แม้มีข่าวว่า อาร์เซน่อล อาจพิจารณาขยายสัญญาเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ปี แต่ดูเหมือนว่า ลากาแซ็ตต์ ตัดสินใจได้แน่นอนแล้วว่าถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายหลังอยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2017

ฤดูกาลนี้ ลากาแซ็ตต์ เพิ่งยิงได้เพียง 3 ประตูจาก 20 นัดในลีก เป็นสถิติที่ต่ำกว่ามาตรฐานของกองหน้าทั่วไป

เมื่อพิจารณาถึงสัญญาที่ใกล้สิ้นสุดและสถิติการทำประตูที่น้อยนิด ลากาแซ็ตต์ ไม่น่าจะมีบทบาทในทีม อาร์เซน่อล มากนักและคงนับวันรอเวลาย้าย 

ทว่าในความเป็นจริง หัวหอกวัย 30 ปี กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญต่อ อาร์เซน่อล อย่างมากในเวลานี้

ในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจปล่อยตัว ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ออกจากทีมหลังมีปัญหาระเบียบวินัยและถูกดร็อปมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 

เมื่อไม่มี โอบาเมย็อง ที่ย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า ลากาแซ็ตต์ จึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า โดยมี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เป็นสำรอง

ลากาแซ็ตต์ ทำประตูได้น้อย แต่วิธีการเล่นเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมทีมปืนใหญ่โดยเฉพาะบรรดาดาวรุ่ง 

ฤดูกาลนี้ บูคาโย่ ซาก้า, เอมิล สมัธ โรว์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ มาร์ติน โอเดการ์ด ผลัดกันเด่นดังและได้รับคำชมอย่างมาก

แต่หากไม่มี ลากาแซ็ตต์ อยู่ในทีม ก๊วนดาวรุ่งกลุ่มนี้อาจไม่เปล่งประกายอย่างที่เป็น

ลากาแซ็ตต์ เป็นเหมือน "ตัวเชื่อม" ให้การเล่นของบรรดาดาวรุ่งกลุ่มนี้มีความต่อเนื่อง มีจังหวะจะโคลนที่ลงตัวมากขึ้น ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป

อดีตดายยิง โอลิมปิก ลียง เป็นกองหน้าที่เล่นเป็นทีมได้ดี ไม่เห็นแก่ตัว และมีความขยัน ทุ่มเทเต็มร้อยในทุกครั้งที่อยู่ในสนาม 

นับตั้งแต่เกมที่พ่ายต่อ เอฟเวอร์ตัน 1-2 ที่กูดิสัน ปาร์ค ซึ่งเป็นการลงเล่นนัดสุดท้ายของ โอบาเมย็อง อาร์เซน่อล เก็บไปได้ถึง 25 คะแนนจาก 10 นัด ไม่มีทีมอื่นเก็บคะแนนได้เท่านี้เลยนอกจาก แมนฯ ซิตี้ ที่ได้ 25 คะแนนเช่นกัน

ในช่วง 10 นัดนี้ ลากาแซ็ตต์ ยิงได้เพียง 2 ประตูและหนึ่งในนั้นเป็นจุดโทษ แต่ทำได้ถึง 7 แอสซิสต์ มากกว่านักเตะพรีเมียร์ทุกคนในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่ง 2 แอสซิสต์ล่าสุดก็ช่วยทีมบุกชนะ วัตฟอร์ด 3-2

ซาก้า กล่าวถึงบทบาทความสำคัญของ ลากาแซ็ตต์ ว่า "ลากา รู้จังหวะการเคลื่อนที่ของผมและรู้ว่าผมอยู่ตรงไหน มันสนุกมากเลยที่ได้เล่นกับเขา"

เกมรุกของ อาร์เซน่อล มีสิทธิภาพดีขึ้นชัดเจนนับตั้งแต่ให้ ลากาแซ็ตต์ เป็นหัวใจสำคัญในแดนหน้า และเป็นเหมือน "พี่ใหญ่" ของพวกน้องๆ

ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล ทำประตูได้เฉลี่ย 1.2 ประตูต่อนัดจนถึงนัดสุดท้ายของ โอบาเมย็อง ในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน 

แต่หลังจาก ลากาแซ็ตต์ ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำเกมรุกคนใหม่ อาร์เซน่อล ยิงได้เฉลี่ย 2.3 ประต่อนัด

นอกจากนี้ โอกาสยิงเฉลี่ยต่อนัดก็เพิ่มขึ้นจาก 14 ครั้งต่อนัด เป็น 17.8 ครั้งต่อนัด ยิงเข้ากรอบเพิ่มขึ้นจาก 4.8 ครั้งต่อนัด เป็น 5.7 ครั้งต่อนัด รวมไปถึงการสัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งที่ทำได้มากขึ้นเป็น 34.4 ครั้งต่อนัด จากเดิมที่ทำได้เพียง 23.1 ครั้งต่อนัด

การครองบอลก็เป็นอีกจุดที่ดีกว่าเดิมจากที่เคยทำได้เฉลี่ย 49.1 เปอร์เซ็นต์ ก็เพิ่มเป็น 55.6 เปอร์เซ็นต์

เหนือสิ่งอื่นใดคือ "คะแนน" ที่เก็บได้เฉลี่ย 1.5 คะแนนต่อนัด แต่หลังเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เป็นต้นมาสามารถโกยได้ถึง 2.5 คะแนนต่อนัด

แน่นอนว่ามีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้องกับผลงานที่ดีขึ้น แต่การเล่นของ ลากาแซ็ตต์ มีส่วนไม่น้อยเพราะเป็นผู้เล่นที่พักบอลได้ดี คอยต่อบอล ทำชิ่ง และสร้างโอกาสให้กับ ซาก้า, มาร์ติเนลลี่, สมิธ โรว์ และ โอเดการ์ด ได้ฉายแสงอย่างเต็มที่

ลากาแซ็ตต์ ทำไป 7 แอสซิสต์จาก 10 นัดหลังในลีก

อาร์เตต้า กล่าวถึงลูกทีมจอมเก๋าว่า "ลากา ทำให้คนรอบๆ ตัวเล่นได้ดีขึ้น เขาเข้าใจเกมดีมากๆ และเขาก็เป็นผู้เล่นที่ฉลาดสุดๆ แถมทำงานหนักอย่างน่าเหลือเชื่อ"

ถ้าไม่นับจำนวนประตูแล้ว ลากาแซ็ตต์ ทำหน้าที่อย่างอื่นในสนามได้ยอดเยี่ยม ไร้ที่ติ แถมมี "พาสชั่น" เกินร้อย กระตุ้นเพื่อนร่วมทีมตลอด 90 นาที 

พูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นอีกคนที่ฉุดให้ อาร์เซน่อล มาอยู่ในตำแแหน่งที่ดีมากๆ สำหรับการจบท็อปโฟร์ได้กลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกรอบ

ลากาแซ็ตต์ อาจย้ายออกไปในจบฤดูกาลนี้ แต่แนวทางการเล่นและความทุ่มเทจะเป็น "พิมพ์เขียว" สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า ในการหากองหน้าตัวใหม่ที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันมาร่วมทีมซึ่งแน่นอนว่าไม่ง่ายเลย

นักเตะหลายต่อหลายคนที่สัญญาเหลือไม่กี่เดือน มักจะเล่นเพื่อรอเวลาได้เก็บกระเป๋าสู่สโมสร ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่างจาก ลากาแซ็ตต์ ในเวลานี้อย่างสิ้นเชิง

หาก อาร์เซน่อล บรรลุเป้าหมายคว้าตั๋วไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ หนึ่งในชื่อที่แฟนบอลต้องจดจำและขอบคุณต้องมีชื่อ "อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์"