:::     :::

ปฏิบัติการบุกโซ้ยกิมจิ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แม้จะนับถอยหลังรอวันชูถ้วยแชมป์ไทยลีกแล้ว สำหรับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทว่าทีมยังมีภารกิจสำคัญระดับเอเชียอยู่

กับการเดินทางลุยศึก เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2022 รอบเพลย์ออฟ เยือน แดกู ตัวแทนจากเกาหลีใต้ ที่มี อเล็กซานเดร กามา อดีตเฮดโค้ชปราสาทสายฟ้า คุมทัพ

มองตามหน้าเสื่อ ทีมจากเกาหลีใต้ ยังเป็นต่อแน่นอน จากสภาพผู้เล่นและการได้เล่นท่ามกลางแวดล้อมที่คุ้นชิน

กอปรกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะไร้ 2 แนวรุกคนสำคัญอย่าง อายุบ มาซิกา และ สุภโชค สารชาติ ที่ไม่ได้เดินทางไปด้วย

การขาด 2 ปีกตัวจี๊ดไปส่งผลต่อเกมรุกแน่ แต่ทีมเองก็พยายามเตรียมสภาพทีมให้พร้อมที่สุดเช่นกัน

คำตอบที่เห็นได้ชัดคือการเดินทางไปตั้งแต่ไก่โห่ หลังจบแมตช์กลางสัปดาห์ เพื่อให้มีเวลาซ้อม ปรับตัวกับสภาพอากาศที่นั่น ให้ทีมพร้อมและลงตัวมากสุด


สิ่งที่น่าสนใจคือฤดูกาลนี้ เอเอฟซี ให้ทุกสโมสรสามารถเพิ่มโควตา นักกีฬาต่างชาติ ในการขึ้นทะเบียนการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้ได้มากขึ้น แต่ในการลงทะเบียนการแข่งขันต่อแมตช์ จำนวนนักกีฬาต่างชาติจะยังคงเป็น 3+1 (นอกทวีป 3, เอเชีย 1)

ทำให้ทีมเองมีตัวเลือกในการจัดสรรทรัพยากรลงสนาม  

เพราะนักเตะต่างชาติ สำหรับสโมสรจากอาเซียน คือฟันเฟืองสำคัญในการสู้กับสโมสรใหญ่ในเอเชีย

หนนี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่งแข้งต่างชาติไปถึง 5 คน ประกอบด้วย โจนาธาน โบลินกิ (คองโก), ไมคอน มาร์เกวส (บราซิล), เรบิน ซูลากา (อิรัก), ดิเอโก้ บาร์ดันกา (สเปน) และ อ่อง ธู (เมียนมา)

ถือว่าเป็น “อาวุธหนัก”

ขณะที่ฝั่ง แดกู ลูกทีม กามา ยังเลือกใช้บริการ 3 บราซิเลียนอย่าง เอดการ์ ซิลวา อดีตดาวยิงบุรีรัมย์ฯ เซซินญา แนวรุกสารพัดประโยชน์ และ จอมทัพหมายเลข 10 อย่าง บรูโน่ ลามาส ที่มีเข้ามาเพิ่มคือ เคย์ตะ ซูซูกิ แข้งญี่ปุ่นโควตาเอเชีย ที่เล่นได้ทั้งแบ็กซ้ายและเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

ส่วนนักเตะสัญชาติเกาหลี มี โก แจ-ฮยอน ปีกขวาวัย 23 ที่ยิงไปแล้วถึง 3 ประตู จาก 5 นัดหลังสุดเป็นแกนหลัก และแนวรับสูง 195 ซม. วัย 24 ปีอย่าง จอง แท-อุค

อย่างไรก็ดีเมื่อเปรียบเทียบศักยภาพทั้งสองทีม ถือว่าไม่ได้ “เหลื่อม” กว่ากันมาก


บุรีรัมย์ ชุดนี้เองเต็มไปด้วยนักเตะที่มีประสบการณ์ระดับเอเชียทั้ง ธีราทร บุญมาทัน, ศศลักษณ์ ไหประโคน, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ศุภชัย ใจเด็ด

ขณะที่โค้ชทั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ และ กามา ต่างเคยสู้รบปะมือกันมาในไทยลีก

เป็นศึก “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” อยู่ที่ใครจะเก็บไพ่เด็ดไว้ในมือมากกว่า

อีกมุมคือ “มาตรฐาน” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในระดับเอเชียยังสูงเสมอ มีแพ้ชนะสลับกัน แต่ก็ไม่ได้โดนคู่แข่งขึงจนโงหัวไม่ขึ้น

แต่หนนี้เป็นเกมสำคัญคือ “รอบเพลย์ออฟ” ที่แข่งนัดเดียวใครชนะได้ไปต่อ ใครแพ้ม้วนเสื่อกลับบ้านเลย ไม่มีเวทีให้แก้ตัว


ที่ผ่านมา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เคยแข่งในรอบเพลย์ออฟ 2 หนคือ เป็นปี 2013 ที่ชนะจุดโทษ บริสเบน รอร์ (ออสเตรเลีย) ก่อนจะกุยทางเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ และเป็นการเข้ารอบลึกสุดในประวัติศาสตร์สโมสร

ส่วนอีกครั้งคือเมื่อปี 2020 ทว่าบุกไปพ่าย เซี่ยงไฮ้ พอร์ต 0-3

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ห่างหายจากรอบแบ่งกลุ่มในเวทีนี้มา 3 ปีแล้ว ครั้งนี้พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะล้มทีมจากเกาหลีให้ได้

หากอยากสานต่อโปรเจคท็อป 5 เอเชียที่เคยคุยโวไว้

เกมนี้ไม่มีชอยส์อื่นให้เลือก นอกจากคำว่าชนะ   


คำค้นหา : BuriramUnited BRUTD ACL2021
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด