ฟุตบอลโลกกับความโชคร้ายซ้ำซ้อนของ มาร์โก รอยส์
เรื่องที่น่าเสียดายสำหรับดาวเตะรูปหล่อรายนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนบางครั้งเราก็อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าพระเจ้าทำไมชอบเล่นตลกกับเขามากเหลือเกิน มาร์โก รอยส์ พลาดการลงสนามในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ ให้กับเยอรมนีไปแล้ว 4 ครั้ง รวมถึงครั้งนี้ที่กาตาร์นี้ด้วย มาร์โก รอยส์ เริ่มมีชื่อเสียงในปี 2009 จากการให้โอกาสของ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค โดยช่วงเวลากับทีมสิงห์หนุ่ม เขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาจนมีชื่อเสียงติดระดับท็อปของลีก เล่นให้ทีมอยู่ 3 ฤดูกาล ลงสนามไป 109 นัด ยิงได้มากถึง 41 ประตูกับอีก 28 แอสซิสต์ จนสุดท้ายแล้ว ดอร์ทมุนด์ ต้นสังกัดเก่าต้องกลับมาซื้อตัวไปร่วมทัพในราคาสูงถึง 17 ล้านยูโร ช่วงปี 2011 จนถึง 2014 เป็นช่วงเวลาทองที่ รอยส์ สร้างชื่อในสนามได้อย่างโดดเด่นมาก ๆ เขาถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมนีชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2011 และเป็นหนึ่งในแข้งที่ยึดตัวจริงได้ไม่ยาก เขาติดทีมชาติไปเล่นยูโร 2012 ทำผลงานได้ดี เป็นตัวรุกสารพัดประโยชน์ที่เล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงเกมบุก โชคร้ายครั้งแรกของ รอยส์ คือการพลาดติดทีมชาติไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2014 ทั้งที่เขาคือนักเตะที่เป็นตัวความหวังนึงของทีมอินทรีเหล็กชุดนั้นเลยก็ว่าได้ รอยส์ โชคร้ายสุดขีดเพราะมาได้รับบาดเจ็บข้อเท้าในเกมอุ่นเครื่องกับ อาร์เมเนีย โดยเกมนี้เกิดขึ้นก่อนการแข่งขันรอบสุดท้ายจะเริ่มอีกเพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ซึ่งอาการบาดเจ็บครั้งนี้หนักหนาพอสมควรจนทำให้แพทย์ประเมินแล้วว่าเขาน่าจะหายไม่ทันอย่างแน่นอน ทำให้ รอยส์ เป็นได้แค่คนดูทางทีวีเพียงอย่างเดียว ฟุตบอลโลกปี 2014 เป็นปีที่เยอรมนีสามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทุกคนในชาติเต็มไปด้วยความสุข แต่กับ มาร์โก รอยส์ เอง เขามีความสุขกับความสำเร็จนี้เพียงครึ่งเดียว เพราะหากไม่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บก่อน เขาน่าจะเป็นส่วนหนึ่ของทีมไปแล้ว รอยส์ ยอมรับว่านี่คือบาดแผลทางจิตใจที่เจ็บปวดมากครั้งนึงในชีวิตของเขา ไม่แพ้ตอนที่ถูก ดอร์ทมุนด์ ปฏิเสธในทีมเยาวชนเลยทีเดียว "สำหรับผมแล้ว นี่คือฝันร้ายที่เจ็บปวดมาก การพลาดไปเล่นฟุตบอลโลกว่าแย่แล้ว แต่การได้เห็นทีมคว้าแชมป์ซึ่งผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย มันเจ็บมากกว่า" หลังจากฟุตบอลโลกปีนั้น รอยส์ กลับมาตั้งหน้าตั้งตาเล่นให้ ดอร์ทมุนด์ แบบถวายหัวต่อไป เขาทำผลงานในฤดูกาล 2015-16 ได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ ยิงได้ 23 ประตูกับ 8 แอสซิสต์จากทุกรายการ พาเสือเหลืองได้รองแชมป์บุนเดสลีกา และไปไกลจนถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูโรปา ลีก อีกด้วย แต่โชคร้ายยังตามหลอกหลอน เพราะหลังจากบอลลีกปิดฉากไม่กี่วัน จู่ ๆ รอยส์ ก็ได้รับเจ็บที่ขาหนีบอย่างหนัก จนทำให้พลาดการติดทีมไปเล่นฟุตบอลยูโร 2016 อย่างน่าเสียดาย โยอาคิม เลิฟ ให้สัมภาษณ์ว่า "เราจะพยายามทำการรักษาและฟื้นฟูเขาให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะได้ติดทีมไปลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ รอยส์ คือนักเตะที่มีคุณภาพ และยิ่งในวันที่เขาฟิตเต็มร้อย เขาคือสมบัติอันล้ำค่าของชาติเราเลยทีเดียว" แต่สุดท้ายแล้ว อาหารบาดเจ็บของ รอยส์ ก็หายไม่ทัน แม้ว่าทีมแพทย์จะพยายามกันอย่างสุดฝีมือแล้วก็ตาม นั่นจึงทำให้ รอยส์ พลาดลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับชาติเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ทั้งที่กำลังอยู่ในช่วงพีค 2 ปีถัดมา ฟุตบอลโลก 2018 มาร์โก รอยส์ ได้ลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่สมใจอยาก แต่เรื่องน่าเสียดายก็คือเขาไม่ได้อยู่ในช่วงพีคเหมือน 4 ปีก่อนอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะทำประตูสวีเดนได้ แต่สุดท้ายแล้ว เยอรมนีก็ตกรอบแบ่งกลุ่มหมดสภาพเเชมป์เก่า และเป็นทัวร์นาเมนต์ที่แฟนบอลอินทรีเหล็กอยากลืมมากกว่าจำอีกต่างหาก ถัดจากฟุตบอลโลกมาเป็นฟุตบอลยูโร 2020 มาร์โก รอยส์ ประกาศถอนตัวจากทีมชาติและไม่ได้ไปเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากตัวเขาประเมินสภาพร่างกายแล้วว่าไม่ฟิตเต็มร้อย โดยเขาเชื่อว่าต่อให้ไปเล่นในยูโร เขาก็ช่วยทีมมากไม่ได้ในสภาพความฟิตที่ไม่ถึง 100% และล่าสุด กับฟุตบอลโลก 2022 ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็เป็นอีกครั้งที่เขาพลาดไปเล่นที่กาตาร์ ความโชคร้ายก็คือ หากเป็นการแข่งตามปกติคือช่วงกลางปี เขายังสมบูรณ์ดีมาก ๆ แต่พอเป็นการเตะที่ประเทศกาตาร์ จึงถูกย้ายเวลาการแข่งขันจากซัมเมอร์มาเป็นช่วงหน้าหนาว เขาดันมาบาดเจ็บจนทำให้หลุดทีมอีกครั้ง มาร์โก รอยส์ เป็นนักเตะที่มีภาพลักษณ์ดีคนนึงในวงการ เป๋นสุภาพบุรุษลูกหนัง เป็นตำนานของเสือเหลือง มันจึงน่าเสียดายมาก ๆ เพราะปัจจุบันเขาก็อายุ 33 ปีแล้ว นี่น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับทัวร์นาเมนต์ใหญ่สำหรับเขาในนามทีมชาติอีกด้วย น่าเสียดายและน่าเห็นใจมากจริง ๆ