คอเนอร์ กัลลาเกอร์ เป็นแฟนบอลพันธุ์​แท้ของ เชลซี มาตั้งแต่จำความได้ เขามีไอดอลคือ แฟรงค์ แลมพาร์ด  ซึ่งบ้านของเขาอยู่ห่างจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่ไกลนัก เดินทางไป 10 นาทีก็ถึงแล้ว

กัลลาเกอร์ มีน้องชายอีกสองคนวัย 7 ขวบ ซึ่งก็เล่นในทีมเยาวชนของ เชลซี อยู่ด้วยเช่นกัน ตัวเขาเองเป็นหนึ่งในกลุ่มแข้งที่ถูกจับตามองต่อจาก เมสัน เมาท์, แทมมี่ อับราฮัม หรือ รีซ เจมส์ โดย กัลลาเกอร์ เคยได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2018-19 ของทีมเยาวชน จากผลงาน 25 นัด 5 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในขุนพลชุดรองแชมป์ ยูฟ่า ยูธ ลีก ปี 2019 อีกด้วย

กัลลาเกอร์ เริ่มพเนจรเป็นแข้งยืมตัวครั้งแรกกับ ชาร์ลตัน แอธเลติก ซึ่งมี ลี โบว์เยอร์ เป็นกุนซืออยู่ โดยเขายอมรับว่าได้วิชาความรู้จาก โบว์เยอร์ มาเต็มคราบโดยเฉพาะเรื่องการสอดขึ้นไปยิงประตู ถ้าเป็นแฟนบอลรุ่นเก่าน่าจะพอจำกันได้ว่าสมัยที่ โบว์เยอร์ เล่นกับ ลีดส์ เขาถือเป็นกองกลางจอมทำประตูคนนึงเหมือนกัน ดูได้จากสถิติ 55 ประตูจาก 265 นัดในสีเสื้อยูงทอง ก็น่าจะเป็นหลักฐานของเรื่องนี้ได้สบาย ๆ

"ผมเริ่มเข้าไปในเขตโทษเยอะขึ้น แม้ว่าตำแหน่งการเล่นของผมจะต้องลงลึกเพื่อแย่งบอลด้วยก็ตาม บอส (ลี โบว์เยอร์)​ รู้ดีว่าผมชอบเล่นแบบ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ดังนั้นเขาจึงอยากเพิ่มเติมเกมบุกให้ผม เพื่อที่จะได้ครบเครื่ิองมากขึ้น" 

กัลลาเกอร์ ลงสนามให้ ชาร์ลตัน ไป 26 นัดยิงได้ 6 ประตู 4 แอสซิสต์ เขาเป็นตัวหลักในทีมของ โบว์เยอร์ และยังได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของแชมเปี้ยนชิพตั้งแต่เดือนแรกที่เล่นอีกด้วย

จากนั้น ในครึ่งฤดูกาลหลัง เชลซี ตัดสินใจส่ง กัลลาเกอร์ ไปให้กับ สวอนซี ยืมตัวบ้าง แต่กับที่นี่ บทบาทของเขาถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นกองกลางตัวรับมากกว่าเป็นแบบ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ จึงทำให้เขายิงประตูไม่ได้เลยสักลูกเดียวตลอดการเล่น 21 นัด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีแอสซิสต์สวย ๆ ถึง 7 ครั้งและพาทีมทำอันดับจนได้เล่นเพลย์ออฟลุ้นเลื่อนชั้น

ฤดูกาล​ต่อมา กัลลาเกอร์ ถูกปล่อยตัวไปให้ เวสต์บรอมวิชฯ ในพรีเมียร์ลีกลองใช้งานดูบ้าง เพราะสโมสรมองว่าการเล่นในลีกสูงาุดจะเป็นผลดีต่อตัวนักเตะมากกว่าเล่นในลีกรอง

กัลลาเกอร์ เป็นกำลังหลักของ เดอะ แบ็กกี้ส์ อย่างไม่ยาก ลงสนามมากถึง 32 นัด ยิงได้ 2 ประตู 2 แอสซิสต์ และได้รับการโหวตให้เขาเป็นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีในตอนจบฤดูกาลอีกด้วย

ก่อนเปิดฤดูกาล 2021-22 ทูเคิ่ล ตัดสินใจปล่อยตัว กัลลาเกอร์ ให้ไปเล่นที่อื่นอีกครั้ง คราวนี้เป็น คริสตัล พาเลซ ที่มี ปาทริค วิเอร่า คุมทีมอยู่

เหตุผลหลักที่มานี่ เป็นเพราะว่า พาเลซ ของ วิเอร่า เล่นระบบ 4-3-3 แม้จะต่างจากที่ เชลซี ก็จริง แต่พอยท์หลักคือการมาเก็บเกี่ยวความรู้จาก วิเอร่า ที่เป็นตำนานกองกลางฝีเท้าดีคนนึงของพรีเมียร์ลีก 

กัลลาเกอร์ ไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวอะไรเลย เขากลายเป็นคีย์แมนคนสำคัญในทีม และยังเล่นร่วมกับ คูยาเต้ กับ แม็คอาร์เธอร์ ได้อย่างกลมกลืนเนียนตา จน พาเลซ สร้างความหนักใจให้ทีมใหญ่ ๆ ได้บ่อยครั้ง

กัลลาเกอร์ ถูกวางให้ยืนในตำแหน่งกองกลางด้านขวา มี คูยาเต้ อยู่ตรงกลางและ แม็คอาร์เธอร์ อยู่ด้านซ้าย ซึ่งนับจนถึงตอนนี้ กัลลาเกอร์ ถือว่าก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนหมายเลข 1 ของทีมไปแบบเต็มตัวแล้ว โดยเขาเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมต่อการได้ประตูมากที่สุดของทีมในลีกเวลานี้

ผลงาน 8 ประตู 3 แอสซิสต์จาก 25 นัดในเวทีพรีเมียร์​ลีก ส่งผลให้เขารั้งอันดับ 2 ทั้งในชาร์ตดาวซัลโวและท็อป แอสซิสต์ของทีมอย่างยอดเยี่ยม โดยเขายิงในลีกปีนี้มากกว่า ฟิล โฟเด้น, ไค ฮาแวร์ตซ์ และมากกว่ากองหน้าอย่าง ลูกากู อีกด้วย

ปัจจุบัน กัลลาเกอร์ เพิ่งจะอายุแค่ 22 กำลังเติบโตและเก็บประสบการณ์​ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย​มาก ๆ ภายใต้การทำงานกับ วิเอร่า

ในเกมล่าสุดที่ยันเสมอ แม​นเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ 0-0 เขาทำสถิติเป็นนักเตะที่วิ่งมากที่สุดต่อเกมในฤดูกาล​นี้ด้วยระยะทางถึง 12.5 กิโลเมตร และยังเล่นได้เด่นจนคอมเมนเตเตอร์ต่างประเทศหลายคน ยกให้เขาเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เลยด้วยซ้ำ

แม้ตัวเลือกในแดนกลางของ เชลซีื จะเยอะมาก แต้หลังจากการอำลาทีมของเสี่ยหมี มันก็ไม่แน่เหมือนกันว่าอาจเกิดการปฏิวัติ​ครั้งใหญ่ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งอาจจะทำให้มีพื้นที่ว่างพอสำหรับการกลับไปพิสูจน์​ตัวเองที่นั่นอีกครั้งก็เป็นได้

คอเนอร์ กัลลาเกอร์ เด็กคนนี้มีของและน่าจับตามองมากจริง ๆ ครับ