:::     :::

"8"+10 = 21

วันพฤหัสบดีที่ 05 พฤษภาคม 2565 คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี
2,873
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ใครคือนักเตะ "8คน" จากชุดเก่าที่จะเป็นแกนต่อไปในปีหน้า คำตอบที่หลายคนอยากรู้ว่า ทีมเราใครจะไปต่อได้บ้าง และไปได้ในระดับไหน? นี่คือสมการเสริมทีมที่แฟนผีจะต้องจำให้แม่น เพราะมันคือโครงสร้างและกุญแจสำคัญสู่การพาทีมประสบความสำเร็จในอนาคต

มีข่าวหลายๆประเด็นในช่วงนี้เยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลินการ์ดบ้าง โทนี่ โครสออกมาพูดถึงตอนที่เกือบจะย้ายมาแมนยูในยุคมอยส์บ้าง หลังจากที่อ่านข่าวแมนยูไนเต็ดทั้งหมดแบบคร่าวๆ สิ่งที่ดีที่สุดคือการพูดถึงแนวทางและโครงสร้างของทีมที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่า จะเป็นประโยชน์ต่อการเชียร์ทีมในวาระต่อไปกว่าเยอะ

ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ แนวโน้มคริสเตียโน่ โรนัลโด้จะอยู่ต่อกับสโมสรก็ยังมีกลิ่นที่ดีอยู่ แม้เจ้าตัวจะออกมาพิมพ์บอกว่า I didn't say that เขาไม่ได้พูดแบบนั้นว่า I'm not finished (คาดเดาเพิ่มเติมอาจจะเป็น come on, finished หรืออะไรสักอย่างที่คุยขำๆกับตากล้องที่เดินตามเขารอบสนามตอนขอบคุณแฟนบอลขณะที่ทำ lap of honor ในเกมดังกล่าว)

รอย คีน ก็ตั้งข้อสังเกตว่าภาษากายของโด้ช่วงท้ายเกมนั้นดูแล้วไม่ใช่ลักษณะของคนที่จะย้ายอย่างแน่นอน ในขณะที่รังนิคเองก็พูดว่า เท่าที่เขารู้ โรนัลโด้สัญญาก็ยังมีอยู่และเขาจะอยู่ต่ออีกหนึ่งปีเช่นกัน

เรื่องโด้ มีประเด็นในการ "เสริมทีม" ปีหน้าที่เกี่ยวข้องกับข้อสังเกตดังนี้ที่ว่า เราจะต้องซื้อกองหน้าอีกกี่ตัวกันแน่ ผ่านคำแนะนำของรังนิคดังนี้

""คริสเตียโน่นั้นไม่ใช่กองหน้าตัวกลาง เขาเองก็ไม่อยากเล่นในตำแหน่งนั้นด้วย ดังนั้นเราเห็นชัดเจนว่าสโมสรกำลังขาดอยู่ ผมบอกได้ว่าอย่างน้อยๆทีมควรต้องมีกองหน้าใหม่เข้ามาสองคนที่ทำให้การเล่นมีคุณภาพ และมีตัวเลือกการลงสนามเพิ่ม ซึ่งผมจะบอกว่ามันไม่ใช่ปีกด้วยนะ ต้องเป็นกองหน้าแท้สองคน เป็นตัวจบสกอร์ยุคใหม่อีกหนึ่งและไม่จำเป็นจะต้องเป็นปีก"

"ถ้าคุณดูฟุตบอลสมัยใหม่ในยุคนี้ ไม่มีทีมระดับท็อปๆที่ไหนลงเล่นโดยที่กองหน้ามีตัวจบสกอร์ในทีมแค่สองคนเท่านั้น ทีมชั้นนำส่วนใหญ่อย่างน้อยต้องมีตัวจบสกอร์อย่างต่ำๆสามคน หรือไม่ก็ต้องมี False Nine อยู่ในทีมด้วย"

"ลองไปดูลิเวอร์พูลหรือแมนเชสเตอร์ซิตี้ ดูที่ตัวจบสกอร์ของพวกเขา แต่ละทีมมีตัวจบระดับท็อปคลาสอยู่5-6คนทั้งนั้น และตัวจบสกอร์ต่างเหล่านั้นก็เล่นในตำแหน่งที่หลากหลายด้วย สามารถสวิตช์ตำแหน่งกันได้ สามารถหมุนเวียนกันลงสนามได้"

"เมสัน กรีนวู้ด เป็นผู้เล่นแบบนั้นที่ต้องลงสนามอย่างสม่ำเสมอ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมอีกแล้ว มาร์กซิยาลก็ปล่อยยืมไปที่เซบีญ่า ส่วนเอดินสัน คาวานี่ก็เจ็บซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะงั้นเราจึงแทบไม่มีตัวเลือกในแดนหน้าเลย"

ข้างบนนี้คือคำสัมภาษณ์ของรังนิคที่พูดถึงสถานการณ์ในการเสริมทีมของเราว่า จริงๆแล้วทีมต้องการตัวจบสกอร์เข้ามาอย่างน้อย "สองคน" ซะด้วยซ้ำอย่างต่ำๆ ยังไม่รวมกองหน้ายุคใหม่ที่เล่นได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น F9 หรือ Inside Forward ก็ตามอีกหนึ่งราย (ซึ่งน่าเสียดายว่าไม่อาจนับรวมอเลฮันโดร การ์นาโช่ได้ เพราะน้องยังต้องเก็บประสบการณ์อีกเยอะถึงจะขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ได้)

รังนิคบอกแล้วว่าทีมอาจจะต้องซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเป็นสิบคน เป็นความจริงที่โหดร้าย และอาจดูเป็นงานช้างมากๆ แต่นี่คือเรื่องจริงที่แฟนผีต้องเผชิญ

จะรับกันได้รึเปล่าถ้าทุกอย่างต้องใช้เวลา และมันจะยังไม่ได้ประสบความสำเร็จแบบทันทีทันใด เพราะเราก็ไม่รู้ว่า ปีหน้าเราจะเสริมทีมเข้ามาได้กี่คน ในยามที่บอร์ดบริหารยังเป็นกลุ่มตระกูลเกลเซอร์เช่นนี้

แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องสู้

จากการรายงานข่าวเรื่องโครงสร้างการทำทีมที่่จะต้องนำพวก new faces เข้ามาในทีมอีกจำนวนมากนี้ เอริค เทน ฮาก ก็เห็นพ้องกับรังนิคว่าคงต้องใช้ลูกเรือใหม่ถึง 10คน โดยประมาณที่จะต้องนำเข้ามาจากอีกหลายๆตลาด ซึ่งคงจะต้องสร้างทีมขึ้นมาโดยใช้นักเตะหลักที่อยู่เป็นแกนต่อไปอีกประมาณ "8คน" ที่เขาพอจะมอบความไว้วางใจให้นักเตะเหล่านั้น และสร้างทีมใหม่ขึ้นมารอบๆกลุ่มนักเตะพวกนั้นได้

โดยเทน ฮาก ยังไม่ละเลยและเตรียมที่จะ "ประเมิน" สามนักเตะอังกฤษที่ฟอร์มมีปัญหาด้วย ทั้งการคืนชีพ "แฮรี่ แมกไกวร์" ให้กลับมามีฟอร์มที่ดี รวมถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อารอน วานบิสซาก้า ที่กำลังมีข่าวว่าคริสตัล พาเลซ สนใจจะดังตัวกลับไปค้าแข้งยังปราสาทเรือนแก้วอีกครั้ง

ประเด็นตรงนี้มีจุดที่น่าลองหยิบมาพูดคุยกันเล่นๆว่า "8คน" ที่เป็นเหมือนอสูรแดงที่หลงเหลืออยู่จากซากปรักหักพังของทีม และยังดีพอจะเป็นแกนของทีมต่อไปได้นั้น มีใครบ้างที่อาจจะเป็น 8 คนดังกล่าว ซึ่งคำว่าแกนตรงนี้ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นนักเตะอายุน้อยเท่านั้น แต่เป็นนักเตะที่ดีพอจะเป็นตัวหลัก และตัวโรเตชั่นที่มีคุณภาพให้ทีมได้

มีใครบ้าง?

นี่น่าจะเป็นหลายๆคำถามที่อยากจะรู้ว่าในมุมมองดังกล่าว มีใครดีพอที่จะอยู่ตรงนี้ต่อไปในปีหน้าได้บ้าง ไม่มีใครตอบได้แน่ชัดทั้งนั้นยกเว้นจากมุมมองในฐานะแฟนบอลอย่างพวกเราด้วยกันเอง จากนั้นค่อยรอการเข้ามาของเทน ฮากที่จะรับหน้าที่นี้ต่อไป แต่ถ้าให้ลองประเมินความเป็นไปได้ตามศักยภาพและฝีเท้านักเตะ ก็น่าจะเป็นนักเตะเหล่านี้ที่เป็นแกนต่อในยุคETHได้

1. ดาวิด เดเคอา

ท่ามกลางกระแสต่างๆมากมายในเรื่องระบบการเล่นของเอริค เทน ฮาก ที่ต้องใช้การเซ็ตบอล ตั้งเกมจากแดนหลังเยอะๆ ทำให้มีคำถามต่อน้องเดของเราว่า เขาจะอยู่กับทีมต่อหรือไม่ หรือเทน ฮากจะไปซื้อโอนาน่าเข้ามาเล่นแทน แม้กระทั่งดีน เฮนเดอร์สัน ยังดูเข้าแก๊ปกับบอลเทน ฮากมากกว่าเพราะว่าเป็น Sweeper Keeper แท้

กรณีของเดเคอา เชื่อว่ายังไงก็คงได้ไปต่อแน่นอน กับสัญญาที่ยังเหลืออีกหนึ่งปีเต็มจนจบซีซั่น 2022/23 อาจจะมีการต่อสัญญา 3 ปีเป็นฉบับสุดท้ายกับเขาด้วยซ้ำในซัมเมอร์นี้ ถ้าต่อสัญญาออกไปแปลว่า เอริค เทน ฮาก ประกาศิตมาแล้วแน่นอนว่าเขาจะใช้เดเคอาต่อ


ด้วยฟอร์มที่พีคต่อเนื่อง และรักษาระดับมาตรฐานการเล่นในระดับสูงเอาไว้ทุกๆนัดในการช่วยเซฟประตูให้แมนยูแบบพัลวัน โลกแห่งความเป็นจริงถ้าเรายังมีอะไรที่มันยัง "ใช้การได้ดีอยู่" ตามธรรมชาติของเราก็จะใช้สิ่งนั้นต่อไปอยู่แล้ว

เดเคอาก็อยู่ในหลักสมมติฐานเช่นนั้น เรายังไม่จำเป็นต้องรีบซื้อโกลใหม่ขนาดนั้นในยามที่ทีมขาดตำแหน่งอื่นๆอยู่ รังนิคก็บอกแล้ว เพราะงั้น เดเคอาไปต่อแน่นอน

2. ราฟาแอล วาราน

กองหลังคนเดียวที่แทบไม่มีข้อสงสัยใดๆเลยว่า จะได้อยู่ต่อหรือเปล่านั้น ราฟาแอล วาราน มีคุณสมบัติในตัวครบถ้วน แถมด้วยคุณภาพที่คับแก้วอีกต่างหาก วารานมีประสบการณ์ในระดับสูงมากพอที่จะเป็นแกนหลักของกองหลัง ประคองน้องๆในทีมไม่ว่าจะเป็นนักเตะใหม่ที่จะเข้ามา รวมถึงตัวผู้เล่นอื่นของเรา ลามไปยันเพื่อนร่วมทีมด้วยที่วารานอาจจะต้องแบกเพิ่ม

สปีดความเร็วของฝีเท้า ทั้งความเร็วต้น และpaceสูงสุดที่วิ่งได้ การเคลื่อนที่ในสนามของวารานคือสิ่งที่เป็นข้อsupportต่อบอลของเทน ฮาก ที่ต้องใช้การเคลื่อนที่เยอะมากในการเซ็ตบอล แกะเพรส ขยับตำแหน่งหาช่องการเล่นเพื่อ build-up ขึ้นหน้า

กองหลังที่มีความยืดหยุ่นเรื่องพื้นที่การเล่นนั้น มีข้อได้เปรียบที่จะเล่นในฟุตบอลสายดัตช์ได้อย่างดี โดยที่ไม่ได้จำเป็นว่า วารานจะต้องเล่นแบ็คเป็น แต่สามารถเล่นในจุดต่างๆของสนามได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ถ้าเคยดูฟอร์มของวารานสมัยอยู่มาดริด ความเร็วในการวิ่งของแกมักจะเป็นกองหลังที่สปีดออกไปตัดเกมริมเส้นได้เสมอๆ ความยืดหยุ่นทางด้านพื้นที่การเล่นนั่นแหละสำคัญ ไม่ใช่เรื่องที่ว่า วารานจะต้องเล่นแบ็คเป็นด้วยถึงจะเรียกว่ายืดหยุ่น เพราะการสลับตำแหน่งในกลิ่นอายโททัลฟุตบอลแบบยุคปัจจุบันนั้น มันไม่ได้ต้องสลับตลอดเวลา หรือสลับตลอดไป

พูดง่ายๆว่า วารานไม่จำเป็นต้องไปเล่นแบ็ค แต่ถ้าสามารถขยับตำแหน่งออกไปเล่นยังจุดอื่นได้ ก็จะช่วยบอลของเทน ฮาก ได้เยอะแล้ว ซึ่งนั่นแหละคือสิ่งที่เขาทำได้

ยังไงก็รอด ตัวนี้คือแกนหลักแผงหลังจริงๆ ปีหน้าภาวนาอย่าให้วารานเจ็บบ่อยก็พอ

3. ลุค ชอว์

เรารู้ดีว่าชอว์ยังมีฟอร์มหลายๆส่วนที่ไม่น่าประทับใจอยู่บ้าง แต่ยังไงก็ตามเขายังคงเป็นแบ็คซ้ายตัวหลักของเราอยู่ แม้ระยะหลังอเล็กซ์ เตลีส จะยึดตำแหน่งไปเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากชอว์ต้องพักรักษาตัวจากการผ่าน็อตออกจากขา รวมถึงฟอร์มที่ดรอปๆไปด้วย แต่ยังไงก็ตาม ชอว์ก็ยังเป็นนักเตะอีกคนที่สามารถเป็นแกนการเล่นในยุคเอริค เทน ฮากได้ในฐานะแบ็คตัวจริง (แล้วก็ใช้เตลีสเป็นตัวrotateนั่นแหละจะดีที่สุด)

จุดแข็งของชอว์คือความยืดหยุ่นที่สามารถเล่นได้ทั้ง ริมเส้น และ กลางสนาม นั่นทำให้เขาน่าจะมีภาษีเหนือกว่าอเล็กซ์ในยุคเทน ฮาก เนื่องจากความยืดหยุ่นในการเล่นตรงนี้ ชอว์มีเหนือกว่าอเล็กซ์ กับบอลที่ต้องขยับตำแหน่งทดแทนกัน นักเตะที่ขยันหุบเข้ากลางบ่อยๆอย่างชอว์ จะสามารถเข้าไปเล่นได้ทั้งในพื้นที่ center รวมถึง half-space ของสนามได้

มันคือวิธีการใช้เดียวกันกับที่เทน ฮาก ใช้ ดาลีย์ บลินด์ ที่อาแจ็กซ์ และกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

แฟนผีก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าแกสามารถเล่น LCB (กองหลังตัวข้าง)ได้แบบธรรมชาติสุดๆ แถมดีไม่ดีอาจจะเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของชอว์เลยซะด้วยซ้ำ เรื่องของความยืดหยุ่นและความแน่นอนยามที่หุบเข้ากลาง คือข้อได้เปรียบมากๆ รวมถึงปัจจัยในการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งมากๆในจังหวะวิ่งไล่ตาม และเข้าไป tackle ใส่คู่แข่ง รวมถึงการเคลียร์บอล สกัดบอลจังหวะสำคัญ รวมถึงตัดบอลคู่แข่งด้วย

ส่วนเรื่องการขยับตำแหน่งขึ้นไปซัพพอร์ตเกมรุก ชอว์ก็ทำได้ดีในฐานะแบ็คที่เติมบุกได้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นพื้นที่กราบซ้ายของสนาม รวมถึงบริเวณฮาล์ฟสเปซที่หุบเข้ากลางมา แทบจะเป็นพื้นที่ของเขาคนเดียวเลยที่จะอยู่ในทุกจุดแน่ๆกับบอลของเทน ฮาก ที่ใช้การเคลื่อนที่หาตำแหน่งเป็นปรัชญาของ "วิธีการเล่น" หลัก

มีปัจจัยมากมายที่บ่งบอกว่า ลุค ชอว์ รอดแน่ๆ

4. เฟร็ด

รายนี้น่าจะนอนมา เชื่อว่าผู้อ่านที่เป็นแฟนผีหลายๆคนก็คงจะเห็นด้วยว่า นี่จะเป็นอีกแกนหลักแบเบอร์ของทีมเราอีกคนหนึ่ง ในแง่ของการเป็นตัวหลักที่จะใช้สลับลงสนามแน่นอนในปีหน้า ไม่ว่าทีมจะซื้อนักเตะมิดฟิลด์ที่เป็นบิ๊กเนมเข้ามาขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นตัวที่มีข่าวอย่าง Sergej Milinković-Savić หรือ Frenkie de Jong รวมถึง Aurélien Tchouaméni กับRuben Neves

ไม่ว่าใครจะมา เฟร็ดจะอยู่ยงคงกระพันเป็นแกนหลักให้ทีมต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปีแน่นอนในช่วงต้นยุคเอริค เทน ฮาก

ข้อได้เปรียบและคุณสมบัติที่จะทำให้เฟร็ดมีคุณค่าพอที่จะเป็นแกนหลักของเทน ฮากได้ คือ "การเคลื่อนที่" ที่เต็มไปด้วยพละกำลังไม่หมดถัง และวิ่งเพื่อทีมได้ตลอดเวลา

การขยับตำแหน่งกลางสนามของเฟร็ด ถ้าระบบทีมซัพพอร์ตตรงนี้ นั่นก็คือ ถ้าเขามี "เพื่อนที่ขยับพร้อมๆกัน" บอลเคลื่อนที่กลางสนามจะยิ่งไหลลื่นมากกว่าเดิม ด้วยการเป็นตัวCarrileroสายเชื่อมเกม สายซัพพอร์ตแบบขนานแท้ของแก บอลเทน ฮาก จะมีเฟร็ดเป็นฟันเฟืองสำคัญทีเดียวในการทำเกมบุกคู่แข่ง

หลายๆคนอาจไม่ให้ความสำคัญกับมิดฟิลด์ปิดทองหลังพระ ตั้งแต่ยุคคาร์ริคที่เคยโดนค่อนขอดว่าเป็นอาแปะแล้ว แต่ใครจะรู้ว่า ตัวเชื่อมเกมกลางสนามนี่แหละที่เป็นองค์ประกอบสำคัญมากๆที่ทำให้ทีมเล่นได้ไหลลื่นเลย (เกมที่แมนยูชนะเบรนท์ฟอร์ด 3-0 ทุกคนคงเห็นแล้วว่ามาต้าสำคัญขนาดไหน เชื่อมเกมได้ลื่นไหลมากๆ)

บอลของเทน ฮาก ต้องการทั้ง Energy ในการเล่นที่กระฉับกระเฉง เต็มไปด้วยพลังงาน รวมถึง "Speed" การเล่นที่ต้องมีความเร็วอยู่ในตัวด้วย เขาจึงต้องการนักเตะรุ่นใหม่ อายุน้อยๆที่มีสองสิ่งนี้ในตัว

เฟร็ดมีครบทั้งสองอย่าง ดูจากทรงแล้วยังไงก็รอด 100%

จุดด้อยของพี่แกหลายๆอย่างจะถูกแก้แน่นอน อย่างน้อยที่สุดเฟร็ดคงไม่ต้องเล่นกลางต่ำเหมือนยุคโอเล่แล้ว และเรื่องการจ่ายบอลเสียบางช็อต ถ้ามีทีมที่ซัพพอร์ต มีเพื่อนที่ขยับตำแหน่งช่วยตลอด สิ่งเหล่านั้นจะหายไปเยอะ

ปีต่อๆไปของเราจะมีบอลที่เซ็ตกันอย่างมีระบบระเบียบ และมีชุดความคิดที่แน่นอนในการเล่นว่า ทีมจะพัฒนาเรื่องใดให้โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นระบบการครองบอล ตั้งเกม รวมถึงวิธีการบุก และอาวุธที่ใช้

แนวคิดที่ชัดเจนจากผู้จัดการ สำคัญมากๆ และเทน ฮากมีสิ่งที่ว่านี้ อันนี้เป็นเรื่องที่ดี

และจริงๆแล้วเฟร็ดถือว่าเป็นมิดฟิลด์ที่อยู่ในช่วงวัยพีคๆอยู่ ระหว่าง 26-30 แต่ตอนนี้เฟร็ดเข้าสู่อายุ 29 ปีแล้ว แม้แฟนผีจะเห็นว่าเขาพลังไดนาโม วิ่งยังไงก็ไม่หมดถังได้ตลอด 90 นาทีก็จริง แต่มันก็มีข้อจำกัดอยู่ดี

เชื่อว่าเฟร็ดจะยังคงเป็นแกนของทีมต่อในระยะยุคแรกของเทน ฮาก แล้วสักประมาณปี 2024/25 ก็คงจะลาจากทีมไป

5. บรูโน่ แฟร์นันด์ส

คนนี้ไม่ใส่ชื่อมาไม่ได้ จริงๆแล้วถ้าไม่ได้จะเรียงตามตำแหน่งจากล่างขึ้นบน บรูโน่จะเป็น "ชื่อแรกสุด" ที่เราสามารถพูดได้เลยว่ายังไงเขาคือแกนหลักของทีมที่แท้ทรู กับตำแหน่งกัปตันทีมคนใหม่ ที่น่าจะได้ลุ้นชัวร์ๆว่าแกอาจได้ปลอกแขนตรงนี้แทนแฮรี่ แมกไกวร์ เพราะคุณสมบัติหลายอย่างเหมาะกว่ามากๆ ระยะหลังที่แฮรี่หายไป บรูโน่สร้างพลังงานตรงนี้ให้กับทีมได้ดี อันนี้คือเรื่องแรก

ส่วนในด้านของการเล่น บรูโน่เป็นผู้เล่นยุคใหม่ที่มีทั้งพลังงานเต็มถัง มีสปีดฝีเท้าที่รวดเร็ว สามารถทำหน้าที่ได้หลายอย่างมากๆ multitasking โคตรๆ ไม่ว่าจะเป็นเติมขึ้นไปเป็น Second Striker ยิงประตูให้ทีมด้วยตัวเองในกรอบประหนึ่งกองหน้าดีๆหนึ่งคน (10 ประตูในพรีเมียร์ลีก แม้อาจจะดรอปกว่าปีก่อน แต่ถ้าเทียบกับสัดส่วนแล้วก็ยังเยอะอยู่ดี)

ความสามารถในการปั้นเกมแบบเพลย์เมคเกอร์เบอร์10 แถมยังถ่างออกไปเล่นริมเส้นได้สบายๆเหมือนเป็นปีก ตำแหน่ง Advance Playmaker ของบรูโน่นั้นค่อนข้างหลากหลายเรื่องพื้นที่การเล่นอยู่แล้ว นี่ยังไม่รวมการเป็น "มิดฟิลด์เบอร์8" ที่ทุกวันนี้ลงมายืนต่ำเป็นเบอร์8 สาย Mezzala แบบเต็มตัวแล้วในบอลของรังนิคที่ต้องใช้การทำงานหลายๆอย่างมากกว่าแค่การปั้นเกม

ความหลากหลายและประโยชน์ในการเล่นของบรูโน่ แฟร์นันด์ส คือนักเตะที่ควรค่าแก่การคารวะ และเป็นสมบัติล้ำค่าของสโมสรมากๆ ยังไม่ต้องพูดถึงประสิทธิภาพการเล่นที่สร้าง "ตัวเลข" ให้ทีมได้อย่างแท้จริง ทั้งประตูและแอสซิสต์

ไม่ต้องพูดเยอะ ยังไงกัปตันคนใหม่ของเราก็รอแมนยูไนเต็ดอยู่ปีหน้าแน่นอน เชื่อว่าทีมในยุคที่มีกัปตันแบบเขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ๆ

6. เจดอน ซานโช่

ไม่เกี่ยวกับค่าตัวราว 73ล้านปอนด์ของเขา แต่เจดอน ซานโช่ แสดงให้เห็นคุณภาพการเล่นของนักเตะยุคใหม่ให้ได้เห็นครบแล้วสมัยอยู่ดอร์ทมุนด์ น่าเสียดายที่ปีนี้แมนยูไนเต็ดมีปัญหาค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของการเล่นในทีมที่ระบบการเล่นยังไม่สมดุล และมีปัญหาอยู่มาก ส่งผลกระทบต่อซานโช่ด้วยที่ทำให้ศักยภาพของเขาออกมายังไม่เต็มที่

แต่ถึงจะเล่นได้แค่ราวๆ 60-70% แต่แฟนผีก็สัมผัสได้แล้วแหละว่าหมอนี่ของจริงแน่นอน ดีพอจะยึดตัวจริงปีกซ้ายตัวรุกของทีมไปอีกนานหลายปีแน่ๆ แถมนี่ยังไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาด้วย

ยังไม่รวม potential ที่จะพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมอีกในอนาคตที่จะเก่งกว่าสมัยอยู่ดอร์ทมุนด์ซะอีก

ในบรรดาตัวผู้เล่นแมนยูไนเต็ดยุคปัจจุบัน ซานโช่คือคนที่น่าตื่นเต้นที่สุดแล้วว่า ร่างสุดยอดของน้องมันในอนาคตจะเป็นยังไง ที่แน่ๆมันพีคชัวร์ๆ เพราะในปีนี้มีปัญหาเยอะ และใช้การปรับตัว จูนตัวเองเข้ากับทีมอยู่ ก็ยังติดๆขัดๆ

ถ้าถึงเวลาที่กลายเป็นหนึ่งเดียวกับระบบใหม่ และพัฒนาตัวเองขึ้นไปแตะฟอร์มท็อปๆ แฟนผีเตรียมสะพรึงได้เลย ตัวนี้แหละจะกลายเป็นความหวังของแฟนผีต่อจากฮีโร่ในปัจจุบันได้แน่นอน

เบอร์ 7 รอเอ็งอยู่นะไอ้หนู ว่างๆลองไปขอสัมปทานล่วงหน้าจากพี่คนข้างล่างได้เลย

7. คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ในบรรดา 8 คนที่น่าจะเป็นผู้เล่นสำคัญของเอริค เทน ฮาก ในชุดที่หลงเหลืออยู่จากฤดูกาลที่สิ้นหวังนี้ ผู้เล่นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เหลือสัญญาต่ออีกหนึ่งปี ในวัย 37 ขวบ โด้น่าจะเป็น "แกนหลักระยะสั้น" เพียงคนเดียวจากบรรดาผู้เล่นในลิสต์นี้ เพราะอายุเยอะในระดับที่จริงๆแล้วเขาจะย้ายไปเก็บสถิติกับลีกเบาๆอย่าง ลีกเอิง ก็คงได้ ถ้าไปฝรั่งเศสหรืออเมริกาป่านนี้กดไป 50-60 ลูกแล้วมั้ง

แต่โรนัลโด้ ย้ายมาด้วยการรับรู้อยู่แล้วว่า แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยุคนี้ไม่ได้เป็นเต้ยเหมือนสมัยก่อนในคำรบแรกของเขา สมัยที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดูแลอยู่

ถ้าโด้อยากได้แชมป์หรือบัลลงดอร์จนตัวสั่นขนาดนั้นแกคงรับข้อเสนอทีมอื่นไปแล้ว คงไม่เลือกย้ายมาที่นี่

ดังนั้นจุดเริ่มต้นที่ค่อนข้างเคลียร์ ก็น่าจะบอกได้เหมือนกันว่าเขาคงจะอยู่ช่วยทีมต่อไปอีกหนึ่งปีจนครบตามระยะสัญญา จากนั้นก็น่าจะย้ายทีมเพื่อ "หาความท้าทายใหม่ๆ" ซึ่งนั่นอาจจะเป็นที่ไหนในโลกนี้ก็ได้

ยังไงก็ตาม เชื่อว่าโด้คงไม่เลือก "ช้อยส์ง่าย" ให้ตัวเองแน่

แต่ก่อนที่จะถึงตรงนั้น CR7 จะกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของเอริค เทน ฮาก แน่นอนในด้านของการใช้งานเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทีมมากที่สุด จากผลงานในฤดูกาลนี้ก็ค่อนข้างบ่งบอกชัดเจนแล้วว่า จุดแข็งที่สุดของโรนัลโด้ คือความสามารถในการเล่นแดนบนในพื้นที่สุดท้ายได้อย่างดีเยี่ยม จากคลาสบอลที่อยู่ในระดับสูงสุด และพลังทำลายในฐานะ "เครื่องจักรถล่มประตู" ยังครบถ้วนแบบ 100%

ถ้ามีทีมและระบบการเล่นที่ซัพพอร์ตเขา และสามารถสร้างโอกาสบุก โอกาสยิงได้อย่าง 'เหมาะสม' มากกว่านี้ โรนัลโด้จะยังทำประตูได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน เพราะยังไงก็ตาม คลาสบอลของคนเรามันเปลี่ยนไม่ได้ ต่อให้อายุจะเยอะขึ้น แต่ความฉลาดในการเล่นยังคงเดิม ถ้าเป็นแฟนบอลชาวไทยลองนึกย้อนไปถึงรุ่นเดอะตุ๊กสมัยที่เป็นนักเตะระดับซีเนียร์แล้วก็ได้ คลาสบอลยังเก๋าและเหนือชั้นอยู่เลย

ฤดูกาลที่ผ่านมาโรนัลโด้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว (ทั้งที่จริงๆไม่ต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วนะ) เพราะแกได้ชื่อว่าเป็น G.O.A.T ไปแล้ว การที่อายุเยอะขึ้นผลงานจะดรอปลงบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่โด้ก็ยังจะกดไปแล้ว 24 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ แบกทีมให้เด็กมันดูแบบเห็นๆว่ากูต่างชั้นกับนักเตะสามัญชนจริงๆ

ถ้าใช้งานได้ถูก เทน ฮาก จะมีตัวจบสกอร์ที่คมกริบเอาไว้ส่งลงสนามได้ตามความเหมาะสม บางนัดอาจเป็นสำรอง บางนัดอาจเป็นตัวจริง และบางทีถ้าได้หน้าเป้าคนใหม่เข้ามา โด้อาจจะมีพื้นที่ให้ตัวเองจบสกอร์ได้เยอะกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำหากมีคนค้ำตรงกลางในแดนหน้าแทนเขาไว้แล้ว

คำแนะนำที่ให้เอริค เทน ฮาก สร้างทีมขึ้นมารอบๆคริสเตียโน่ โรนัลโด้นั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินจริง

แต่เป็นสิ่งที่ควรทำ

8. แอนโธนี่ เอแลงก้า

นักเตะรายสุดท้ายที่ได้รับโควตาการคาดหมายจากเราว่า เขาน่าจะเป็นหนึ่งใน 8 คนแรกที่จะอยู่เป็นตัวผู้เล่นหลักของทีมที่กำลังจะสร้างใหม่ นักเตะพวกนี้คือมรดกของสโมสรจากในซีซั่นที่ล้มเหลว เอแลงก้า เป็นดาวรุ่งที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาดังกล่าวพอดี จากการให้โอกาสแบบเต็มๆของราล์ฟ รังนิค

แม้เอแลงก้าจะได้ลงสนามครั้งแรกในยุคโอเล่ แต่คนที่ให้โอกาสปั้นแบบเต็มๆจริงๆคือตาลุงราล์ฟนี่แหละ

เอแลงก้ามีทุกอย่างที่ "ฟุตบอลสมัยใหม่" ต้องการ นั่นก็คือพลังงานที่เต็มถัง ที่สนับสนุนการเคลื่อนที่ในปริมาณมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งบอลเพรสซิ่ง และเกมเคลื่อนที่ตลอดเวลาในการทำเกมบุกใส่คู่แข่ง

ลูกชายคนดีของโจเซฟ เอแลงก้า ยังมีเรื่องของ "สปีด" ในการเล่นที่อัดแน่นอยู่ในตัว ซึ่งสปีดที่ว่านี้ใช้ได้ทั้งเกมรุกและเกมรับ เกมรุกคงไม่ต้องบอกแล้วว่าการมีฟร้อนท์ทรีของทีมที่เร็วและคล่องมากๆ จะเป็นอาวุธสำคัญในการโจมตีคู่แข่งได้

ยังไงก็ตามฟุตบอลก็เป็นกีฬา และกีฬาส่วนใหญ่ก็จะวัดกันด้วยสมรรถภาพร่างกายอยู่แล้ว เอแลงก้ามีร่างกายที่ดีมาก ตรงนี้เราสามารถฝากความหวังได้

ส่วนทางด้านเกมรับ นอกจากพลังงานการไล่แล้ว สปีดต้นในการเคลื่อนที่เข้าหาบอลจังหวะเพรสซิ่งวิ่งบีบเร็วเข้าใส่คู่แข่ง ก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆเหมือนกัน

นักเตะที่สามารถเล่นได้ทั้งเกมรับ และเกมรุกแบบเขา ไม่ว่าโค้ชคนไหนก็ชอบแน่นอน ถ้าต้องการบอลระบบที่เน้นความเป็นทีมเวิร์ค แต่ถ้าอยากจะใช้ความสามารถเฉพาะตัวจัดๆขนาดนั้นเอแลงก้าอาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะเขาไม่ใช่นักเตะที่จะแบกการเล่นไว้ได้ด้วยตัวคนเดียว

แต่นี่แหละคือผู้เล่นที่ "เล่นเพื่อทีม" ขนานแท้ และนั่นคือการตัดสินใจที่เอริค เทน ฮาก จะใช้ในการเลือกนักเตะเข้าทีม ไม่ใช่จากความสามารถเฉพาะตัว แต่เป็น "การเล่นที่ประโยชน์ต่อทีม" ต่างหาก

เพราะเหตุผลนี้แหละที่ทำให้เอแลงก้าจะกลายเป็นตัวหลักของเทน ฮาก ต่อไปในอนาคต(อีกนาน)ชัวร์ป๊าดนิ่ม

ทั้งหมดนี้คือ 8 คน ที่มาจากยุคเก่าของเราซึ่งกำลังจะจบลงในซีซั่นนี้ เข้าไปผนวกกับการที่เทน ฮาก และรังนิค อยากจะได้ลูกเรือสัก 10 คนใหม่เข้ามา เพื่อที่จะหาทางพาทีมกลับไปคว้าแชมป์สมัยที่ 21 ให้ได้

8+10 = 21 คือสมการที่แฟนผีจะต้องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจนับจากนี้ว่า มันคือเป้าหมายที่เราต้องการ

แต่นอกเหนือจาก 8 คนนี้ ไม่ได้แปลว่านักเตะที่เหลือในทีมจะไร้ความสามารถ หรือหมดอนาคตไปเลย เพราะยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่ดีพอจะไปต่อกับทีมได้ เพียงแต่ว่า 8 คนนี้มีศักยภาพ และคุณสมบัติหลายๆอย่างที่แทบจะการันตีแล้วว่าจะเป็นตัวหลักของทีมแน่นอน

แต่รายชื่อต่อไปนี้ คือคนที่ยังมีลุ้นจะไปต่อได้เช่นกัน รวมถึงการขึ้นมายึดตำแหน่งจาก 8 คนดังกล่าวด้วย

ผู้เล่นอื่นที่น่าสนใจในลิสต์ที่ มีแนวโน้มว่าจะรอด ของเรายังมี "ฮันนิบาล เมจบรี" กลางรุกสารพัดประโยชน์ที่เก็บกระดูกผ่านเกมทีมชาติมาค่อนข้างเยอะในปีที่ผ่านมา สกิลทักษะ ฝีเท้า สภาพจิตใจที่พร้อมชนโคตรๆ ผมค่อนข้างเชื่อว่า แม่ทัพคาร์เธจจอมอำมหิตรายนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวผู้เล่นที่เอริค เทน ฮาก จะต้องชอบแน่นอน

"ดอนนี่ ฟานเดอเบค" คืออีกคนที่จะมีลุ้นมากๆในทีมเซ็ตต่อไปนี้ เราแค่ไม่ได้ใส่ชื่อ VDB มาให้ในลิสต์ 8 คนแรก เพราะต้องการจะยึดฟอร์มที่แท้จริงเป็นหลัก

ดอนนี่จะได้โอกาสจากเทน ฮาก แน่นอน ข้อนี้รับประกันและเชื่อใจได้ เพราะว่าเขาคืออดีตเจ้านายลูกน้องกันมาก่อนที่Ajax ทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แล้ว แต่ดอนนี่ย้ายมาเล่นในอังกฤษ ยังคงต้อง "พิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ" ว่าเขาจะสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นให้โดดเด่นและสร้างimpactให้กับทีมได้หรือไม่ อาจจะไม่ต้องถึงขนาดบรูโน่ แต่เขาต้องเด่นและชัดเจนกว่านี้ เหมือนอย่างที่เฟร็ดแสดงให้เห็นว่า เจ้าตัวมีอะไรจะมอบให้ทีมได้บ้าง

เราไม่ได้บอกว่า เฟร็ด เก่งกว่า ดอนนี่ แต่ดอนนี่ต้อง "ชัดเจน" กว่านี้ นี่คือปัญหาที่ต้องแก้ และต้องลุ้นน้องกันว่าจะไปต่อได้มั้ย

"เจมส์ การ์เนอร์" กับโอกาสที่ยังเหลืออยู่ในการพาฟอเรสต์เตะรอบเพลย์ออฟ เพื่อหาทางเลื่อนชั้นกลับมาพรีเมียร์ลีกให้ได้ หลังจากเมื่อคืนพลาดพ่ายให้กับบอร์นมัธ คู่แข่งแย่งอันดับ2 โดยตรงด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้บอร์นมัธเลื่อนชั้นออโต้ทันที และเจ้าป่ายังต้องไปลุ้นเกมเพลย์ออฟอีก

แต่ในส่วนของฟอร์มการเล่น การ์เนอร์คือ "แม่ทัพ" ของแท้ที่ฟอเรสต์ เขาบัญชาการเกม คุมตำแหน่งให้เพื่อน รักษาตำแหน่งตัวเอง ออกบอล คอนโทรลเกมได้อย่างดี นี่คือตัวแห่งอนาคตอย่างแท้จริงอีกคนที่รอติดทีมชาติอังกฤษต่อจากgenของพวกคาลวิน ฟิลลิปส์ เดแคลน ไรซ์ได้เลย

รายสุดท้ายที่ยังลูกผีลูกคนคือ "วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ" ที่ไม่แน่ใจว่าแกจะย้ายออกอะไรหรือไม่ เพราะเห็นโพสต์ที่เป็นลางไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดถึงบริบทการเล่นยุคเทน ฮาก บอลของเขาจะเหมาะกับลินเดอเลิฟแน่นอนในฐานะกองหลังตัวball-playing ที่มีอิสระในการเล่นสูงๆ เพราะลินเดอเลิฟสามารถเติมแกจากแนวหลังได้ไม่ต่างจากพวกสโตน หรือ ดิอาสของซิตี้ในยามจำเป็น เรื่องความเข้าแก๊ป ลินเดอเลิฟก็น่าสนใจ แต่ต้องดูว่าสุดท้ายแล้วเขาจะอยู่กับทีมต่อหรือไม่

ตัวที่ว่ามาด้านบนดูจะมีภาษีขึ้นมาอีกหน่อย รองลงมาจาก 8 คนแรก ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆนอกเหนือจากนี้ก็ถือว่ายังไม่มีอะไรชัดเจนหรือแน่นอน มีเรื่องให้ต้องกังวลทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น "ดิโอโก้ ดาโลต์" ที่ฟอร์มการเล่นระยะหลังออกทะเลไปเยอะ เกมรับไม่ดี เกมรุกก็ยังไม่ชัดเจน

ดีกว่าวานบิสซาก้าเยอะ แต่ถามว่า "ดีพอ" หรือยังสำหรับดาโลต์ ก็ยัง และมีแนวโน้มว่าทีมอาจจะมีการนำเข้าแบ็คขวาคนใหม่เข้ามาด้วย ตัวเลือกเยอะไม่ว่าจะเป็น แม็กซ์ อารอนส์(นอริช) / เดเฟน เรนส์ (อาแจ็กซ์) / เจด สเปนซ์ (ฟอเรสต์) รวมถึง จูเรียน ทิมเบอร์ (อาแจ็กซ์) เข้าไปด้วย

อนาคตของดาโลต์ไม่แน่นอน ถ้ายังไม่รีบอัพเกรดตัวเองก็มีสิทธิ์หลุดเป็นสำรอง รวมถึงอาจจะโดนปล่อยตัวก็เป็นได้ แต่ด้วยความที่อายุแค่ 22 ปี แฟนผีอาจเข้าใจว่ามันอายุเยอะแล้ว จริงๆเพราะน้องขึ้นมาตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้แฟนบอลคิดว่านักเตะเริ่มโตแล้ว อายุแค่นี้ถือว่ายังปรับปรุงพัฒนาได้อีกเยอะ

ต้องรีดเร้นฟอร์มหน่อย เพราะทุกวันนี้เล่นผิดพลาดบ่อยเกินไป ยังหวังว่าทำได้

"แบรนดอน วิลเลี่ยมส์" มีความมุ่งมั่นที่จะกลับมาทวงตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่เขายังเป็นรองนักเตะที่ครองตำแหน่งนี้อยู่ โดยเฉพาะลุค ชอว์ และรวมถึง "อเล็กซ์ เตลีส" ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะแม้ฟอร์มจะตกไปบ้าง แต่อาวุธลูกครอส การวางบอลของเขายังช่วยทีมได้อีกเยอะ เป็นอีกคนที่เทน ฮาก น่าจะใช้งานได้

"อามัด เดียโล่" กับ "ฟาคุนโด้ เปลญิสตรี" สองดาวรุ่งปีกขวาธรรมชาติของทีม หนึ่งในสองคนนี้คาดว่าน่าจะได้กลับมาเป็นตัว rotation ในตำแหน่งปีกขวาให้ทีมเราปีหน้า เพื่อผนึกกำลังกับปีกตัวใหม่ที่อาจถูกซื้อเข้ามาเสริมทีม

จากทรงแล้ว อามัด เดียโล่ แม้ปีนี้จะเจ็บเยอะ ได้ลงกะปริบกะปอยมากๆ แต่ก็ยังดูดีกว่า ฟาคู พอสมควรในแง่ของประสบการณ์บอลยุโรปจากหลากหลายลีก และฝีเท้าที่ดีพอตัว อามัดน่าจะไปต่อได้

ฟาคูค่อนข้างน่าห่วง ปีนี้ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไร แต่เขาแทบไม่ได้ลงสนามให้กับอลาเบสเลย หลุดไปเป็นสำรองถาวร แถมไม่ได้ส่งลงสนามด้วย มากสุดก็ 30 นาที อันนี้น่าเป็นห่วงจริงๆ

ถ้าวัดกันแล้ว นักเตะที่กลับมาอย่าง "ตาฮิธ ชอง" ยังดูใกล้เคียงกว่าฟาคูเลยในเรื่องของกระดูกและการลงสนาม ชองเองก็อาจจะได้โอกาสในการเล่นกับเทน ฮากก็ได้ในฐานะสายบอลดัตช์เหมือนกัน

"อันเดรส เปเรร่า" เคยมีข่าวว่าเทน ฮาก สนใจจะดึงกลับมาร่วมงาน และ John Murtough ไปแจ้งให้เขาระงับการย้ายทีมถาวรไปอยู่ฟลาเมงโก้ก่อน แล้วรอคุยกับเทน ฮาก ในฐานะอดีตเจ้านายกับลูกน้อง ยุคที่เปเรย์ร่ายังเป็นดาวรุ่งของ PSV Eindhoven ซึ่งก็เป็นเส้นทางการเป็นโค้ชในระยะ 5 ปีแรกของเทน ฮากด้วย

เมื่อรวมกับสามนักเตะที่ตามข่าวว่ากันว่า "รอประเมิน" อย่างแมกไกวร์ แรชฟอร์ด และ วานบิสซาก้า ตัวผู้เล่นที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมด เมื่อรวมกับ 10 ตัวใหม่ มันจะพอดีกันกับขนาดทีมที่ควรจะมี ราวๆ 23-25 คนพอดี

( 18 ไม่รวมโด้ บวกกับอีก 5 ตัว คือการเผื่อเอาไว้ให้ดาวรุ่งที่จะขึ้นมาอย่าง การ์นาโช่ แม็คนีล อิซัค อัลวาโร่ ฯลฯ พวกนี้ รวมกับพวกที่น่าจะรอดแน่ๆอย่าง ฮันนิบาล การ์เนอร์ ดอนนี่ ทีมมันก็จะได้จำนวนที่เหมาะสมพอดี เมื่อเติมตัวใหม่ๆเข้าทีมมาอีกราวๆ 10 คน ขนาดของทีมก็จะอยู่ราวๆนี้นี่แหละ)

ในลิสต์ที่ว่ามานี้ นักเตะหลายๆคนถูกตัดออกจากสารบบการวิเคราะห์ไปก่อน(เบื้องต้น) เพราะเรายังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ที่แน่ๆนักเตะอย่างมาร์กซิยาล คงผลักดันตัวเองย้ายออกแน่ๆ เช่นเดียวกับ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่ต้องการตำแหน่งตัวจริงเช่นกัน คงต้องติดตามกันต่อไป แต่มันคงจะเป็นทีมใหม่ที่แฟนผีไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างแน่นอนในปีหน้า

นักเตะที่มีอยู่ หลายๆคนอาจจะดีแค่ในระดับที่เป็น "อะไหล่" ให้ทีมได้เท่านั้น แต่อะไหล่ก็ใช่ว่าจะไม่สำคัญ ถ้านึกย้อนไปยุคป๋า นักเตะพวก เงาะ เฟล็ทเชอร์ โอเชีย ซิลแวสตร์ เวส บราวน์ พวกนี้สำคัญกับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากๆในฐานะตัวหมุนเวียนที่ใช้งานได้ดีในหลายตำแหน่ง และพวกนี้เล่นเพื่อทีมด้วย

คุณค่าของอะไหล่ มีปัญหาในยามที่อุปกรณ์หลักชำรุด ในสถานการณ์แบบนั้นแหละที่ทีมต้องการความช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นแล้ว นักเตะเหล่านี้สำคัญทุกตัว และทุกคนจะต้องรวมกันเป็นทีม

ไม่มีสตาร์ ไม่มีใครจะต้องแบกทีมอีกต่อไปในปีหน้า ทุกคนต้องช่วยกันทำงานกันด้วย "ทีมเวิร์ค"เท่านั้น

ได้ตัวใหม่คุณภาพเยี่ยมมาครบ 10 คนในทุกจุดสำคัญที่เราต้องอัพเกรดเมื่อไหร่ เดี๋ยวรู้กัน

-ศาลาผี-

References

https://strettynews.com/2022/05/03/erik-ten-hag-identifies-eight-man-core-at-manchester-united/?utm_source=rsn&utm_medium=rsn&utm_campaign=gac0085

https://strettynews.com/2022/04/26/andreas-pereira-might-have-future-at-united-under-ten-hag/

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด