:::     :::

โจนาธาน วู้ดเกต กับความเจ็บปวดในเส้นทางลูกหนัง

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2565 คอลัมน์ สนามเด็กเล่น โดย เสือเตี้ย
875
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เส้นทางอาชียของ โจนาธาน วู้ดเกต ไม่ใช่แค่สมัยเป็นนักเตะแต่รวมถึงในวันที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมเจอกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส

         และเดือนนี้กำลังจะครบรอบ 2 ปีกับความเจ็บปวดขั้นสุดเมื่อเจ้าตัวโดนปลดจากตำแหน่งกุนซือของสโมสรอันเป็นที่รักอย่าง มิดเดิ้ลสโบรช์ หลังจากที่คุมทีมได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น

         สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2019/20 เมื่อ "โบโร่" ไม่ชนะใคร 13 เกมติดต่อกันและทำให้ทีมหล่นไปอยู่ในโซนตกชั้นด้วยผลต่าง-ประตูที่เป็นรองคู่แข่ง

         จากจุดสูงสุดที่ได้เป็นโค้ชกับสโมสรในวัยเด็ก กลับโดนโดนไล่ออก ถือเป็นเวลาที่โดดเดี่ยวและสิ้นหวังอย่างที่สุดสำหรับอดีตกองหลังคนดังรายนี้


         "วันที่ 23 มิถุนายน - นั่นคือวันที่ชัดเจน" วู้ดเกต เผยผ่านทางสปอร์ตเมลระหว่างเปิดตัวพ็อดคาสต์ Under the Surface รุ่นที่สอง โดยมี Original Penguin ที่คอยสนับสนุน CALM (แคมเปญต่อต้านการใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ยาก)

         "ผมไม่มีวันก้าวข้ามวันนั้นไปได้เลย มันยากเหลือเกิน เราเจอกับสถานการณ์โควิดในตอนนั้น ผมพบวันมันยากเพราะมันคือสโมสรบ้านเกิดของคุณและคุณรู้สึกว่าทำใผ้ทุกคนผิดหวัง คุณอาจจะถูกชำแหละเป็นสัปดาห์และคุณต้องใช้ชีวิตกับมัน - ฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาและเดินหน้าไปยังแผนต่อไป"

         "ถ้าคุณมัวแต่คิดวนไปวนมาว่าอะไรผิดพลาดและอะไรที่คุณทำได้ดีกว่านั้น มันจะยิ่งแย่ลงสำหรับตัวคุณเอง คุณรู้สึกว่ามันยาก แต่คุณต้องก้าวต่อไปให้เร็วที่สุด"

         นีล วอร์น็อค เข้ามาทำงานแทน วู้ดเกต และพาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ ในขะที่อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวแม้ว่าช่าวตกงานจะทำร้ายจิตใจลูกชายซึ่งเป็นแฟนตัวยงของ มิดเดิ้ลสโบรช์ ก็ตาม


         "สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือครอบครัวและลูกๆของผมก็ไม่ได้ไปโรงเรียน มันเป็นเรื่องของเด็กๆทั้งหมด และผมดีใจที่พวกเขาไม่ต้องไปโรงเรียนเพราะมันอาจจะมีการล้อเลียนเกิดขึ้น"

         "ลูกชายของผมเสียใจมาก เขาเป็นแฟนตัวยงของ มิดเดิ้ลสโบรช์ เขาชอบไปดูการแข่งขัน ดังนั้นมันถึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเช่นกัน"

         แน่นอนว่า วู้ดเกต ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อ่อนแอและสามารถจัดการกับแรงกดดันและความพ่ายแพ้ได้ แต่ก็กระตุ้นยีกเจะหรือผู้จัดการทีมที่กำลังดิ้นรนกับปัญหาเรื่องสุขภาพจิตของพวกเขาให้ออกมาและพูดคุยกับใครสักคน"

         "มันสำคัญมากเพราะผู้เล่นต้องต่อสู้อย่างหนัก ด้วยแรงกดดันของเกมลูกหนังทุกวันนี้ คุณไม่อาจได้นักเตะที่เหมือนเดิมอยู่ตลอดเวลา บางคนมีจิตใจที่แข็งแกร่งและบางคนก็ไม่ ถ้านักเตะมีจิตใจที่แข็งแกร่งจริงๆ เขาอาจจะยังดิ้นรนอยู่ภายใน ความกดดัน ไม่ว่าจะลงเล่นหรือบาดเจ็บ มันสามารถเป็นเรื่องยากมากๆ"

         "ถ้าใครสักคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต ก้าวออกมาและพูดกับใครสักคน ไม่ว่าจะกับเพื่อนหรือใครก็ตาม เปิดใจกับเขาและถ้าว่าพวกเขาสามารถช่วยคุณและชี้แนะคุณไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่"


         "ผมค่อนข้างแน่วแน่ ผมคิดกับตัวเอง 'อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด' ผมเสียใจอย่างมากเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ (หลังโดนไล่ออก) แต่ผมมีความสามารถในการเดินหน้าต่อและไม่คิดเกี่ยวกันมัน"

         "ผมไม่ได้พูดกับใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ละคนมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้แตกต่างกัน คุณโทรหาใครสักคนแล้วถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง แน่นอนว่าผมเสียใจอย่างมากแต่ผมก้าวผ่านมันมา นั่นคือวิธีที่ผมมองมัน"

         วู้ดเกต เจอกับความกดดันมากพอกับผลที่ได้รับ แต่ชีวิตก็ทำให้มันยากขึ้นเมื่ออยู่นอกสนามเมื่อแฟนบอลโบโร่คนหนึ่งเยาะเย้ยเข้าในเกมซันเดย์ลีกของลูกชาย

         "ผมคุมทีมลูกชายของผมในเกมซันเดย์กับ แกรม ลี โดนเพิ่งโดนไล่ออกจาก ฮาร์ทลี่ย์พูล - และผมโดยเยะาเย้ยจากแฟนบอล มิดเดิ้ลสโบรช์ เพราะเราแพ้เกมในวันก่อนหน้านั้น นี่คือเกมระดับรากหญ้า คุณมักจะเจอคนแบบนี้ในทุกก้าวของชีวิตแต่คุณต้องไม่สนใจมันและจดจ่อ"

         "เมื่อคุณอยู่ข้างสนาม คุณต้องไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น การเย้ยหยันของแฟนบอล บางครั้งเมื่อคุณดูเกมทางสกายและคุณเห็นนักเตะคนหนึ่งเข้าไปใกล้กับแฟนบอล และพวกเขาก็ดูหมิ่นอย่างที่สุด ผมดูมันตอนนี้แล้วคิดว่า 'โอพระเจ้า' แต่ในฐานะนักฟุจบอล คุณต้องเจอกับอะไรแบบนี้"


        "ผมโชคดีมากพอเพราะผมพูดภาษาไม่ได้และไม่อ่านพวกหนังสื่อพิมพ์ว่าเขียนอะไร มันคือส่วนที่ยากที่สุดในการอยู่ในสเปน การได้รับบาดเจ็บ - เพราะคุณรู้ว่าคุณสามารถสร้างความแตกต่าง ผมทำแบบนั้นไม่ได้เป็นปีและมันเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างมาก"

         วู้ดเกต เผยว่าสุขภาพจิตคือสิ่งที่สำคัญในปัจจุบัน แต่รู้สึกเมื่อย้อนกลับไปตอนสมัยเป็นผู้เล่นว่าความกังวลใดๆก็ตามที่เข้ามาจะโดนกำจัดไปอย่างรวดเร็วและดีใจที่ผู้เล่นจะได้รับการช่วยเหลือเมื่อพวกเขาต้องการ

         "ย้อนกลับไปตอนนั้น ถ้าคุณเข้าไปผู้จัดการทีมแล้วพูดว่า 'นี่มันยาก' เขาคงพูดว่า 'นายต้องแกร่งขึ้นอีก' ผมมั่นใจว่าถ้ามีผู้เล่นที่เดินมาเคาะประตูห้องผมแล้วพูดว่า 'ฟังนะเจ้านาย ผมมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ' คุณจะโอบไหล่เขาไว้และชี้แนะแนวทางที่เขาต้องการความช่วยเหลือ"

         วู้ดเกต ที่แขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2016 กลับมาหลังจากที่โดน โบโร่ ไล่ออกด้วยการรับงานคุมทีม บอร์นมัธ ในฐานะผู้จัดการทีมชั่วคราวหลังจากที่ปลด เจสัน ทินดัลล์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 เพียง 8 เดือนหลังตกงาน โดยเขาสามารถพาทีมไปลุยเพลย์ออฟเลื่อชั้นแต่แพ้ในรอบรองชนะเลิศให้กับ เบรนท์ฟอร์ด ที่ได้เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกในท้ายที่สุด


         แม้สุดท้ายจะไม่ได้งานคุมทีมถาวร แต่เจ้าตัวก็ยังเดินหน้าต่อพร้อมรับความท้าทายที่จะเข้ามาในครั้งต่อไป

         "มันเป็นเรื่องของการหาสโมสรที่ใช่ คุณส่งประวัติสาวนตัวของคุณไปยังสโมสรต่างๆ บางครั้งก็ไม่ได้รับการตอบกลับ บางครั้งได่สัมภาษณ์ บางครั้งได้อยู่เป็นสองคนสุดท้าย คุณต้องเปิดใจกับสโมสรต่างๆซึ่งผมเป็นแบบนั้น"

         วู้ดเกต ที่ประสบความสำเร็จในการค้าแข้งกับ สเปอร์ส 3 ปีช่วงปี 2008-2011 และเขาคือคนสุดท้ายทีช่วยให้ทีมคว้าถ้วยรางวัลได้ โดยโหม่งประตูชัยให้ทีมชนะ เชลซี 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษฟุตบอลลีก คัพย้อนกลับไปเมื่อปี 2008

         กับภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ทาง วู้ดเกต มั่นใจว่านายใหญ่ชาวอิตาลีจะพาทีมกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง

         "สเปอร์ มีผู้เล่นระดับโลก - ผมมั่นว่าถ้าพวกเขารักษาผู้เล่นเหล่านั้นเอาไว้ได้. เบล, โมดริช (พวกเขาจะทำได้ดีกว่านี้) แต่มันยากที่จะเก็บผู้เล่นแบบนั้นไว้ได้"


         "ตอนนี้พวกเขามีผู้จัดการระดับโลกอย่าง คอนเต้ เขาตั้งความหวังอย่างสูงในการพา สเปอร์ส คว้าแชมป์ให้ได้, โปเช็ตติโน่ ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมตอนอยู่ในตำแหน่ง ในการพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก เขาจบอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกได้ นั่นอาจเป็นโอกาสของพวกเขา โปเช็ตติโน่ เก่งมากกับการจัดการทีมดาวรุ่งที่นำโย เคย แต่พวกเขาน่าจะได้แชมป์ พวกเขาน่าจะทำได้"

         ในฤดูกาล 2007/08 ทีมของ วู้ดเกต มีแข้งระดับคุณภาพอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, ร็อบบี้ คีน และ เล็ดลี่ย์ คิง แต่พวกเขากลับจบอันดับที่ 11 ของตาราง และจากนั้น สเปอร์ส ก็มีผู้เล่นที่ดีแต่ไม่ได้แชมป์อะไรเลย

         วู้ดเกต เชื่อว่าทีมสามารถเอาชนะใครก็ได้ แต่ขาดความต่อเนื่องไป ซึ่งทีมมีการต่อสู้ในแบบเดียวกันแต่ทีมของ คอนเต้ ก็ขาดความสม่ำเสมอไปเช่นกัน

         "ความสม่ำเสมอทำให้คุณคว้าแชมป์ มันไม่ได้ทำให้คุณได้ถ้วยแชมป์เพราะคุณสามารถเล่นดีในรอบที่ 3 และเล่นไม่ดีในรอบที่ 4 และยังผ่านเข้ารอบ ในลีกคุณต้องแข็งแกร่งในทุกนัด"

         "สเปอร์ส เพิ่งจบอันดับที่ 4 ดังนั้นพวกเขาทำได้ดีขริงๆ ตอนที่ คอนเต้ เข้ามาใหม่ๆผมไม่คิดว่าพวกเขาจะทำได้ แต่เขาก็ทำได้อย่างสุดยอด ผมคิดว่าพวกเขามีฤดูกาลที่ดีมากๆเลย"


         นอกจากนี้ วู้ดเกต ยังชื่อชม คริสเตียน โรเมโร่ ที่ย้ายมาร่วมทีมในซีซั่นที่ผ่านมาว่าเขามาจับคู่กับ เอริก ดายเออร์ ได้อย่างลงตัวพร้อมยกย่อง คอนเต้ ว่านำความสมดุลมาสู่แนวรับของทีม

         "ผมชอบ โรเมโร่ ผมดูเขาบ่อยๆตอนที่อยู่ อตาลันต้า เขาเป็นกองหลังสายลุย มีความดุดัน ผมชอบการสั่งการของเขา เขาและ ดายเออร์ - จากนั้นก็มี เบน เดวี่ส์ ทางซ้าย มันเป็นความสมดุลที่ดี, คอนเต้ ยกนะดับทั้งสามคนอย่างมากนับตั้งแต่เริ่มต้นซีซั่น"

         "สิ่งที่ คอนเต้ ทำนับตั้งแต่มาอยู่กับทีมคือทำให้แฟนบอลกลับมาหนุนหลัง เป็นอีกครั้งนับตั้งแต่ โปเช็ตติโน่ ที่แฟนบอลเคียงข้างผู้จัดการทีมอย่างแท้จริง"

         "ผมคิดว่าสิ่งที่เขาทำกับรูปแบบการเล่นนี้เป็นรากฐาน, เขาเปลี่ยนแปลงวิง-แบ็กสองข้างอยู่บ่อยๆ แต่เขาใช้ผู้เล่นเดิมและเชื่อมั่นซึ่งเขาทำได้ดีทีเดียว"


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})