เนื่องจากสถานการณ์ของทีมกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และต้องได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงเป็นอีกครั้งที่บอสหนุ่มไฟแรงคนนี้ต้องนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่เข้ามาสู่สโมสร
ซึ่งจากเรื่องนี้ก็ทำให้เขาได้รับคำชมอย่างล้นหลามเลยทีเดียว เมื่อดูจากทิศทางของแฟนบอลในโซเชียลมีเดียของทีม
นับตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งประธานสโมสร คุณพงษ์ศิริ หรือ"บอสตาล" ของแฟนๆ ราชันโคขาว ก็สามารถพาทีมสร้างสถิติคว้าแชมป์ได้ทุกฤดูกาล
เริ่มตั้งแต่การเป็นแชมป์โซนภาคเหนือ และเป็นแชมป์รอบประเทศ ในฤดูกาล 2020-2021 ของศึกไทยลีก 3 พร้อมสิทธิ์ในการเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกพระรองอย่างไทยลีก 2
ต่อเนื่องด้วยการเป็นแชมป์ไทยลีก 2 ในฤดูกาล 2021-2022 พร้อมกับตั๋วลุยไทยลีก 1 ทันที
ถือการเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลของ จ.ลำพูน ไปตลอดกาล เพราะก่อนหน้านี้ทีมทำได้เพียงแค่วนเวียนอยู่ในลีกล่างเท่านั้น
ซึ่งนอกจากเรื่องของการเป็นแชมป์แล้ว "บอสตาล" ก็ยังทุ่มทุนในการซื้อตัวผู้เล่นด้วยเช่นกัน
บรรดานักเตะดีกรีทีมชาติไทยชุดใหญ่อย่าง อาทิตย์ สุนทรพิธ, อดุล หละโสะ ล้วนเคยตบเท้าเข้ามาเซิ้งแข้งให้กับยอดทีมแห่งภาคเหนือทั้งสิ้น
ที่เป็นข่าวใหญ่มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตัวต่างชาติบิ๊กเนมอย่าง อาลี ซิสโซโก้ อดีตนักเตะลิเวอร์พูลและทีมชาติฝรั่งเศส กับ เจฟเฟรน ซัวเรซ เด็กเก่าของบาร์เซโลนาที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมกับลิโอเนล เมสซี่ มาแล้ว หรืออาจรวมถึงสตาร์ทีมชาติพม่าอย่าง หม่อง หม่อง ลวิน ด้วยเช่นกัน
ซึ่งทุกการลงทุนของทุกครั้งที่ผ่านมา ล้วนแต่ประสบความสำเร็จเสมอ แต่เมื่อขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศแล้ว ดูเหมือนผลลัพธ์จะไปอีกทาง
เม็ดเงินจำนวนมากยังถูกหว่านให้กับดาวเตะมากดีกรีเหมือนเดิม ทั้ง เจนรบ สำเภาดี, ชัยวัฒน์ บุราณ ,สหวิช ขำเปี่ยม, เจษฎากร ขาวงาม ฯลฯ ขณะที่ตัวต่างชาติ ก็ได้ตัวดาวซัลโวจากลีกสโลวีเนียอย่าง อ็อกเยน มูดรินสกี้ เข้ามาร่วมทีม
ในส่วนของหัวหน้าผู้ฝึกสอน ก็มีการเปลี่ยนจาก วันเดอร์เลย์ จูเนียร์ เป็น ดุสิต เฉลิมแสน อดีตแบ็คซ้ายระดับตำนานของทีมชาติไทย ที่เคยพา บีจี ปทุม ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมาแล้ว
ดูสวยหรูมากๆ ในแง่ของการลงทุน แต่ทว่าสถานการณ์กลับไม่เป็นดังที่คิด อาจเพราะเป็นครั้งแรก อาจเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ อาจเพราะเป็นนรกไทยลีก หรือจะด้วยอะไรก็ตาม ลำพูน วอริเออร์ จึงออกสตาร์ทการเล่นลีกสูงสุดได้อย่างย่ำแย่ จมอยู่ในโซนท้ายตารางของการแข่งขัน
และเป็นที่มาในการแสดงความรับผิดชอบของ "โค้ชโอ่ง" ที่ประกาศลาออกหลังเกมกับ ทรูแบงค็อก ยูไนเต็ด
"บอสตาล" จึงต้องเดิมพันครั้งใหม่อีกครั้งด้วยการดึงตัว อเล็กซานเดร กาม่า เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนอย่างที่กล่าวไปในตอนต้น
ลำพูน วอริเออร์ เป็นสโมสรที่ 4 ในประเทศไทยแล้วที่ "กาม่า" เข้ามาทำงานด้วย ต่อจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด และ เมืองทอง ยูไนเต็ด
2 แชมป์ไทยลีก 3 แชมป์ไทยแลนด์แชมเปี้ยนคัพ 3 แชมป์เอฟเอ คัพ และ 2 แชมป์ โตโยต้า ลีก คัพ นี่คือจำนวนแชมป์ที่ "กาม่า" เคยทำได้ในแผ่นดินสยาม
แต่นั่นคือผลงานในอดีต และถ้าดูจากที่ผ่านมาแล้ว เขาคุมแต่ทีมที่อยู่ในข่ายลุ้นแชมป์ทั้งสิ้น
จึงถือเป็นครั้งแรกที่กุนซือชาวบราซิล เลือกมาล่มหัวจมท้ายกับทีมน้องใหม่ไทยลีกอย่าง ลำพูน วอริเออร์ พร้อมเป้าหมายที่ต่างออกไปจากเดิม คือจากลุ้นแชมป์เปลี่ยนเป็นแค่อยู่รอดเท่านั้น
เขามีเวลาคุมทีมซ้อมอยู่ 2-3 วันด้วยกัน ก่อนจะเริ่มทำหน้าที่อย่างเป็นทางการในเกมแรก ด้วยการบุกไปเยือน ลำปาง เอฟซี ทำศึกขุนตาลดาร์บี้ ในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ถือเป็นแมทช์ที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะฝั่งของลำปางเอง ก็มีสถานการณ์ที่ไม่ต่างกัน
ลำพูน วอริเออร์ จะรอดหรือจะร่วง "บอสตาล" จะคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ และ"กาม่า" จะเป็นคนที่ใช่สำหรับทีมราชันโคขาวรึเปล่า
การเดิมพันครั้งใหม่ของสโมสรเริ่มต้นขึ้นแล้ว ติดตามไปพร้อมๆ กันได้เลย !!!
