ฟอเรสต์ นับว่าเป็นสโมสรใหญ่สโมสรนึงในอดีต พวกเขาเคยได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ถึง 2 สมัย ในช่วงปลายยุค 80 แต่หลังจากต้องตกชั้นในปี 1999 สถานะของพวกเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ตอนช่วงปี 2002 ฟอเรสต์ เคยประสบปัญหาการเงินหนักมาก พวกเขามีรายจ่ายสำหรับค่าเหนื่อยนักเตะในทีมสูงกว่างบประมาณ ขาดทุนปีละ 5-6 ล้านปอนด์ ก่อนจะตกต่ำลงเรื่อย ๆ และเคยดำดิ่งไปจนถึง ลีก วัน ในปี 2005 ซึ่งพวกเขาก็พยายามทุกวิถีทางทั้งการหาเงินทุนมาเพื่อเสริมทัพ แต่โชคไม่ดีที่ส่วนใหญ่การลงทุนกับนักเตะของพวกเขานั้น ผลลัพธ์ออกล้มเหลวมากกว่าเปรี้ยงปร้าง ในช่วงปี 2010 ฟอเรสต์ มาไกลที่สุดคือได้เล่นเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก แต่ก็พ่ายต่อ แบล็คพูล ขณะที่ในปีต่อมาไปไกลจนถึงรอบชิงฯ แต่ก็แพ้ให้ สวอนซี อดเลื่อนชั้นอีกครั้ง การพลาด 2 ปีติด ทำให้ ฟอเรสต์ สูญเงินมากกว่า 100 ล้านปอนด์ เพราะว่าพวกเขาลงทุนไปเยอะมาก ๆ และพอหนี้สินเริ่มรัดตัว ในปี 2012 ไนเจิล ดอคตี้ เจ้าของและประธานสโมสรที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 1990 ต้องโบกมือยอมแพ้และประกาศขายสโมสรในที่สุด ดอคตี้ ตัดสินใจขายสโมสรให้กับครอบครัว อัล ฮาซาวี มหาเศรษฐีจากคูเวต แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกำซัด เพราะครอบครัว อัล ฮาซาวี บริหารทีมตามสไตล์คนรวยเอาแต่ใจ ไล่กุนซือออกเป็นว่าเล่น มองฟุตบอลเป็นแค่ของสนุกที่ไม่สนใจเรื่องในสนามเลยสักนิดเดียว สุดท้ายครอบครัว อัล ฮาซาวี ก็ถูกต่อต้านอย่างหนักจากแฟนบอล ก่อนจะขายสโมสรตอนปี 2017 ให้กับ เอวานเจลอส มารินาคิส เศรษฐีจากวงการสื่อของประเทศกรีซ ซึ่งเป็นเจ้าของทีม โอลิมเปียกอส ด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งในครั้งนี้ กลายเป็นความโชคดีของ ฟอเรสต์ มาก ๆ เพราะเจ้าของคนใหม่แตกต่างจากคนเก่าโดยสิ้นเชิง มารินาคิส มีความเข้าใจในฟุตบอลและตั้งเป้าหมายไว้สูง อีกทั้งยังตั้งใจจะพาทีมให้กลับไปอยู่แถวหน้าให้ได้ ฟอเรสต์ สร้างทีมใหม่โดยเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างในสโมสน ก่อนจะมาลงตัวเมื่อได้ สตีฟ คูเปอร์ เข้ามาดูแลทีม คูเปอร์ เองถนัดกับการทำงานกับนักเตะอายุน้อย สลับกับการหาตัวเก่ง ๆ ที่มีประสบการณ์เข้ามาสอดแทรกเพื่อสร้างสมดุลให้ทีม ก่อนจะพาทีมเลื่อนชั้นมาอยู่ในลีกสูงสุดได้อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อกลับขึ้นมาอยู่ในพรีเมียร์ลีก มารินาคิส เจ้าของทีมกับ สตีฟ คูเปอร์ มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าทีมที่มีอยู่ยังไม่ดีพอสำหรับการเล่นในระดับพรีเมียร์ลีก จึงได้ลงทุนกว้านซื้อนักเตะที่มีประสบการณ์บนเวทีใหญ่ ๆ มาร่วมทัพมากมายในซัมเมอร์นี้ ไม่ว่าจะเป็น เจสซี่ ลินการ์ด ที่ทาง คูเปอร์ มองว่าทีมจำเป็นต้องมีสตาร์สักคนที่คอยช่วยเปลี่ยนเกม ซึ่ง ลินการ์ด เองอาจเป็นฮีโร่สำหรับทีมเล็ก ๆ อย่างนี้ก็เป็นได้ หนำซ้ำยังทุ่มเงินเพื่อดึงตัวนักเตะมากเกิน 10 คนอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น ไทโว อโวนิยี่, กองกลางตัวเก่งอย่าง ชีค กูอาเต้, สตาร์ดัง วัตฟอร์ด อย่าง เอ็มมานูเอล เดนิส, ม็องกาล่า จาก สตุ๊ตการ์ท, เนโก วิลเลี่ยมส์ จาก ลิเวอร์พูล, ฟรอยเลอร์ จาก อตาลันต้า และสอยของดีจาก บาเยิร์น อย่าง โอมาร์ ริชาร์ด มาอีกต่างหาก นอกจากนี้สตาร์อีกคนที่สำคัญก็คือ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวารฝีมือดีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มาในฐานะแข้งยืมตัว นับจนถึงตอนนี้ ฟอเรสต์ ทุ่มเงินเกินหลักร้อยล้านปอนด์ไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการปรับปรุงทีมเพื่ออยู่รอดในลีก พวกเขาทุ่มหมดหน้าตักเพื่อเดิมพันที่ใหญ่ขึ้น และนี่ก็คือการแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานได้อย่างชัดเจนมาก ๆ เลยทีเดียว ฟอเรสต์ จึงกลายเป็นทีมน้องใหม่ที่น่าจับตามอง ทั้งในแง่ของเงินลงทุน ความทะเยอทะยาน และวิสัยทัศน์ของบุคลากรในสโมสร จับตามองให้ดี ๆ ปีนี้ ฟอเรสต์ อาจผงาดและจบอันดับด้วยตัวเลขที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้
