ภาวนาให้เป็นครั้งสุดท้าย
โดยแข้งเลือดร้อนไปฟันศอกใส่ ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต ผู้เล่นทีม นอร์ทกรุงเทพ เอฟซี ในศึกมังกรฟ้าลีก รอบแชมเปี้ยนส์ลีก จนต้องเย็บถึง 24 เข็ม
เหตุการณ์ดังกล่าวแทรกซึมไปทุกสื่อกีฬาและสื่ออื่นๆ ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว แม้แต่สื่อต่างแดนยังเอาไปขยี้ต่อ ทำให้ภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทย ที่ถูกมองในด้านลบ ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา วงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะเรื่องราวในสนามพัฒนาจากเดิมเยอะทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมืออาชีพของนักกีฬาที่รู้หน้าที่ของตัวเอง พัฒนาฝีเท้าเพื่อใช้หล่อเลี้ยงครอบครัว
แนวทาง สไตล์ลูกหนังถูกปรับใช้ให้มีความทันสมัย หลากหลาย สร้างความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจให้แฟนบอลข้างสนาม และทางบ้านได้ลิ้มอรรถรสฟุตบอลไทยอย่างถึงใจ
ภาพความเกเร เล่นนอกเกม ค่อยๆ หายไปจนแทบไม่มีประเด็นให้พูดถึงนัก
คำสบประมาทว่า “บอลไทย จะไปมวยโลก” ค่อยๆ จางไป พร้อมถูกแทนด้วยคำชื่นชมจากแฟนบอลขาประจำและขาจร
อย่างไรก็ตามความใจร้อน และขาดสติเพียงชั่ววูบของนักเตะเพียงคนเดียว กำลังจะกลายเป็นหลุมดำ ดูดกลืนความดีของฟุตบอลไทยที่กำลังจะเบ่งบานให้เหี่ยวเฉาลงอีกครั้ง
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ในวงการฟุตบอลไทย เพราะคนที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่แค่ “อิศเรศ” ที่โดน “กระทิงเพลิง” ยกเลิกสัญญาทันควัน
ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ก็เตรียมนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ เพื่อตัดสินบทลงโทษเพิ่มเติมอีก
ซึ่งกฎระบุไว้ดังนี้ ทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ถูกแบน 3-5 นัด และ ปรับเงิน 80,000 บาท
โทษแบน จากใบแดงโดยตรงที่เขาได้รับอีก 2 นัด ทำให้อาจจะถูกแบนถึง 7 นัด และปรับเงิน 80,000 บาท หรือ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อาจจะตัดสินลงโทษแรงกว่านั้น หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำให้วงการฟุตบอลไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์
อีกทั้ง ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต ที่โดนฟันศอกไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นคดีอาญา
ตามประมวลกฎหมายมาตรา 295 และ 297 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 40,000 บาท
หากทำอันตรายแก่กายจนมีอาการสาหัส จะมีอัตราโทษจำคุก 6 เดือน - 10 ปี ปรับ 10,000 บาทถึง 200,000 แสนบาทเรียกว่าโดนหลายต่อทีเดียว
นอกจากนี้สังคมกำลังจะกลับมาประนาม “ฟุตบอลไทย” อีกครั้ง ซึ่งกว่าจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกลับมาต้องใช้เวลานาน
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไม่แปลกที่ไม่มีใครให้อภัยการกระทำของ “อิศเรศ” แม้แต่ % เดียว
เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ที่ดีให้กับนักเตะรุ่นใหม่และนักเตะที่ก้าวเข้าสู่ถนนสายอาชีพ เพราะคำว่า “มืออาชีพ” คุณต้องมีความเพรียบพร้อมทั้งร่างกายจิตใจมากกว่านักฟุตบอลเดินสาย หรือ สมัครเล่น
มีความรับผิดชอบ มีวินัยในการฝึกซ้อม พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ให้สมกับเงินเดือนหลายหมื่นและหลายแสนบาทที่สโมสรจ้างมาทำงาน
ที่สำคัญนักกีฬาต้องเคารพกติกา เพื่อนร่วมอาชีพ เคารพแฟนบอล ด้วยการลงเล่นอย่างสมศักดิ์ศรี เล่นด้วยสปิริตความเป็นนักกีฬา
อย่าลืมว่าตอนนี้นักฟุตบอลบ้านเราได้รับความสนใจไม่ใช่เฉพาะในประเทศ แต่เป็นสินค้าขายออกไปยังต่างประเทศแล้ว
หากคุณพัฒนาฝีเท้าตลอดเวลา โอกาสจะก้าวไปถึงจุดนั้นก็มีสูง ดังนั้นทุกย่างก้าวในถนนสายนี้ ต้องคิดถึงภาพรวมกว้างๆ หากไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ โอกาสที่อนาคตจะดับวูบเหมือนขุนศอกรายนี้
นอกจากนี้คนในวงการก็จะโดนตราหน้าและสบประมาทว่า “ฟุตบอลไทยมันก็อยู่แค่นี้” หรือ “ฟุตบอลไทย ไปมวยโลก” ไม่รู้จักจบสิ้น
หวังว่านี่จะเป็นเหตุการณ์สุดท้าย และไม่เกิดขึ้นอีก ฟุตบอลไทย จะก้าวไปข้างหน้า ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย
อย่าให้อารมณ์เพียงชั่ววูบ มาทำลายอนาคต “ฟุตบอลไทย” เหมือนสุภาษิตที่ว่า “ปลาเน่าตัวเดียว เหม็นทั้งข้อง” เลย
ฝากไว้ให้คิดและเป็นอุทธาหรณ์ครับพี่น้อง