:::     :::

จอร์จี้ ฮาจี้ ชายผู้พาโรมาเนียอาละวาดในบอลโลก 94

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
1,348
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
นี่คือเรื่องราวของมาราโดน่าแห่งคาบสมุทรบอลข่าน คนที่ได้รับสมญานามว่าจักรพรรดิ​ และเป็นคนพาโรมาเนียให้โลกลูกหนังได้ตื่นตะลึง

จอร์จี้ ฮาจี้ ดาวเตะ ผู้ได้รับฉายาว่า มาราโดน่าแห่งคาบสมุทร​บอลข่าน เขามีรูปร่างไม่สูงมากนักประมาณ 174 ซม. บทบาทการเล่นของเขาคือเพลย์เมคเกอร์ทำเกมหลังกองหน้า เป็นนักเตะที่จำเป็นต้องปล่อยให้มีอิสระในการเล่น เขาเลี้ยงบอลติดเท้าได้ดี มีลูกคิลเลอร์พาสสวย ๆ เป็นจุดเด่น และแน่นอนว่าลูกฟรีคิกกับการสอดขึ้นไปยิงประตูถือเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์​ที่ทำให้เขาโด่งดังด้วยเช่นกัน


ชื่อของ ฮาจี้ มาโด่งดังเป็นพลุแตกในช่วงที่เขาเล่นให้กับ สเตอัว บูคาเรสต์ ในช่วงปี 1987-1990 ซึ่งตลอด 3 ฤดูกาล​ครึ่งกับทีม เขาสามารถพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย, แชมป์บอลถ้วยในประเทศ 2 สมัย, แชมป์ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ อีก 1 สมัย และพีคสุดขีดคือการพาทีมเข้าชิงถ้วยยู​โรเปี้ยน คัพ ตอนปี 1989 ก่อนจะพ่ายให้กับ เอซี มิลาน ยุครุ่งเรืองในรอบชิงอย่างน่าเสียดาย


ฮาจี้ ได้รับฉายาจากสื่อไทยเราว่า มาราโดน่าแห่งคาบสมุทรบอลข่าน แต่ในสื่อต่างประเทศ​จะเรียกเขาว่า มาราโดน่าแห่งคาร์ปาเธี่ยนส์ ซึ่งคาร์ปาเธี่ยนส์คือเทืิอกเขาที่มีความยาวกว่า 1,500 กม. นับได้ว่าเป็นเทือกเขาที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของยุโรป โดยเทือกเขานี้จะลากตัดผ่านทวีปยุโรปตอนกลางและตะวันออก ซึ่งกินพื้นที่ติดหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นยูเครน, โปแลนด์, ฮังการี, สโลวาเกีย, เซอร์เบีย และแน่นอนว่ามีโรมาเนียรวมอยู่ด้วย


มาราโดน่าแห่งคาร์ปาเธี่ยนส์ จึงเปรียบเสมือนว่าความเก่งกาจของ ฮาจี้ นั้นครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ดังกล่าวนั่นเอง


ฮาจี้ เล่นกับ สเตอัว บูคาเรสต์ ได้โดดเด่นมากครับ เชื่อไหมว่าแม้จะเป็นแค่กองกลางตัวรุก แต่ ฮาจี้ ยิงให้ทีมได้มากถึง 88 ประตูจากการลงสนามแค่ 118 นัดเท่านั้น เขาได้ดาวซัลโวลีกบ้านเกิด 2 ครั้ง, ได้ดาวซัลโวถ้วยยูโรเปี้ยน คัพ 1 ครั้ง และที่น่าทึ่งมากก็คือฤดูกาล​ 1988-89 เขายิงได้ถึง 37 ประตูจาก 39 นัดรวมทุกถ้วยทุกรายการอีกต่างหาก


ชื่อเสียงของ ฮาจี้ ขจรไกลไปยังลีกชั้นนำอย่างเซเรีย อา และ ลา ลีกา มานานแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ย้ายออกจากโรมาเนียสักทีนั่นก็เป็นเพราะปัญหา​การเมืิองในประเทศ โดยช่วงยุค 80 โรมาเนียปกครองด้วยระบอบเผด็จการ​ของ นิโคไล เชาเชสคู และด้วยความที่ ฮาจี้ เองเป็นสตาร์เด่นประจำลีก เขาจึงถูกร้องขอไม่ให้ย้ายไปเล่นที่อื่น ฮาจี้ที่โด่งดังมาตั้งแต่อายุ 17 เลยต้องเล่นในโรมาเนียยาวนานจนถึงอายุ 25 ปีเลยทีเดียว


เดือนธันวาคมปี 1989 เป็นวันที่อำนาจของ เชาเชสคู ทางการเมืองถูกโค่นล้มลง จึงทำให้ ฮาจี้ ได้ฤกษ์​ออกไปทำมาหากินต่างแดนเป็นครั้งแรกซึ่งมียอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด ผายมือต้อนรับพร้อมด้วยค่าสินสอดให้แก่ สเตอัว เป็นจำนวนเงินสูงถึง 400 ล้านเปเซต้า สื่อบางแห่งรายงานว่าค่าตัวของ ฮาจี้ อยู่ที่ราว ๆ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น เนื่องจากราชันชุดขาวเองก็มอง ฮาจี้ ไว้นานมากแล้วกอปรกับฟอร์มการเล่นในฟุตบอลโลกปี 1990 นั้น ฮาจี้ ก็ทำได้ดีด้วยการพาทัพผีดิบหลุดไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายก่อนจะแพ้จุดโทษ​ต่อสาธารณรัฐ​ไอร์แลนด์ไปอย่างน่าเสียดาย


การผจญภัย​ที่สเปนของ ฮาจี้ ไม่ค่อยราบรื่นมากนัก เขาเล่นให้ เรอัล มาดริด แค่ 2 ฤดูกาล​ โดยคว้าแชมป์บอลถ้วยได้แค่ 1 ใบ และมีไฮไลต์เด่นเพียงแค่การทำแฮตทริคใส่ แอธเลติค บิลเบา กับลูกยิง 40 หลาใส่ โอซาซูน่า เท่านั้นที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลชุดขาว อีกทั้งเจ้าตัวยังบอกว่าเพื่อนร่วมทีมที่เป็นซีเนียร์อย่าง ซานชิส, มิเกล และ บูตราเกโญ่ ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่อีกต่างหาก


สิริรวม 2 ปีที่เบร์นาเบว ฮาจี้ ลงสนามไป 84 นัดยิงได้แค่ 20 ประตู ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับความคาดหวังในระดับฉายา มาราโดน่าแห่งคาบสมุทร​บอลข่าน อย่างเขา




ฮาจี้ ย้ายจาก เรอัล มาดริด มาอยู่กับ เบรสชา แบบเซอร์ไพรส์วงการ เขาอยู่กับทีม 2 ปี และเคยยอมลงไปเล่นในเซเรีย บี อีกต่างหาก


ชื่อของ ฮาจี้ กลับมาดังระเบิดอีกครั้งในฟุตบอลโลก 1994 กับทีมชาติโรมาเนีย เขาเล่นได้อย่างเด็ดดวงมาก พาทีมไปไกลถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ยิงได้ 3 ประตูตลอดทัวร์นาเมนต์ ไฮไลต์เด่นมีหลายเกมเลยครับ เขายิงประตูโคลอมเบียจากลูกลักไก่บริเวณ​ริมเส้นด้านซ้ายระยะประมาณ 30 หลา บอลลอยเสียบสามเหลี่ยมอย่างสวยสดงดงาม หรือจะเป็นลูกแอสซิสต์แบบเหนือชั้นในเกมกับอาร์เจนติน่าก็อยู่ในความทรงจำแฟนบอลมาจนทุกวันนี้


ด้วยฟอร์มในฟุตบอลโลกปีดังกล่าวจึงทำให้ ฮาจี้ ได้อันดับ 4 บัลลง ดอร์ และได้ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในช่วงซัมเมอร์ปี 1994 โดยที่ โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นคนเกลี้ยกล่อมสโมสรในการดึงตัวมาร่วมทีมด้วยตัวเอง เพราะ ครัฟฟ์ มองว่าฝีเท้าระดับ ฮาจี้ ควรจะได้เล่นในทีมใหญ่อย่าง บาร์ซ่า มากกว่าอยู่ต่อที่ เบรสชา 


แต่ที่คัมป์ นู อาการบาดเจ็บคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้ ฮาจี้ ไม่สามารถรีดฟอร์มเก่งออกมาได้มากเท่าที่ควร เล่นให้ทัพกาตาลันแค่ 2 ฤดูกาล​ ลงสนามไปเพียง 51 นัดยิงได้ 11 ประตู ซึ่งในตอนนั้นเขาอายุปาเข้าไป 31 ปีแล้วด้วย กอปรกับทาง บาร์ซ่า เริ่มอยากสร้างทีมใหม่จึงทำให้ ฮาจี้ิ ต้องชีพจรลงเท้าอีกครั้ง


ฮาจี้ ในวัย 31 ปีเลือกย้ายไปอยู่กับ กาลาตาซาราย ตอนสิงหาคมปี 1996 ซึ่งปรากฏ​ว่าการมาอยู่ตุรกีของเขา กลายเป็นความลงตัวในชีวิตนักฟุตบอลอย่างไม่น่าเชื่อ


ฮาจี้ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวหลัก เล่นฟุตบอลได้อิสระ ได้รับการเรียกขานจากแฟนบอลที่นั่นว่าเป็น "จักรพรรดิ" ส่วน ฟาติห์ เตริม เรียกเขาว่าเป็น Comandante หรือผู้บังคับบัญชาประจำทีมนั่นเลยทีเดียว


จอร์จี้ ฮาจี้ กลายเป็นขิงที่ยิ่งแก่ยิ่งร้อนแรง แม้จะย้ายมาตอนอายุ 31 แต่เขาระเบิดฟอร์มได้ดีที่สุดในชีวิตนับตั้งแต่ย้ายออกมาจากโรมาเนียเลยก็ว่าได้ 




5 ฤดูกาล​กับ กาลาตาซาราย เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 4 สมัย, ได้แชมป์บอลถ้งยในประเทศรวมกัน 4 ครั้ง และที่พีคสุดขีดคือการคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ กับ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ตอนปี 2000 ได้อีกต่างหาก


ที่อิสตันบูล ฮาจี้ิ เป็นตัวกำหนดทิศทางของเกมที่ทีมขาดไม่ได้ ทีเด็ดอย่างลูกยิงไกลหรือการแอสซิสต์สวย ๆ มีให้เห็นเป็นประจำทุกสัปดาห์ เขาได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกตุรกีถึง 3 จาก 5 ปีที่อยู่ที่นั่น ยิงประตูในฐานะกองกลางไปมากถึง 73 ลูกจาก 192 นัด และมีบันทึกอย่างไม่เป็นทางการเพิ่มเติมว่าเขาแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมมากถึง 51 ครั้งเลยทีเดียว 


ครึ่งทศวรรษ​ที่เขาเล่นในตุรกี ฮาจี้ กลายเป็นพระเจ้าอย่างที่เขาควรได้รับ แม้บางอารมณ์​เขาจะเป็นขบถลูกหนังที่มีอารมณ์​ร้อนแรงไปบ้าง ได้ใบแดงเพราะควบคุมอารมณ์​ไม่อยู่ก็บ่อย แต่บุคลิกแบบนี้นี่แหละกลับเป็นสิ่งที่แฟนบอล กาลาตาซาราย ชื่นชอบ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงแพสชั่นที่มีต่อทีมว่ามากมายขนาดไหน


เรื่องหนึ่งที่น่าคิดตามของ ฮาจี้ ก็คือ การที่เขาย้ายออกนอกประเทศช้าเกินไปสักหน่อย โดยตอนที่เขาไปอยู่ เรอัล มาดริด นั้นก็อายุ 25 ปีเข้าไปแล้ว หากไม่มีเรื่องการเมืองในประเทศ ฮาจี้ อาจได้ผจญภัย​ในลีกใหญ่เร็วกว่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าอาจช่วยให้เขาปรับตัวและพัฒนาเท้าได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้




แต่อีกหลายความคิดเห็นจากแฟนบอลที่มอง ฮาจี้ ก็เป็นตรงกันข้าม บางคนมองว่าเขาเป็นนักเตะหมายเลข 10 ซึ่งอยู่นอกเหนือระบบการเล่น สไตล์ของเขาเป็นพวกรักอิสระ โยกไปมาได้ไม่จำกัดในทุกพื้นที่ของคู่แข่ง ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าการที่เขาไม่ประสบความสําเร็จตอนอยู่ทีมใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า อาจเป็นเพราะที่นั่นมีสตาร์ในทุกตำแหน่ง มีระบบการเล่นที่ค่อนข้างเฉพาะ และไม่นิยมการฝากความหวังไว้ที่นักเตะคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษมากนัก


กลับกัน ที่ สเตอัว เอย, ที่ เบรสชา เอย, ที่ กาลาตาซาราย เอย และกับในนามทีมชาติเองก็ดี ทีมเหล่านี้ล้วนปล่อยฟรีพื้นที่ในการเล่นให้กับเขาอย่างเต็มเหนี่ยว ยิ่งกับ กาลาตาซาราย จะเห็นได้ชัดเลยว่าแม้อายุจะเลยเลข 3 ไปแล้ว แต่วิชั่นของเขา ไอเดียทางฟุตบอลของเขายังเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ​อยู่เสมอ ขอแค่ปล่อยให้ศิลปินอย่างเขาบรรเลงมันก็พอ


และทั้งหมดนี้คือเศษเสี้ยวหนึ่งในการเดินทางของยอดนักเตะที่ได้รับฉายาเท่ ๆ มากมายตลอดอาชีพการค้าแข้ง ไม่ว่าจะเป็น มาราโดน่าแห่งคาบสมุทร​บอลข่าน, มาราโดน่าแห่งคาร์ปาเธี่ยนส์ เรื่อยมาตอนปลายอาชีพเขาถูกเรียกว่าเป็นจอมจักรพรรดิ และเป็นผู้บัญชาการที่ตุรกี อีกทั้งยังพาโรมาเนียเป็นที่รู้จักในฟุตบอลโลก 94


จอร์จี้ ฮาจี้





ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด