๆยิงไปอย่างที่เห็น สุดท้ายก็โดนบล็อค รวมถึงไม่ส่งเพื่อนที่ว่างอยู่ (ช็อตที่ดาโลต์ยืนรอบอลว่างๆ)เป็นต้น

ดาโลต์ยืนตำแหน่งดีๆ เห็นแบบนี้ก็ได้แต่เกาไข่รอ

-การส่งลินการ์ดลงมา ที่จริงๆควรใช้ตัวเจาะ low block อย่างนักเตะที่คลาสชั้นเชิงสูงอย่างมาต้ามากกว่า ยามที่คู่แข่งถอยไปจนติดผนังข้างฝาแล้ว แต่ก็ส่งตัวที่มีสปีดเป็นจุดเด่นอย่าง Jesse Lingard ลงมา ซึ่งสุดท้ายก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีสเปซพื้นที่ให้ใช้สปีดได้เลย

เสี่ยงถอดแม็คออกก็แล้ว

-แม้จะปรับแผนเล่นเป็น 4-1-4-1 Overloads ในช่วงท้ายเกมแล้วที่ถอดกลางออกตัวนึง แล้วยัดตัวรุกลงมาเป็น 4 คน ด้านหลังคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ก็ยังไม่ดุดันและเฉียบคมมากพอที่จะเจาะเขาได้ เพราะการที่เหลือตัวค้ำในกรอบเขตโทษเก่งๆแค่โด้คนเดียว นอกนั้นเป็นตัวรุกสายสปีดล้วนๆที่ส่งลงมา (ทั้งเอแลงก้า ลินการ์ด) จะเอาสปีดไปทำอะไร

ลูกโหม่งพรี่โด้น่าได้มาก เสียดาย

และบรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่ยังเรียกฟอร์มไม่ได้ สร้างเกมรุกช่วงสำคัญๆให้ทีมไม่สำเร็จ พร้อมด้วยช็อตโวยเพื่อนอีกระนาว ซึ่งบางทีก็รู้สึกว่ามันเยอะมากเกินไปหน่อย แม้เราจะไม่อยาก "คิดแทน" และมโนไปเองก็ตามว่า เพื่อนร่วมทีมจะรู้สึกยังไง

บรูโน่ควรโวยให้น้อยลงกว่านี้นิดนึงน่าจะดีมาก ซึ่งเราเข้าใจเรื่อง passion และ winning mentality เป็นอย่างดี แต่บางทีมันดู "เยอะ" ไปจริงๆ

กระเทือนกันทั้งทีม จุดอ่อนก็เลยไปโผล่ที่ตัวรุก + ผู้จัดการทีมไปด้วย ทั้งๆที่ไม่น่าเสียประตู แม้เราจะบอกว่าต้องรับผิดชอบร่วม ต้องโทษคนแก้เกมที่ไม่ดีพอ (หรือจัดทีมไม่ตรงใจแฟนบอล เช่นเรื่องการยืนตำแหน่งของปีกสองฝั่งที่เหมือนสลับกันในความคิดของแฟนหลายๆท่าน)

แต่เชื่อเถอะ ต่อให้เพื่อนทั้งหลายเหล่านี้พยายามกันแทบตายยังไง ทำเกมรุกกันอย่างดีเท่าไหร่ หากแผงหลัง โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญอย่าง "เซ็นเตอร์แบ็ค" ที่ไม่ควรก่อความผิดพลาดเลย เพราะคุณเป็นตัวสุดท้าย ถ้าพลาดคือ "หายนะ" ของทีมอย่างแท้จริง

ในขณะที่CBอีกคนเล่นดีแทบตาย แต่ก็ยังเจอพิษการตัดสินห่วยๆอีก

แฮรี่ แมกไกวร์ เล่นในตำแหน่งสำคัญที่ว่านั่น และทำพลาดแบบนี้จนทีม "เสียหายมหาศาล" ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

โอกาสมีไว้เพื่อคนที่พยายามและแก้ไขตัวเองเท่านั้น เหมือนอย่างเช่นเคสของดิโอโก้ ดาโลต์เป็นต้น

แต่โอกาส ไม่ควรมอบให้กับคนที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่งั้นทุกอย่างจะพังหมด

เรื่องของ "โอกาส" ดังกล่าว มีคำพูดของ "ริโอ เฟอร์ดินานด์" ที่ให้คำพูดถึงแมกไกวร์เอาไว้อย่างน่าสนใจ และเนื้อหาการพูดเป็นไปในเชิงแง่บวกอย่างมาก (ซึ่งก็ดีกับคนอ่านบทความนี้ด้วย เพื่อให้มองเห็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญที่ไม่ใช่การตำหนิแค่แง่เดียวล้วนๆ)

เฟอร์ดี้พูดไว้ประมาณว่า

"ประตูนั้นเขาต้องรับผิดชอบส่วนของตัวเองเต็มๆ ผมมั่นใจว่าหลังฉากเขาคงแสดงความรับผิดชอบ แต่ไม่จำเป็นต้องออกมาตีโพยตีพายอะไรให้ใครเห็น พวกเขาแค่ต้องหาทางแก้ปัญหาให้ได้เท่านั้น"

"จังหวะที่เขาตััดสินใจทำฟาล์วกลางสนามลูกนั้นโชคดีมากที่ไม่โดนไล่ออก ผมรู้สึกว่ากองหน้ามีโอกาสหลุดไปยิงสูงมากๆ"

"มันเป็นเรื่องของ performance ในสนาม ผมมั่นใจว่าเขาคงอยากลบล้างความผิดพลาดนี้และให้ถึงเกมถัดไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าซีซั่นนี้คุณคงเห็นเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกแล้ว เหมือนเขาจะยังมึนจากบอลยูโรอยู่ ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ อันนี้ผมก็ไม่มั่นใจนะ แต่การเล่นของเขามันไม่สม่ำเสมอเลยจากนักเตะระดับนี้"

"เราอาจจะบอกว่ามันเป็นความผิดของแฮรี่ แมกไกวร์ก็ได้ แต่ทั้งทีมก็ต้องรับผิดชอบด้วยกัน พวกเขาทำผลงานได้ไม่คงเส้นคงวามากพอตลอดทั้งเกม"

We lose as a "team"

เฟอร์ดินานด์ที่ว่าอินและรักแมนยูไนเต็ดมากๆ ก็วิจารณ์แฮรี่ แมกไกวร์ในฐานะกูรูexpertอดีตผู้เล่นระดับตำนานของทีมเรา และในฐานะคนเป็น "กองหลังด้วยกัน" สิ่งที่ริโอพูดนั้นก็มีทั้งที่เราเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอยู่

ตามปกติของการแสดงความคิดเห็นกันในโลกฟุตบอล

แต่ที่แน่ๆ เรารู้สึกว่า เกมถัดไปที่ริโอพูดไว้ว่า เจ้าตัว(แมกไกวร์)คงอยากแก้ตัวในนัดหน้าให้ได้ไวที่สุดนั้น เขาไม่ควรได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงแล้ว ในยามที่ฟอร์มการเล่นพร้อมสร้างความวายป่วงให้เกมรับของทีมได้ตลอดเวลา

ไม่รู้ว่าจะมานัดไหน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เรารู้สึกว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย ทั้งๆที่ตำแหน่ง CB ควรเป็นผู้เล่นที่พลาดน้อยที่สุดในบรรดานักเตะ outfield ด้วยซ้ำ!

ผู้เขียนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับริโอทุกประเด็น เช่นเรื่องที่แมกไกวร์คงอยากให้ถึงเกมต่อไปไวๆ แต่เราคิดว่า ไม่ควรเห็นแมกไกวร์ในสนามแล้วน่าจะดีกับผลการแข่งขันของทีมมากกว่า แมกไกวร์ถ้าเรียกฟอร์มไม่ได้ ก็ควรเป็นสำรองเพื่อนบ้าง

ปลอกแขนกัปตัน ไม่ควรการันตีตำแหน่ง

และปลอกแขนกัปตัน ควรมอบให้คนที่ฟอร์มคงเส้นคงวาเท่านั้น ไม่ใช่คนที่สร้างรูโหว่ให้ทีมบ่อยๆเช่นนี้ ไม่งั้นลูกทีมจะเอาหลักที่ไหนให้ยึดเป็นที่พึ่งทางใจ

ถ้ากัปตันของทีมยังคง "ขยันแจก" จนฝั่งตรงข้ามเกิดขนาดนี้


เห็นด้วยกับริโอเรื่องรับผิดชอบทั้งทีม เพราะเกมรุกก็ตื้อจริงๆ รังนิคเองวันนี้แก้เกมได้ไม่คมพอ ส่งโด้ลงมาแค่แทนตำแหน่งกับคาวานี่ แต่ตัวปั้นเกมยังเหมือนเดิม เท่ากับทิ้งเวลาไปอีกสิบกว่านาที โดยที่แทคติกยังไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย

ราล์ฟ รังนิค กินเต็มในข้อนี้

แต่กับเรื่อง แฮรี่ แมกไกวร์ จริงๆผมว่าริโอแค่ถนอมน้ำใจรุ่นน้อง และไม่ตำหนิตรงๆเน้นๆแบบดุเดือดแค่นั้น อาจจะเป็นเพราะความเห็นใจในฐานะกองหลังด้วยกันที่เก็ทสถานการณ์ของเขาในสนาม

แต่..

ถึงเวลาที่ต้องลงไปนั่งสำรองยาวๆแล้วล่ะ

โปรโมชั่นวันนี้ นั่งบนม้านั่งสำรอง แถมฟรี หวีหนึ่งอัน เสยหวีให้สะใจ

ถ้าลินเดอเลิฟกลับมาฟิตสมบูรณ์เมื่อไหร่ ยังไงก็สำรองแน่นอน ขนาดแฟนบอลธรรมดาๆอย่างผู้เขียน และแฟนผีทั้งโลกเห็น ทำไมรังนิคจะมองไม่เห็นว่า การส่งกองหลังรายนี้ลงสนามก็เหมือนกอดระเบิดไว้กับอกเพียงใด เพราะพร้อมที่จะพลาดระเบิดตัวเองอยู่ทุกเมื่อ

ที่คิดว่ามีป็อกบาอยู่ในทีม เหมือนกอดระเบิดไว้กับตัว เรื่องนั้นเหมือนจะไม่สำคัญแล้ว เพราะการส่งแมกไกวร์ลงสนามนี่แหละ ระเบิดพลีชีพตัวเองของแท้

เล่นแบบนี้สำรองเถอะ ถ้าไบญี่ฟิต ถ้าลินเดอเลิฟฟิต ก็rotationกันเองแค่สามคนกับวารานไปเลย

รอสองคนนี้คัมแบ็คมาจับคู่กันสักที ต้องเอาใจช่วยลินเดอเลิฟที่กำลังเจอมรสุมอย่างหนักด้วยช่วงนี้ น่าเห็นใจมาก ทั้งร่างกายทั้งครอบครัว

เอาจริงๆ อยากได้ ฟิล โจนส์ มาลงสนามก่อนด้วยซ้ำ เพราะฟอร์มแบบนี้ ดรอปไปเป็นกองหลังลำดับ4-5ของทีมยังได้

เหมือนจะหลุดลุ่ยเกินเยียวยา ทาอะไรก็ไม่หาย สุดท้ายทีมต้องเสียเงินหาCBคนใหม่มาอีก ซึ่งดูแล้วยากส์ เพราะเงินก็ต้องเอาไปทุ่มซื้อกลางรับอีก เซ็นเตอร์แบ็คเก่งๆก็ไม่รู้จะไปหามาจากไหน

หาทางเลหลังถูกๆ แล้วเอาเงินไปเซ็นจ้างรูดิเกอร์มาซะทีดีไหม -*-

-ศาลาผี-

ติดท็อปโฟร์ก่อนนะจ๊ะค่อยมาคุยกัน รูดิคงอยากถามทีมเราแบบนี้ละมั้ง

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด