:::     :::

ดราม่าทอฟฟี่-เรือ...ใครพลาด?

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 คอลัมน์ โรงเตี๊ยมลูกหนัง โดย ทอมมี่ ท่ามะกา
1,208
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยับหนี ลิเวอร์พูล เป็น 6 คะแนนหลังบุกชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 ในเกมที่มีประเด็นร้อนแรงให้ถกเถียงกันข้ามวัน

ประเด็นร้อนระอุในเกมระหว่าง เอฟเวอร์ตัน-แมนฯ ซิตี้ เกิดขึ้นในนาทีที่ 85 เมื่อ เอฟเวอร์ตัน มีโอกาสได้จุดโทษเพื่อทำประตูตีเสมอหลังจากเรือใบสีฟ้าออกนำก่อนจาก ฟิล โฟเด้น ใน 4 นาทีก่อนหน้านั้น

โอกาสที่ทอฟฟี่น่าจะได้จุดโทษคือจังหวะที่บอลโดนแขน โรดรี้ กองกลางเรือใบที่เหมือนว่าจงใจใช้แขนช่วยในการพักบอล

จังหวะนี้ต้องไล่เรียงตั้งแต่ เดเล่ อัลลี่ แทงบอลให้ ริชาร์ลิซอน หลุดไปยิงติดเซฟของ เอแดร์ซอน และจังหวะต่อเนื่อง โรดรี้ พยายามใช้อกพักบอลที่ลอยโด่งลงมาเล่น แต่บอลไปโดนแขนที่กางออกชัดเจน

ผู้ตัดสิน พอล เทียร์นีย์ ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไปอีกราว 15 วินาทีก่อนเป่าหยุดเกมพร้อมทำสัญลักษณ์มือว่า "ล้ำหน้า"

จากนั้นมีการเช็ค วีเออาร์ ในจังหวะที่บอลโดนแขนของ โรดรี้ ว่าเป็น "แฮนด์บอล" หรือไม่ เพราะถ้าเป็นแฮนด์บอลก็จะหมายถึง "จุดโทษ" ของ เอฟเวอร์ตัน

แต่หลังจาก วีเออาร์ ที่นำโดย คริส คาวานาจ ได้เช็คเหตุการณ์ที่เป็นที่เรียบร้อยก็ส่งสัญญาณให้กับ เทียร์นีย์ ว่าไม่ได้เป็นแฮนด์บอล อีกทั้งแสดงผลการตัดสินบนจอทีวีขนาดใหญ่ในสนามให้แฟนบอลรับทราบพร้อมกัน

สิ่งที่แฟนบอลสงสัยอันดับแรกคือจังหวะของ ริชาร์ลิซอน ล้ำหน้าหรือไม่เพราะไม่มีภาพช้าให้เห็นตอนหยุดเล่นเพื่อเช็ควีเออาร์ มีเพียงเช็คจังหวะแฮนด์บอลหรือไม่แฮนด์ของ โรดรี้

ถ้าจังหวะของ ริชาร์ลิซอน ก่ำกึ่งว่า "ล้ำ-ไม่ล้ำ" ผู้ตัดสินและทีมงานก็ต้องเช็กจังหวะนี้เป็นอับดับแรกเพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน และไม่ต้องไปสนใจจังหวะของ โรดรี้ 


จังหวะบอลโดน โรดรี้

แต่การที่พรีเมียร์ลีกเช็ควีเออาร์จังหวะแฮนด์บอลและตัดสินว่าไม่เป็นแฮนด์บอล ก็แสดงว่าพรีเมียร์ลีกสรุปจังหวะของ ริชาร์ลิซอน ไปแล้วว่า "ไม่ล้ำ" และไม่นำมาพิจารณา  

ส่วนอีกจังหวะที่เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันคือ จอนโจ เคนนี่ ถูกจับล้ำหน้าจากผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ได้ยกธงซึ่ง พอล เทียร์นีย์ ก็เป่าหยุดเกม แล้วจึงกลับมาเช็คจังหวะของ โรดรี้ ก่อนชี้ขาดว่าไม่แฮนด์บอล ก็เลยเป่าให้ แมนฯ ซิตี้ ได้เตะเริ่มเกมขึ้นมาจากจังหวะล้ำหน้าของ เคนนี่ 

การตัดสินของพรีเมียร์ลีกที่ออกมาแบบนี้คือการยืนยันว่าการทำหน้าที่ของ พอล เทียร์นีย์ การยกธงของผู้ช่วยผู้ตัดสิน และการพิจารณาของทีมงานวีเออาร์ ไม่มีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างเป็นไปตามกฏและขั้นตอน

ไล่เรียงในสิ่งที่ผู้ตัดสินมองเป็นดังนี้ 

จังหวะแรก ริชาร์ลิซอน ไม่ล้ำหน้า

จังหวะสอง โรดรี้ ไม่แฮนด์บอล

จังหวะสาม จอนโจ เคนนี่ ล้ำหน้า - แมนฯ ซิตี้ จึงได้เตะเปิดขึ้นมา

ข้อสงสัยแรกของแฟนบอลที่ว่า ริชาร์ลิซอน ล้ำหน้าก่อนหรือไม่ก็มีอันตกไปและว่ากันเฉพาะจังหวะของ โรดรี้ ซึ่งเป็นจังหวะที่เกิดก่อนการล้ำหน้าของ เคนนี่ 

Simon Bajkowski ผู้สื่อข่าว แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ อ้างว่าได้คุยกับเจ้าหน้าที่พรีเมียร์ลีกหลังจบเกมและได้รับการชี้แจงว่าบอลโดนแขน โรดรี้ ในจุด Green zone ที่ไม่ถือว่าเป็นแฮนด์บอล "มากกว่า" จุด Red Zone ที่จะเป็นแฮนด์บอล ดังนั้นทีมงานวีเออาร์จึงแจ้งกับ พอล เทียร์นีย์ ไปแบบนั้นและ เทียร์นีย์ ไม่ได้เป่าจุดเป็นและไม่ได้ดูวีเออาร์ด้วยตัวเอง

คำอธิบายของเจ้าหน้าที่พรีเมียร์ที่ถูกกล่าวอ้างคือ บอลโดนแขน โรดรี้ ในพื้นที่สีเขียวหรือสูงกว่าแขนเสื้อ จึงไม่ถือว่าเป็นแฮนด์บอล ไม่ใช่พื้นที่สีแดงที่เป็นแฮนด์บอล 

  แต่ปัญหาคือการตัดสินของ พอล เทียร์นีย์ และทีมงานผู้ตัดสินค่อนข้างค้านสายตาแฟนบอลส่วนใหญ่เพราะจุดที่บอลโดนแขน โรดรี้ นั้นใกล้กับข้อศอกด้านในมากกว่าต้นแขนหรือหัวไหล่ด้วยซ้ำ อีกทั้งท่าทางของกองกลางเรือใบก็ค่อนข้างชัดเจนว่ากางแขนออกเพื่อทำให้ตัวเองใหญ่ขึ้น 

ไม่ต้องพูดถึง แฟร้งค์ แลมพาร์ด หรือมุมมองทางฝั่งทอฟฟี่สีน้ำเงินที่เชื่อมั่นว่าแฮนด์บอลแน่นอน เป็นจุดโทษสถานเดียว ไม่มีมุมที่จะพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้เลย


รีเมียร์ลีกบอกว่าบอลโดนจุด Green zone มากกว่าจึงไม่ใช่จุดโทษ

แลมพาร์ด ถึงขนาดบอกว่า "คนทั่วโลกก็เห็นมันเป็นแฮนด์บอลชัดเจน ผมไม่เข้าใจเลยว่ามืออาชีพระดับนี้ตัดสินผิดพลาดได้อย่างไร พวกเขามีเวลา 2 นาทีในการพิจารณาจังหวะนี้และพวกเขาไม่ได้ให้จุดโทษทั้งที่บอลมันไปโดนแขนในตำแหน่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ"

"ถ้าหาก วีเออาร์ บอกไม่ชัวร์ คุณก็ควรจะเดินไปดูด้วยตัวเอง มันเป็นอะไรที่้ไร้ประสิทธิภาพมากๆ หากไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ต้องมีใครสักคนมาอธิบายทีว่ามันคืออะไร"

กุนซือหนุ่มสรุปส่งท้ายแบบได้ใจความว่า "ขนาดลูกสาวอายุ 3 ขวบของผมยังบอกได้เลยว่าลูกนี้เป็นจุดโทษ"

เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว จุดที่สมควรถูกตำหนิมากสุดก็คือ พรีเมียร์ลีกที่ควรต้อง "เคลียร์ตัวเอง" ให้ชัดเจนและไขข้อข้องใจให้แฟนบอลได้มากกว่านี้

สิ่งที่พรีเมียร์ลีกควรทำคือการออกมาชี้แจงทุกจังหวะที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด พร้อมอ้างอิงกฏกติกาให้ถูกต้อง มีหลักฐานสอดรับกันชัดเจน ยิ่งเป็นจังหวะที่ 50-50 ยิ่งต้องเช็คให้ดีซึ่งในกรณีนี้ พอล เทียร์นีย์ ควรเดินมาดูวีเออาร์ด้วย 

พรีเมียร์ลีกมีสื่อในมืออยู่แล้ว ก็ควรมาใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่ออธิบายเหตุการณ์ต่างๆ หลังจบเกม อีกทั้งเป็นการให้ความรู้กับแฟนบอลได้เข้าใจตรงกันมากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยไปเพราะมั่นใจว่าตัดสินถูกต้องแล้ว

ในความเป็นจริง วีเออาร์ ที่นำมาใช้หรือเทคโนโลยีอะไรก็แล้วแต่ หากมีคนเข้าไปเกี่ยวข้องและใช้ดุลยพินิจด้วย ความผิดพลาดของคนในฐานะ "มนุษย์" ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ 

ดังนั้นพรีเมียร์ลีกจึงไม่ควรมั่นใจในการทำงานของผู้ตัดสินและทีมงานว่าจะไม่มีทางพลาดเลย และควรพิจารณาตามจริง อันไหนพลาดก็ต้องยอมรับและพยายามปรับปรุงแก้ไข ยิ่งมีเสียงวิจารณ์เสียงท้วงติงเยอะยิ่งต้องพิจารณาทบทวนหลายรอบ

จังหวะปัญหาล่าสุดที่กูดิสัน ปาร์ค ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถกเถียงกันและจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอนหากพรีเมียร์ลีกไม่ทำงานให้มีสิทธิภาพมากกว่านี้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด