:::     :::

เฟเด บัลเบร์เด้ : มันไม่คุ้มค่าที่จะไปถึงนัดชิงชนะเลิศ...แล้วแพ้

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เฟเด บัลเบร์เด้ (มอนเตวีเดโอ,22 กรกฏาคม 1998) , กำลังจะได้สัมผัส ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไฟนั่ล ครั้งแรกในชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นความฝันของเจ้าหนุ่มอุรุกวาโย่เลย บัลเบร์เด้ ถือเป็นหนึ่งในอนาคตของ เรอัล มาดริด นอกจากนี้แล้ว เมื่อดูจากผลงานในสนาม,ทุ่มเทที่มอบให้กับสโมสร ยังทำให้เขาถูกแฟนๆมองว่าอีกไม่ช้าไม่นาน เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำของทีมอย่างไม่ต้องสงสัย นับจากวันแรกที่ย้ายมาในฐานะลูกนกตัวเล็กๆ วันนี้ บัลเบร์เด้ ปีกกล้าขาแข็งกำลังจะกลายเป็นเหยี่ยวที่พร้อมโผบินอย่างเต็มตัวแล้ว เราไปพูดคุยกับเขากันเลยดีกว่า

ถาม : คิดถึงการกลับไปที่บ้านพร้อมกับใบหน้าที่เปรอะไปด้วยโคลนบ้างหรือเปล่า ? 

บัลเบร์เด้ : แน่นอน, นั่นเป็นสิ่งที่สวยงามที่นักเตะฟุตบอลจะมีได้ในชีวิตของเขา ผมอาจจะประสบความสำเร็จ หรือได้ถ้วยแชมป์มากมาย ทั้งกับ เปนญารอล กับทีมชาติ หรือกับ เรอัล มาดริด แต่ว่าช่วงชีวิตในวัยเด็กที่ได้เล่นกับเพื่อนๆ ได้สนุกกับการเล่นฟุตบอลข้างถนนด้วยกันนั้น มันเป็นสิ่งที่ยากจะนำมาเปรียบเทียบ 


ถาม : คุณคิดว่าการที่คุณเติบโตจากจุดนั้นมีส่วนหลอมรวมให้คุณเป็นนักเตะอย่างทุกวันนี้หรือเปล่า ?

บัลเบร์เด้ : อาจเป็นเช่นนั้น แต่ว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ผมเป็นผมอย่างทุกวันนี้นั้นมาจากพ่อกับแม่ พวกเขาเป้นคนที่ทำให้ผมเห็นถึงคุณค่าของการเติบโต คุณค่าของสนามฟุตบอลที่มาจากพ่อผม , ความช่วยเหลือจากพี่น้องทั้ง 3 คนของผม ทุกๆอย่างคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ผมก้าวมาอยู่ในจุดที่ผมยืนอยู่วันนี้ 


ถาม : ตอนที่คุณอยู่กับ เปนญารอล คุณอยู่ทีมเดียวกับ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ไอดอลของคุณด้วย อะไรคือคำแนะนำสำคัญที่คุณได้รับจากเขา ?

บัลเบร์เด้ : มากมายเลย, สำหรับผมแล้วมันเหลือเชื่อมากที่ตอนผมเลื่อนขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่แล้วได้เจอกับเขาพอดี เขาย้ายมา เปนญารอล เป็นปีแรก มันเป็นสิ่งที่หาไม่ได้อีกแล้ว ผมได้เห็นเขาฝึกซ้อม,ทำงาน, เขาเป็นคนแรกๆที่มาถึงสนามซ้อม และเป็นคนสุดท้ายที่เดินออก 

ฟอร์ลัน ประสบความสำเร็จมากมายหลายอย่าง แต่เขายังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพว่ามันเป็นอย่างไร ตอนนั้นผมพยายามที่จะเรียนรู้จากเขาในทุกๆการซ้อม เขามีทัศนคติที่ดีต่อผมอย่างมาก และผมจะจดจำเขาตลอดไป 



ถาม : ด้วยวัย 18 ปี คุณย้ายมา เรอัล มาดริด เราเดาว่ามันคงไม่มีอะไรง่ายเลยสำหรับเด็กหนุ่มอายุน้อยขนาดนั้นที่ต้องแยกจากพ่อแม่ และเปลี่ยนแปลงชีวิตชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ?

บัลเบร์เด้ : ตอนนั้นมันยากมาก ผมมาที่ เรอัล มาดริด และมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้กับชีวิตของผม แต่ว่ามันก็ยากมากๆเช่นกัน 

มองไปที่เรื่องครอบครัว ผมต้องมาที่สเปนโดยไม่มีพ่อแม่มาด้วยโดยที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยแยกกับพวกเขาเลย มันเป็นความรู้สึกที่แปลก เพราะว่ามันความสุขที่ได้ย้ายมายังสโมสรแห่งนี้ แต่ว่าอีกด้านนึงมันก็เศร้าที่ต้องจากพ่อกับแม่และพี่น้องของผมมา 

 

ถาม : เฟเด บัลเบร์เด้ เป็นผู้เล่นของ เรอัล มาดริด ตรงจุดไหน ?

บัลเบร์เด้ : ผมยังต้องพยายามเติบโตต่อไป ผมยังต้องเป้นผู้ใหญ่ให้มากขึ้น แต่ละวันที่ผ่านไปมีความสำคัญอย่างมากทั้งในและนอกสนาม ในแง่ของร่างกาย,การกินอาหาร,ระดับของความคิด...ผมรู้ว่าผมยังต้องเรียนรู้อีกมาก เพราะผมอยู่ที่นี่ และพยายามที่จะสอดแทรกเข้าเป็น 11 คนแรกของทีม นั่นคือเป้าหมายของผม 


ถาม : ตอนไหนที่คุณมองว่า ลา ลีกา คงไม่หลุดไปจากมือคุณแน่ ?

บัลเบร์เด้ : ที่ ซานเชซ ปิซฆวน , วันนั้นเรารู้ว่าถ้าเราไม่ชนะ ไม่ได้ 3 แต้ม บาร์เซโลน่า มีโอกาสขยับแต้มเข้ามาใกล้เรามากยิ่งขึ้น วันนั้นคือวันสำคัญ

ผมคิดว่านอกจากเราจะได้ชัยชนะในวันนั้นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อคู่แข่งลุ้นแย่งแชมป์กับเราด้วย มันทำให้พวกเขาฟอร์มตกลงไป  นั่นแหละคือวันที่เราขยับคว้าแชมป์ไปครึ่งใบ และสร้างแรงจูงใจให้กับเราว่าเราสามารถเดินไปสู่ตำแหน่งแชมป์ได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้ 


ถาม : เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลา ลีกา ก่อนจบฤดูกาลถึง 5 นัด จุดนี้ทำให้คุณรู้สึกเหนือกว่าอย่างมากใช่หรือเปล่า ?

บัลเบร์เด้ : ไม่, ไม่มีแบบนั้นเลย ผมคิดว่านี่คือ ลา ลีกา ที่ยากมาก ใน เบร์นาเบว เราสามารถที่จะสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งบ้างเล็กน้อย แต่ในฐานะทีมเยือนแล้ว พวกคู่แข่งนั้นทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขาเเข็งแกร่ง และพยายามมองหาชัยชนะ เป็นความจริงที่เราเล่นด้วยความได้เปรียบตลอดทั้งฤดูกาล และชัดเจนว่ามันทำให้เราไม่รู้สึกกดดันมากนัก 

ถาม : การเล่นเคียงข้างกับ โมดริช เป็นอย่างไรบ้าง ?

บัลเบร์เด้ : เหลือเชื่อ, นับเป็นเกียรติที่ได้เห็นเขาเล่น เป็นเกียรติที่ได้มีเขาเป็นเพื่อนร่วมทีม และเป็นเกียรติที่ได้เห็นเขาทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตราสัญลักษณ์นี้ ผมเล่นมุกตลกกับเขาเสมอๆ ว่าผมไม่รู้ว่าผมจะเป็นอย่างไรเมื่อตอนอายุเท่าเขาและต้องลงเล่นเกมมากมายแบบนี้ ผมรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวทุกครั้งหลังจบเกม และผมคิดว่าเขาคือแบบอย่างของพวกเราทุกคนในการเป็นตัวแทนของสโมสร 




ถาม : มิดฟิลด์ตัวกลาง,มิดฟิลด์ทางขวา,แบ็ก,มิดฟิลด์ตัวรุก,ปีกขวา ต่างเป็นตำแหน่งที่คุณถูกส่งลงเล่นมาหมดแล้วใน เรอัล มาดริด ตำแหน่งไหนที่คุณถนัดที่สุด อย่าบอกเรานะว่าตำแหน่งไหนก็ได้ที่เทรนเนอร์ส่งคุณลงไปเล่น ? 

บัลเบร์เด้ : ตำแหน่งแบ็ก ผมแน่ใจว่าไม่ใช่, ทุกๆบทบาทในแดนกลางข้างใน ไม่ว่าจะเป็นหมายเลข 6 หรือเล่นสูงกว่านั้น ผมชอบหมด ผมคิดว่าตรงนั้นผมสามารถแสดงคุณภาพของตัวเองออกมาได้,คุณภาพของร่างกายที่แข็งแกร่งของผม ที่พร้อมจะเล่นเกมรุก และวิ่งกลับไปเล่นเกมรับ ผมคิดว่าผมเกิดมาพร้อมกับสิ่งนี้ มันเป็นธรรมชาติของผม ตำแหน่งแถวๆนั้น ทำให้ผมสามารถช่วยทีมได้มากขึ้น


ถาม : คุณอธิบายให้เราฟังหน่อยได้มั๊ยว่า เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกมาได้ยังไง ทั้งๆที่มีหลายครั้งหลายหนที่ใกล้เคียงจะตกรอบ ไม่ว่าจะเป็นเกมกับ เปแอสเช,เชลซี หรือ ซิตี้ ?

บัลเบร์เด้ : มันยากที่จะอธิบาย, แต่ชัดเจนว่าสิ่งแรกก็คือต้องขอบคุณแฟนๆของเรา ตอนที่ดูเหมือนว่าเราจะแพ้ และเรามองไม่เห็นช่องว่าง ทีมไม่อยู่ในช่วงเวลาที่ดี ที่ตรงนั้นแฟนบอลของเขาจะคอยช่วยเหลือเราเสมอ 

สิ่งนี้เป็นพลังบวกให้กับเรา และเป็นพลังานที่เราไม่สามารถอธิบายได้ มันไม่มีอะไรซับซ้อน เราแค่ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆ ตราบใดที่เกมยังไม่จบ กรรมการยังไม่เป่านกหวีดหมดเวลา เราจะสู้จนถึงนาทีสุดท้าย 

 

ถาม : อะไรคือความลับ ? ADN ของเรอัล มาดริด ยังงั้นหรือ ?

บัลเบร์เด้ : มันคือสปิริต จากแฟนบอล,จากตราสัญลักษณ์ของสโมสร,จากนักเตะแต่ละคนที่อยู่ในสนามเพื่อต่อสู้และปกป้องสโมสรของเรา ไม่ว่าตอนนั้นเราจะนำอยู่,เสมอหรือว่ากำลังตามหลัง เราจะมองหาเป้าหมายคือชัยชนะอยู่เสมอ แะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เกิดข้อแตกต่างจากคนอื่นๆ 


ถาม : มีสักช่วงเวลามั๊ยที่คุณคิดว่า “มันจบแล้ว พวกเขากำลังเขี่ยเราตกรอบ” ?

บัลเบร์เด้ : มี, เกมที่ชัดเจนที่สุดก็คือเกมกับ ซิจี้ มันยากมากจริงๆที่จะเกิดอะไรแบบนั้นอีกในช่วงนาทีที่ 89 , พวกเราตามหลังและกำลังจะแพ้  มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยครั้งมากในชีวิตคนเรา 


ถาม : คิดมั๊ยว่าคู่ต่อสู้พวกเขากลัว เรอัล มาดริด ?

บัลเบร์เด้ : ใช่ ผมรู้สึกเช่นนั้น ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความกลัวหรือเปล่า แต่เป็นความกดดันอย่างแน่นอนซึ่งมาจากแฟนบอลในสนามที่สร้างขึ้นมา 

นอกจากนี้เรื่องของผลการแข่งขันที่ผ่านมาก็มีผลด้วยเช่นกัน พวกเขารู้ดีว่ากำลังเผชิญหน้ากับ เรอัล มาดริด ทีมที่สามารถทำอะไรให้เกิดขึ้นก็ได้  และเมื่อใดก็ตามที่ทีมสต๊าฟ,ทีมและแฟนบอลเชื่อมต่อถึงกัน มันเหมือนสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มันคือจุดที่ทำให้คุณสามารถยิงประตู หรือบุกขึ้นไปข้างหน้าได้มากขึ้นอีก


ถาม : คุณรู้สึกหงุดหงิดมั๊ยที่มีคนพูดว่า เรอัล มาดริด มาถึงจุดนี้ได้เพราะโชคช่วย ?

บัลเบร์เด้ : ถ้าผมบอกกับคุณว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีโชคเข้ามาผสมเลยผมคงโกหก เราต้องมีโชคอยู่ด้วยเสมอ คุณต้องมองหาโชคนั้น คุณต้องมองหาเป้าหมายที่คุณต้องการ และพยายามทำมันไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย โชคเข้าข้างเราใน 3 เกมของ แชมเปี้ยนส์ลีกเพราะมันมีสิ่งที่ไม่เหมือนใครเกิดขึ้น

ถาม : คุณเคยมียุคที่เป็นแฟนบอลของ ลิเวอร์พูล ด้วย ในยุคสมัยของ หลุยส์ ซัวเรซ มาตอนนี้คุณคิดว่าคนอุรุกวัยหันมาเชียร์ เรอัล มาดริด มากขึ้นหรือเปล่า ?

บัลเบร์เด้ : แน่นอน ที่ อุรุกวัยมันเป็นเรื่องปกติเลย พวกเราสามารถได้ยินว่ามีแฟนบอลที่เชียร์ทีมแตกต่างกันในอุรุกวัย แต่ว่าหากพูดถึงเรื่องทีมชาติ หรือนักเตะอุรุกวัยในลีกต่างประเทศ ก็จะมีคนอุรุกวัยให้การติดตามและเอาใจช่วยเสมอ เราพยายามที่จะให้กำลังใจในทุกๆที่ที่นักเตะอุรุกวัยลงเล่น และผมเองก็มีแฟนบอลอุรุกวัยที่คอยเอาใจช่วย ซึ่งผมรู้สึกขอบคุณมาก 




ถาม : ซาลาห์ นักเตะลิเวอร์พูลพูดว่าเขาอยากเจอกับ เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศมากกว่า แมนฯซิตี้ คำนี้สร้างแรงกระตุ้นให้กับคุณหรือเปล่า ?

บัลเบร์เด้ : แน่นอน , ทุกคนสามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผมเป็นคู่ต่อสู้เขา และมันเหมือนเป็นการดูถูกตราสัญลักษณ์ของเรอัล มาดริด และนักเตะมาดริด สิ่งเดียวที่เราต้องทำก็คือเล่นให้ดีที่สุด พยายามแสดงให้เห็นในนัดชิงชนะเลิศ และหวังว่าเราจะสามารถมอบถ้วยอีกใบให้กับแฟนๆของเราได้


ถาม : นี่จะเป็นนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในชีวิตคุณ คุณรู้สึกยังไง ?

บัลเบร์เด้ : อันดับแรก ผมไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะมายืนอยู่ในจุดนี้ ก่อนหน้านี้ผมกับเพื่อนๆบางส่วน พวกเรายังคุยกันถึงนัดชิงระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ มิลาน อยู่เลย ซึ่งเกมนั้นผมดูกับพ่อ และมาวันนี้ ผมได้เข้าชิงเอง 

การได้เล่นให้กับ เรอัล มาดริด มันคือความฝัน และว่าผมไม่เคยคิดว่าจะได้ลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกเลย กับเป้าหมายตอนนี้ก็คือต้องคว้าชัยชนะ ถ้าไม่ ก็คงไม่คุ้มค่าอะไรที่คุณอุตส่าห์เดินมาไกลถึงจุดนี้ 


ถาม : เมื่อหลายปีก่อน คำพูดของคุณกลายเป็นไวรัลที่บอกว่า “ผมจะวิ่งจนกว่าขาจะหัก” คุณรู้หรือเปล่าว่านั่นเป็นสปิริตนักฟุตบอลที่ เรอัล มาดริด ชอบมาก ?

บัลเบร์เด้ : ผมเกิดมาเพื่อพูดอะไรแบบนี้ มันคือแนวทางการเล่นฟุตบอลของผม แนวทางในการแสดงให้เห็นว่าเพราะอะไรผมถึงมาอยู่กับ เรอัล มาดริด นอกจากการวิ่ง ผมยังมีคุณภาพในด่านเทคนิค,การเล่นเกมรุก-เกมรับ รวมอยู่ในตัวด้วย 

ก็เหมือนที่ผมเคยพูดไปหลายครั้งว่า บางครั้งตอนที่ขาของคุณทำให้หัวใจคุณแทบจะวาย แต่ในหัวของคุณยังคงต่อสู้ต่อไป คุณกำลังต่อสู้เพื่อสโมสรที่ดีที่สุดในโลก เช่นนี้คุณต้องปกป้องมันด้วยเกียรติทั้งหมดที่คุณมี


ถาม : ทำไม บัลเบร์เด้ ถึงดูเหมือนยิ่งมีพลังเพิ่มมากขึ้นในตอนท้ายเกม ?

บัลเบร์เด้ : ผมคิดว่ามันคือส่วนนึงที่ผมสามารถแสดงให้เห็นได้ จากคถณภาพของผม ผมมีสภาพร่างกายที่ดีมาก ผมทำงานหนักเพื่อให้มันเป็นเช่นนี้ ผมกินอาหารที่ดี พักผ่อนอย่างเต็มที่ถูกวิธี จัดการความคิดของตัวเองดี ผมรู้สึกดีกับร่างกายของตัวเอง มันเป็นความจริงผ่านเวลาไปมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น ด้วยพลังงานที่มากกว่าเดิม และพยายามใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด 


ถาม : อะไรคือสิ่งที่ เฟเด ยังขาดเพื่อให้เป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้น ? ยิงประตูให้มากขึ้นงั้นเหรอ ?

บัลเบร์เด้ : ใช่ การยิงประตูคือการช่วยเหลือทีมในอีกรูปแบบนึง การทำงานของผมเหมือนการซ่อนอยู่ในมุมมืด บางครั้งคนไม่ค่อยเห็นมากนัก ผมอยากที่จะช่วยทีมด้วยการยิงประตู กับแอสซิสต์ ให้มากกว่านี้ ขยับเข้าไปในกรอบเขตโทษได้บ่อยขึ้น เฉียบขาดขึ้น แม้ว่า ณ วันนี้ผมยังประสบการณ์น้อย ผมยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในทุกๆวัน 


ถาม : ที่บ้านคุณมีห้องไว้สำหรับเล่นเกมเพลย์โดยเฉพาะเลย นั่นเพราะคุณอยากที่จะหนีจากความกดดันของนักฟุตบอลใช่หรือเปล่า ? 

บัลเบร์เด้ : ใช่ บ่อยครั้งผมเล่นเกมหลังจากที่ลูกชายผมหลับแล้วและใช้เวลาช่วงกลางวันกับครอบครัวไปแล้ว บางครั้งผมถือโอกาสตอนที่ภรรยาหลับ หรือหนีออกมา ผมล้อเล่นน่ะ (หัวเราะ) 

มันเป็นช่วงเวลาที่บางครั้งเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง การเดินทางทำให้คุณเหนื่อยล้า และการเล่นเกมก็ยังเป็นช่องทางที่ทำให้คุณได้ติดต่อกับเพื่อนๆ ได้แบ่งปันช่วงเวลา เสียงหัวเราะ และทำให้คุณลืมเรื่องฟุตบอลไปได้ชั่วขณะ ให้คุณได้ผ่อนคลายจากความเครียด และความประหม่า มันคือการตัดขาดจากสิ่งเหล่านี้ชั่วขณะ 




ถาม : คุณเล่นฟุตบอลกับ เบนิซิโอ ลูกชายของคุณด้วยทั้งๆที่เขายังเล็กมาก คุณรับปากได้มั๊ยว่าวันนึงคุณจะยอมให้เขาชนะบ้าง ?

บัลเบร์เด้ : ไม่, คนที่เก่งกว่าก็ต้องเป็นฝ่ายชนะซิ, ถ้าเขาชนะ ผมก็ยินดีด้วย แต่ผมจะพยายามเล่นเพื่อเอาชนะ ผมคิดว่าแบบนี้มันคือการหล่อหลอมให้คุณเป็นนักสู้เพื่อชัยชนะ คุณจะต้องมุ่งไปยังเป้าหมายเพื่อชัยชนะเสมอ ผมชอบที่จะชนะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับเวลาเล่นกับลูกชาย 


ถาม : แล้ว เฟเด บัลเบร์เด้ เป็นอย่างไรเมื่อพ่ายแพ้ ? มันยากที่จะเลิอกคิดเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ หรือความโกรธจะอยู่กับคุณนานมั๊ย หากว่าต้องแพ้ ? 

บัลเบร์เด้ : ผมได้เรียนรู้มากมายในข้อนี้ ก่อนหน้านี้มันเจ็บปวดมาก สำหรับผมความพ่ายแพ้นั้นเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตผม บางครั้งตอนที่แพ้ผมทิ้งชีวิตประจำวันของผมไปเลย ทั้งการพูดคุยกับภรรยา หรือแบ่งปันรอยยิ้มกับลูกชาย นั่นเพียงเพราะผมแพ้ 

บางครั้งเราก็ต้องนำความพ่ายแพ้มาเป็นบทเรียน ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้น ผมต้องใช้เวลาคิดทบทวน ในทุกวันนี้ผมยังเจ็บปวดทุกครั้งที่พ่ายแพ้ แต่ผมรับมือกับมันด้วยรูปแบบที่ต่างออกไปจากเดิมผมดีขึ้นมาก ผมรู้ว่าตัวเองยังมีอะไรให้ต้องพัฒนาอีกเยอะ 

ถาม : อะไรที่ทำให้ อาซาโด้ (บาร์บีคิวแบบละติน) มันพิเศษมากสำหรับพวกกอุรุกวาโย่ ?

บัลเบร์เด้ : ทุกอย่าง ช่วงเวลาที่ได้แบ่งปันร่วมกับครอบครัว ร่วมกับเพื่อนฝูง ได้ดูลูกชายของผมขโมยเนื้อ หรือ โชรีโซ่ (ไส้กรอกสไตล์สเปนและละติน) ไปกิน มันตลกมาก แต่มันจะพิเศษก็ต่อเมื่อคุณทำมันกับคนที่คุณรักเท่านั้น 

 

ถาม : ฟุตบอลโลกที่ กาตาร์ กำลังจะกลับมาแล้ว ตอนนี้ อุรุกวัย ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ?

บัลเบร์เด้ : ผมลงเล่นให้กับประเทศของผมมาแล้ว แต่ฟุตบอลโลกนั้นเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป มันชัดเจนว่าเราจะมุ่งไปสู่การคว้าแชมป์โลก ถ้าผมพูดกับคุณในแบบอื่น ผมคงโกหกคุณ

ส่วนตัวแล้วผมต้องการทำให้ดีที่สุด แบกทีมเอาไว้อยู่บนบ่า เพราะผมรู้สึกว่าผมสามารถที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวผมให้กับทีมได้ ดังนั้นผมจำเป็นต้องทำทุกอย่าง 


เจมส์ ลา ลีกา 

แปล&เรียงเรียง



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด