:::     :::

การบ้านใหญ่ของ "มาโน่" ก่อนลุยชิงแชมป์เอเชีย

วันพุธที่ 30 มีนาคม 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
1,430
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
10 นัด คือสถิติไร้พ่ายของทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ "มาโน่ โพลกิ้ง" นับได้ว่าเป็นผลงานดีที่สุดตั้งแต่หมดยุค "ปีเตอร์ วิธ" กุนซือเลือดผู้ดีในยุคดรีมทีมเลยทีเดียว

ล่าสุดทีมชาติไทย สามารถเอาชนะ ซูรินาม ในเกมอุ่นเครื่อง ฟีฟ่า เดย์ ไปได้อย่างเฉียดฉิว 1-0 ทำให้คว้าชัยชนะ 2 เกมรวด ยิงไป 3 ตุงและไม่เสียสักประตู 

โดยเกมเจอกับทีมฉายา “เนเธอร์แลนด์2” พลพรรค “ช้างศึก” ได้ประตูชัยจากปลายสตั๊ดของ “บดินทร์ ผาลา” ปีกจอมพริ้วจากสโมสร การท่าเรือ เอฟซี 


แม้รูปเกม ไทย จะเล่นดีแค่ครึ่งแรก เมื่อเซ็ตเกมรุก สร้างจังหวะเข้าทำได้หลากหลาย จนมีได้ประตูนำในช่วง 27 นาทีแรก และกลายเป็นประตูชัย

แต่ครึ่งหลังต้องยอมรับว่าทีมเยือนแก้หมากมาดี จนสามารถครองเกมได้เหนือกว่า และเกือบตีเสมอหลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายไม่สามารถยิงประตูผ่านมือ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ได้ 

โดยเฉาะจังหวะเซฟระดับโลก ป้องกันลูกยิงระยะเผาขนของ “เจเรดี้ ฮิลเตอร์มัน” ได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้จบเกมมือกาววัย 37 ปี จะคว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ มาครองได้สำเร็จ


นี่ถือเป็นการตอบข้อสงสัยได้ดีแล้วว่า ทำไม “มาโน่” ยังเรียกจอมหนึบจาก “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” มาติดทีมชุดนี้ แทนที่จะเรียกนายทวารรายอื่นๆ มาทดสอบฝีไม้ลายมือ

เพราะการทำงานของ “มาโน่” ชี้ให้เห็นถึงความละเอียดลออ เนื่องจาก “ฉัตรชัย บุตรพรม” มือกาวตัวจริง ยังไม่ฟิต ทำให้ “แชมป์” กลายมาเป็นมือ 1 ของทีมทันที 

ซึ่ง “มาโน่” วางมือกาวรายนี้เป็นตัวหลักและพยายามที่จะจูนแนวรับทั้งระบบ ด้วยการใช้ผู้รักษาประตูและแผงหลังตัวจริง ลงสนามด้วยกันให้ได้มากที่สุด ก่อนศึกใหญ่ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือกที่อุซเบกิสถาน 

อย่าลืมว่าปรัชญาการทำทีมของ “มาโน่” เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับ “เกมรุก”​อย่างเดียว เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามันสั่งให้เขาต้องรู้จักสร้างทีมจาก “เกมรับ” เป็นอันดับแรก

คำที่ว่าเกมรุกจะทำให้คุณชนะ ทำให้ “มาโน่” ไร้ความสำเร็จในการคุมทีมระดับสโมสรมาแล้ว นั่นเป็นบทเรียนทำให้เขารู้ว่าหากต้องการพา “ช้างศึก” ได้แชมป์หรือประสบความสำเร็จต้องขัน “เกมรับ” ให้แกร่งขึ้น จนทำให้ ไทย เสียไปเพียง 3 ประตู จาก 10 นัดเท่านั้น


นอกจากนี้ “มาโน่” ยังสร้างความยืดหยุ่นในแท็คติค ไม่ว่าจะให้อิสระกับ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่ช่วงหลังถูกดันมาเล่นเป็นกองกลางบ่อยขึ้น 

นัดล่าสุด “มาโน่” ให้ “อุ้ม” มีตัวอิสระในแผงห้องเครื่อง พร้อมขยับ “วีระเทพ ป้อมพันธุ์” คอยสลับหมุนเวียนมาแทนตำแหน่งของ “อุ้ม” ในเกมรับ 

ซึ่งทั้งสองคนสอดประสานงานกันอย่างลงตัว แม้จะมีจุดบอดบ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่จนทำให้ทีมเสียประตู 

ดังนั้นในเรื่องของเกมรับ ตอนนี้ถือว่าน่าพอใจเพราะมีนักเตะมีให้เลือกใช้งานเพียบ เช่นเดียวกับกองกลางที่เดินชนกันให้วุ่น 

แต่ปัญหาที่น่าหนักใจสำหรับ “มาโน่” คงเป็นเรื่องเดียว คือ “หัวหอกตัวเป้า” 


เห็นชัดเจนว่าเกมแรกที่ชนะ เนปาล อดิศักดิ์ ไกรษร ยังไม่สามารถกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้ 

ขณะที่ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา หัวหอกดาวโรจน์แม้จะวูบวาบบางจังหวะ แต่ยังไม่สามารถเก็บบอลในแดนหน้า วิ่งทำทาง หรือประสานกับรุ่นพี่ได้ดีเท่าที่ควร 

อย่าลืมว่า “บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ต้นสังกัดของ “ธีรศิลป์ แดงดา” หัวหอกเบอร์ 1 ของทีม มีคิวลงแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในช่วงกลางเดือนเมษายน ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม

ขณะที่ “ศุภชัย ใจเด็ด” รองดาวซัลโวไทยลีก เองมีโอกาสพา “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟ เอคัพ และ รีโว่ ลีก คัพ​ ซึ่งกินเวลาไปถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเลยทีเดียว 


หากเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ใหญ่แล้ว “ธีรศิลป์ แดงดา” และ “ศุภชัย ใจเด็ด” 2 กองหน้าคนสำคัญเกิดไม่ฟิตอาจส่งผลกับทีมไม่น้อย 

จากนี้คงเป็นการบ้านใหญ่ของ “มาโน่” ต้องวางแผนแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอาไว้ให้ดี เพื่อเตรียมทีม และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้คือผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายให้ได้ 


เพราะการแข่งขันระดับเอเชีย ทีมต้องพร้อมทุกมิติทั้งเกมรับและเกมรุก


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด