:::     :::

การเริ่มต้นใหม่ของ อิริคเซ่น

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,827
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ

สำหรับ คริสเตียน อิริคเซ่น ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์ก ที่กลับสู่เส้นทางลูกหนัง กับการเล่นให้กับสโมสรใหญ่อีกครั้ง หากใครยังจำกันได้ เขาหมดสถิติไป ในการแข่งขันยูโร 2020 รอบสุดท้าย จนต้องแยกทางกับอินเตอร์ มิลาน ด้วยความเข้าใจ เพราะลีกอิตาลี มีกฏห้ามนักเตะที่มีปัญหาเรื่องหัวใจลงเล่น 


หลังจากย้ายออกจากรังงูใหญ่อิริคเซ่น กลับมาเริ่มต้นใหม่กับเบรนท์ฟอร์ด ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก ก่อนทำผลงานอย่างน่าประทับใจ ในฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์เกม และการยิงประตู 


ช่วงนี้ เราไปย้อนความทรงจำ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกือบพรากชีวิตของเขากันหน่อย 

ผมจำได้ทุกอย่าง ยกเว้นช่วงเวลาที่ก้าวไปสู่ความตาย


คริสเตียน อิริคเซ่น ออกมาย้อนความทรงจำ ในเหตุการณ์ช่วงเย็นของวันที่ 12 มิถุนายน 2021 เขานอนอยู่บนเตียง ที่โรงพยาบาลในกรุงโคเปนฮาเก้น 


ห่างออกไปประมาณ 1 ไมล์ ทีมชาติเดนมาร์ก กำลังลงแข่งขันกับทีมชาติฟินแลนด์ ในศึกยูโร 2020 รอบสุดท้าย โดยเป็นการกลับมาเตะกันต่อในช่วงเวลาที่เหลือ โดยเขาชมการแข่งขันผ่านโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องผู้ป่วย ผลสุดท้าย เพื่อนร่วมทีมโคนมของเขาพ่ายไป 0-1


ผมเห็นเกมที่สนามพาร์เค่น ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ภายในห้องพัก พร้อมกันนี้ ผมได้ยินเสียงบรรยากาศจากเตียงนอนที่โรงพยาบาลอิริคเซ่น พูดต่อถึงเรื่องราวในวันนั้นผมสูญเสียช่วงเวลาเหล่านั้น ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น


สิ่งที่เพื่อนร่วมทีมของคริสเตียน อิริคเซ่น ได้เห็นคือ เหตุการณ์ที่น่าหวั่นวิตกมากสุดเหตุการณ์หนึ่งในโลกลูกหนัง หลังจากที่กำลังรับบอลทุ่มจากเพื่อนร่วมทีม เขาล้มลงไปนอนกับพื้นสนาม อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เกิดจากการปะทะ และไม่มีใครอยู่ใกล้เขา เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ ปรากฏว่า เขาประสบกับภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน


ผู้เล่นทีมชาติเดนมาร์ก ร่วมกันยืนล้อมวงเป็นกำแพงมนุษย์ เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวให้อิริคเซ่น  ทั้งจากสายตาของแฟนบอลราว 15,200 คนที่สนามพาร์เค่น รวมถึงผู้ชมหลายล้านที่กำลังชมการถ่ายทอดสดอยู่หน้าจอโทรทัศน์ ทีมแพทย์สนามรีบเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว เครื่องกระตุ้นหัวใจถูกใช้งาน และการนวดหัวใจถูกเข้ามาปฏิบัติ เพื่อให้ชีพจรของเขากลับมาเต้นอีกครั้ง เพียงไม่นาน เขาก็รู้สึกตัว

ผมรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังกดลงมาที่ตัวผมอิริคเซ่น กล่าวต่อผมดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อให้หายใจได้อีกครั้ง จากนั้น ผมได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของทีมงานแพทย์ ผมคิดในใจว่า ผมยังคงแข็งแรงดี ซึ่งความคิดแรกของผมคือ ผมสามารถขยับขาได้หรือไม่ ? ผมสามารถขยับนิ้วเท้าได้หรือไม่ ? ช่วงเวลาเหล่านั้น ผมจดจำมันได้ทั้งหมดเลย ยกเว้นช่วงเวลาที่หัวใจหยุดเต้นไป ราวกับผมไปสวรรค์แล้ว


อิริคเซ่น เล่าเหตุการณ์หลังจากนั้นว่าเมื่อผมฟื้นขึ้นมา หลังจากได้รับการทำซีพีอาร์ เหมือนกับผมตื่นจากความฝันเลยล่ะ ปกติแล้ว คุณจะจำความฝันได้ แต่ผมกลับจำอะไรไม่ได้เลย ในช่วงที่ผมหมดสติไป ผมดิ้นรนในการหายใจ จากนั้น ผมก็เห็นแพทย์มายืนรายล้อม และได้ยินเสียงของพวกเขา 


ผมจำบรรยากาศได้ดี มีผ้าลินินสีขาวอยู่รอบตัวผม เพื่อบังผมให้พ้นสายตา ผมพยายามเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับเห็นแฟนบอลร้องเพลง ก่อนที่ผมจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ช่วงเวลาที่ผมอยู่บนรถพยาบาล ผมถึงรู้ว่าผมก้าวไปหาความตาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งถามแพทย์ประจำทีมว่า -เขาหมดสติไปนานแค่ไหน ?- แพทย์ของเราตอบว่า -ประมาณ 3-4 นาที-”


ระหว่างการเดินทางไปโรงพยาบาล อิริคเซ่น ตัดสินใจทิ้งรองเท้าสตั๊ดในวันเกิดเหตุ เขาไม่ต้องการมันอีกแล้ว เพราะคิดว่าตัวเองอาจไม่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เขาถูกติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจแบบฝังลงไป ทำให้เขามองโลกในแง่ดีมากขึ้น


ผมต้องผ่านการทำแบบทดสอบมากมาย พร้อมกับพูดคุยกับทีมแพทย์ว่า อะไรที่ผมสามารถทำได้ และทำไม่ได้ หมอบอกผมว่า การที่ผมมีเครื่องกระตุ้นหัวในร่างกาย ทำให้ผมใช้ชีวิตปกติได้เหมือนคนทั่วไป กระนั้น ผมก็ไม่อยากหักโหมมากเกินไป ผมไม่อยากเสี่ยงอีกแล้ว


นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมผมถึงต้องผ่านการทดสอบหลายครั้ง สิ่งที่ผมทำอยู่ในเวลานี้ จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับผมในอีก 30 ปีข้างหน้า โดยที่การถูกฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ ผู้คนสามารถวิ่งมาราธอน, ดำน้ำลึก และอีกมากมาย


แม้เขาจะกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง แต่เส้นทางลูกหนังของเขาต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อไม่สามารถเล่นกับต้นสังกัดอย่างอินเตอร์ มิลาน ได้อีก เนื่องจากศึกกัลโช่ เซเรีย อา มีกฏเหล็กที่ชัดเจนว่า ห้ามผู้เล่นที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจลงสนามแข่งขัน พวกเขายกเลิกสัญญากันด้วยความยินดี


หลังจากเป็นนักเตะไร้สังกัด เขาฝึกซ้อมฟุตบอลคนเดียวที่โอเดนเซ่ สโมสรในบ้านเกิด เพื่อเป็นการเตรียมร่างกายให้ดีที่สุด โดยเฝ้ารออย่างอดทน ที่จะกลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง 


กระทั่งโธมัส แฟร้งค์ กุนซือของทีม เบรนท์ฟอร์ด น้องใหม่ในศึกพรีเมียร์ลีก ติดต่อมา การเดินทางครั้งใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสองคนเคยร่วมงานกันที่ทีมชาติเดนมาร์ก รุ่นอายุต่ำว่า 17 ปี กระทั่งวันที่ 31 มกราคม 2022 เขาย้ายมาร่วมทีมเดอะ บีส์ในเส้นตายของตลาดซื้อขาย แน่นอนว่า เขาอบอุ่นใจที่ได้กลับมาร่วมงานกับโค้ชที่เห็นพัฒนาการของเขามาตั้งแต่วัยรุ่น


การได้ลงสนาม, สัมผัสกับลูกฟุตบอล และสูดดมกลิ่นผืนหญ้า ทุกอย่างกลับมาแล้ว ความตื่นเต้นในการกลับมาเฝ้าชมเกม, อยู่ในสนามแข่งขัน และมีส่วนร่วมกับทีม ผมหลงรักการเล่นฟุตบอลมาตลอดเลย นั่นเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยหายไป ผมคิดถึงสภาพแวดล้อมในการเข้าไปสนามกีฬา พร้อมกับลงมือทำอะไรบางอย่างในเกมฟุตบอล ผมคิดถึงบรรยากาศ ในการอยู่กับเพื่อนร่วมทีม และฉลองชัยชนะ


ผมได้รับไฟเขียวจากแพทย์แล้วว่า สามารถเล่นฟุตบอลได้ ทุกคนมีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผมล้มฟุบลงไป แต่ผมคิดว่า ตอนนี้ผมอยากสร้างความทรงจำใหม่ให้กับพวกเขา ผมอยากสัมผัสลูกฟุตบอล, ทำประตู และแอสซิสต์ ผมจะทำทุกอย่างแบบสุดความสามารถ


จากคนที่เคยเกือบเสียชีวิตในสนามฟุตบอล วันนี้ เขากลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง บรรยากาศเก่าๆเริ่มกลับมาทักทาย เขายิงประตูได้ ทั้งในนามสโมสร และทีมชาติ ตัดเรื่องเครื่องกระตุ้นออกไป หัวใจของเขายังคงเต้นอยู่ ตราบใดที่มันยังคงเป็นแบบนั้น ก็หมายความว่า เขาจะไม่ยอมแพ้

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด