:::     :::

ตัวขโมยซีน

วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
2,916
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายกับการตบเท้าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก เอฟเอ คัพ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้การไปเยือนที่ จอห์น สมิธ สเตเดียม ครั้งล่าสุดจะโดน ฮัดเดอร์สฟิลด์ เลยปลายคางด้วยสกอร์ 1-2 จนต้องนอนเปลกลับออกมา แต่เกมล่าสุดถือว่าเป็นหนังคนละม้วน

เดอะ เทอร์เรียร์ส กำลังอยู่ในช่วงขาลง พวกเขามีห่วงกับการหนีตายในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งนั่นอาจจะทำให้พวกเขาไขว้เขวไปบ้าง

กระนั้นลูกทีมของ เดวิด ว๊ากเนอร์ กลับทำได้ดีในช่วง 1-2 นาทีแรกของเกมกับการกดดันจากริมเส้นและทำให้แฟนบอลในสนามได้ครางฮือ

ทว่า จากจังหวะต่อเกมของ ปิศาจแดง ซึ่งเริ่มจาก อเล็กซิส ซานเชซ ตัดบอลจากแดนกลางก่อนจะเป็น โรเมลู ลูกากู ทำชิ่งกับ ฆวน มาต้า ที่แทงให้ หอกร่างบึ้กกระชากขึ้นทางซ้ายก่อนล็อกมายิงด้วยขวาเสียบเสาแรก

ประตูดังกล่าวถือว่ามาเร็วและถูกช่วงเวลา เพราะมันคือประตูออกนำและยังทำให้ ปีแดง ถือความได้เปรียบตั้งแต่ไก่โห่

รูปเกมเปลี่ยน เล่นง่ายขึ้น ต่างจาก เดอะ เทอร์เรียร์ส ที่ต้องบดบี้ทำให้ ปิศาจแดง มีพื้นที่ในการเข้าทำ

แต่ก็อย่างที่เห็น ช่วงหลังๆมานี่ ลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ เหมือนทีมที่ต่อบอลกันไม่เป็น จังหวะหนึ่งสองหรือต่อบอลเกิน 10 จังหวะแบบสวยๆไม่ค่อยเกิดขึ้น มันเป็นสิ่งที่แฟนบอลถวิลหาและอยากเห็น ไม่ต้องถึง 10 จังหวะก็ได้ แต่ขอเป็นแบบ 1 2 3 แล้วโป้งเดียวจอดอะไรทำนองนั้น

ยังดีหน่อยเพราะ 2 ประตูที่เกิดขึ้น มาจากจังหวะที่ไม่ต้องใช้จังหวะเข้าทำมากมาย มันเกิดขึ้นจากนักเตะ 2-3 คน ที่ช่วยกันทำและนำมาซึ่ง 2 ประตู


จะว่าไปแล้ว ปิศาจแดง ยังมีหนึ่งประตูที่ทำได้ในท้ายครึ่งแรก แต่กลับโดนปฏิเสธ

ที่ว่า 'ปฏิเสธ' ไม่ใช่มาจาก เควิน เฟรนด์ ตุลาการสนามนัดนั้น แต่มาจาก เทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า 'วีเออาร์'

นี่คือเทคโนโลยีที่บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของวงการฟุตบอลนานาชาติยกมือสนับสนุน เพราะพวกเขาเห็นว่ามันจะ 'ช่วย' ให้ผู้ตัดสินทำงานง่ายขึ้น และจะทำให้มีความเที่ยงตรงในเกมมากกว่าเดิม

บ่อยครั้งที่มีการถกเถียงกันมากมายกับจังหวะปัญหา ล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้า, ฟาวล์หรือไม่ฟาวล์, จุดโทษหรือไม่, แฮนด์บอลหรือเปล่า, ใบแดงหรือไม่? นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ

ก่อหนน้านี้ก็มีเทคโนโลยี โกลไลน์ ที่ถูกนำมาใช้งาน ทว่าเจ้า 'โกลไลน์' ที่ว่าดูจะสร้างปัญหาพอสมควรโดยเฉพาะใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่จัดการยกเลิกใช้งานไปแล้ว เพราะว่าเกิดปัญหา โกล 'ลั่น' 

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในเกม เฟร้นช์ ลีก คัพ ที่ เปแอสเช พบ อาเมียงส์ และ อองเช่ร์ ดวล มงต์เปลลิเย่ร์ ซึ่งบังเอิญเตะวันเดียวกันแถมดันมาเกิดเรื่องไล่เลี่ยกันด้วย

หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แอลแอฟเป หรือ ลีกฟุตบอลอาชีพฝรั่งเศส ที่รับหน้าเสื่อจัดรายการดังกล่าวสั่งให้ยกเลิก โกลน์ไลน์ รวมไปถึงใน ลีก เอิง ที่พวกเขารับผิดชอบด้วย ...


ย้อนกลับมาที่ 'วีเออาร์' เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ทุกท่านคงมีคำตอบในใจแล้วว่าประตูที่ ฆวน มาต้า ทำได้นั้น 'ล้ำหรือไม่ล้ำหน้า'

ภาพที่ออกมาผ่านการถ่ายทอดสดถูกส่งต่อไปยังโลกโซเชียล แฟนบอลทั่วโลกต่างแสดงความเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นชนิดที่ดุเด็ดเผ็ดร้อน และคงเป็นประเด็นให้กล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง

ในมุมมองเรื่องนี้ 'ส่วนใหญ่' คิดว่า 'วีเออาร์' จะนำมาซึ่งหายนะของวงการฟุตบอล

มันทำให้เสน่ห์ของเกมที่ตื่นเต้นนี้หมดมนต์ขลังไป

ใช่ ... เราต้องมาคอยลุ้นว่า 'เข้าหรือไม่เข้า' หรือ 'กูต้องดีใจกับลูกนี้มั้ยวะ' หรือ 'ตกลงแล้วกูควรจะรู้สึกยังไง?'

มันทำให้อารมณ์ร่วมในเกมลดลงไปอย่างชัดเจน (ต้องสารภาพว่าจังหวะ มาต้า หวดเข้าไป ผมเองกระโดดจนเตียงหัก แต่ก็ต้องเฮเก้อเพราะล้ำหน้า)

แน่นอน มันแลกมากับความถูกต้อง แต่สิ่งที่มันเสียไปคือจุดขายของเกม นั่นคือ ความสนุกและการระเบิดอารมณ์ในวินาทีที่ทีมรักยิงประตู

มุมมองต่างๆเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่มีการนำ 'วีเออาร์' มาใช้ ขอข้ามไปที่ เซเรีย อา อิตาลี ที่นำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้และเกิดการถกเถียงมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ซิโมเน่ อินซากี้

นายใหญ่แห่ง ลาซิโอ เคยออกมากล่าวโจมตีว่า ไอ้เจ้า 'วีเออาร์' ได้ปล้นคะแนนจากทีมของเขาไปมากกว่า 7 แต้ม (ตอนนี้อาจจะมากกว่านั้น) ซึ่ง อินซากี้ มองว่าตนรู้สึกไม่เห็นถึงประโยชน์ที่มีต่อเกม

อย่างที่เรียนไปนั่นแหละ ด้านดีมันก็มี ที่ทำให้เกมถูกต้องมากขึ้น แต่ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้มันเกิดสมดุลกับทั้งเรื่องความถูกต้อง และ อารมณ์ในเกมของแฟนบอล


มาฟังความเห็นของทีมที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เริ่มจาก เดวิด ว๊ากเนอร์ นายใหญ่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ที่ออกมาพูดแบบแมนๆ เลยว่า 'กูไม่ชอบ'

แม้เขาจะได้ประโยชน์จากจังหวะของ มาต้า แต่นายใหญ่ เดอะ เทอร์เรียร์ส ระบุว่า 'วีเออาร์' ทำให้ความตื่นเต้นและเสน่ห์ของฟุตบอลหายไปอย่างสิ้นเชิง

ส่วน โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ออกมาแบ่งรับแบ่งสู้กับเรื่องนี้

"ตลอดสัปดาห์ผมใช้เวลาในการเตรียมตัวรับมือกับการควบคุมตนเองเมื่อมาเจอกับสถานการณ์ดังกล่าว"

"คุณทำประตู แต่ต้องมากังวลว่าจะดีใจหรือไม่ หรือจะมีความสุขดีหรือไม่?  ตอนนั้นผมไม่มีความสุขเพราะเหลือบไปเห็น เควิน เฟรนด์ จับที่หูฟัง ผมรู้แล้วล่ะว่าต้องมีอะไรแน่นอน ความกังวลใจมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเลย"

"ถ้าหากการตัดสินไม่เอื้ออำนวยกับทีมผม แต่มันเป็นการตัดสินที่ถูกต้อง ผมจะมีความสุขมากๆเพราะผมต้องการความถูกต้อง บางครั้งมันอาจทำร้ายทีมผม บางครั้งก็ดีสำหรับทีมผม"

"ผมคิดว่ามันอยู่ในขั้นการทดลอง มันมีความรู้สึกที่มหัศจรรย์เมื่อความถูกต้องเกิดขึ้น  แต่ก็ยังคงมีปัญหาเหมือนที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันเป็นบางสิ่งที่ต้องจัดการให้ชัดเจนไม่มีข้อติติง แต่เราทราบดีว่ามันยังอยู่ในขั้นทดลอง"


นั่นคือบางส่วนกับความเห็นของ มูรินโญ่ กับ 'วีเออาร์'

มองในมุมของความถูกต้องก็พอจะเข้าใจ 

ไม่ต่างไปจากของฝ่ายที่มองว่า นี่คือ 'ตัวทำลายเสน่ห์ฟุตบอล' อันนี้ก็เห็นด้วย

ท้ายที่สุดหากทางผู้เกี่ยวข้องยังคงต้องการใช้งานเทคโนโลยีนี้อยู่ ก็ต้องพยายามหาทางทำให้มัน - รวดเร็ว, ไร้ปัญหา และที่สำคัญคือจะจัดการกับจังหวะทำประตูเหมือนที่เกิดขึ้นในนัดล่าสุดอย่างไร

อาการเฮเก้อที่เกิดขึ้น

ความสับสนที่แสดงออกมา

สีหน้าท่าทางของนักเตะในสนามรวมไปถึงทีมงานและแฟนบอล

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมา นับตั้งแต่มี 'วีเออาร์' เข้ามาเกี่ยวข้อง

ไม่ว่าท้ายที่สุดทางผู้หลักผู้ใหญ่ของวงการฟุตบอลจะคิดเห็นอย่างไรก็ตาม

แต่เชื่อเหลือเกินว่า ณ ตอนนี้ แฟนบอลคงมีคำตอบในใจกับ 'วีเออาร์' แล้วว่าจะเอายังไงกับมันดี


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด