:::     :::

"การเดินทาง" ฟุตบอลเวิลด์ คัพ

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน 2565 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,109
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หากเอ่ยถึงฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย

สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลย นั่นคือลูกฟุตบอลนี่ถือเป็นเอกลักษณ์ และมนต์เสน่ห์ ที่แฟนบอลหลายคน ตั้งหน้าตั้วตารอชม พร้อมกับเป็นภาพจำที่สร้างเรื่องราวให้กับการแข่งขันฟุตบอล ทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก ให้มีความหมายที่แสนพิเศษมากขึ้นกว่าเดิม 


ตามประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายอาดิดาสถือเป็นแบรนด์แรก และแบรนด์เดียว จนถึงเวลานี้ ที่กลายมาเป็นผู้สนับสนุนด้านลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการ หรือตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา พร้อมกับมีชื่อรุ่น และเทคโนโลยีที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละครั้ง 

จากการบันทึกเอาไว้อาดิดาสเน้นการออกแบบลูกฟุตบอล ที่ใช้ในเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ด้วยการใช้โทนสีขาวดำเป็นหลัก ตั้งแต่รุ่นเทลสตาร์ในช่วงปี 1970 ตามมาด้วยเทลสตาร์ เดอร์ลาสต์ในปี 1974, “แทงโก้ในปี 1978, “แทงโก้ เอสปันญ่าในปี 1982, “อัซเตก้าในปี 1986, “เอตรุสโก้ในปี 1990 และกูเอสตร้าในปี 1994 


ก่อนที่ปี 1998 จนถึงครั้งล่าสุดในปี 2018 “อาดิดาสมีการเพิ่มสีสัน และเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น ผ่านรุ่นดังอย่างฟีเวอร์โนว่าในปี 2002, “ทีมไกส์ตในปี 2006, “จาบูลลานี่ในปี 2010, “บราซูก้าในปี 2014 และเทลสตาร์ 18” ในปี 2018 อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีลูกฟุตบอลลูกไหน ในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ผลิตออกมาแบบคำนึงถึงธรรมชาติแบบ 100 เปอร์เซนต์ 


กระทั่งการมาของอัล ริห์ลาลูกฟุตบอลที่ใช้ในศึกเวิลด์ คัพ 2022 ที่ประเทศกาตาร์ โดยถือเป็นครั้งที่ 14 แล้ว ที่แบรนด์อาดิดาสช่วยออกแบบลูกฟุตบอลมาให้ ซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการของอัล ริห์ลานำมาจากภาษาอาหรับ หากแปลเป็นภาษาไทย ก็มีความหมายว่าการเดินทาง 

นอกจากเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้ลูกฟุตบอล สามารถเพิ่มความแม่นยำ และความเร็วในการเล่นแล้ว เรื่องของการผลิต ที่คำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญของภาวะโลกร้อน ถือเป็นสิ่งที่อัล ริห์ลาถูกพูดถึงกันในวงกว้าง เพราะนี่คือการปฏิวัติวงการ และการผลิตลูกฟุตบอลขึ้นมาสักหนึ่งลูกไปอย่างสิ้นเชิง


การออกแบบอาดิดาสทำการใช้สีขาวไข่มุก แทรกมาด้วยสีรุ้ง รับแรงบันดาลใจจากธงชาติ, สถาปัตยกรรม และเรือใบ อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศกาตาร์ นอกจากนี้อัล ริห์ลายังถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย ผ่านการใช้น้ำหมึก และกาว ที่มีส่วนประกอบจากน้ำเป็นหลัก ถือเป็นลูกฟุตบอลลูกแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ใช้การผลิตในลักษณะนี้


พร้อมกันนี้อัล ริห์ลายังคงมีความพิเศษอื่น เมื่อเป็นลูกฟุตบอลที่ไม่เคยผ่านขั้นตอนการผลิต ที่สร้างสาร “CFC” หรือเรียกอีกอย่างว่า สารเคมีที่ระเหยออกมา ก่อนจะสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องของภาวะเรือนกระจกแถมกระบวนการผลิตดังกล่าวนั้นอาดิดาสยังคำนึงถึงการสร้างขยะออกมาให้น้อยที่สุดอีกด้วย 

นอกจากเรื่องของการรักษ์โลกแล้ว อีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจของอัล ริห์ลานั่นคือเรื่องของการสร้างประโยชน์ต่อสังคม นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่อาดิดาสนำการตลาด มาต่อยอดเข้ากับเรื่องการกุศลอย่างน่าชื่นชม ผู้ที่เป็นเจ้าของลูกฟุตบอลรุ่นนี้ สามารถกลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้  


กล่าวคือ 1% ของยอดขายลูกฟุตบอลอัล ริห์ลา” (หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายออกแล้วฉ ทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ในการดำเนินการขององค์กร ที่รู้จักกันในนามของ “Common Goal” เพื่อเป็นการพัฒนาสังคมให้น่าอยู่มากขึ้น พร้อมกับเป็นการส่งเสริมกลุ่มนักฟุตบอลระดับรากหญ้า จากทั่วทุกมุมโลกต่อไป


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด