:::     :::

ฟุตบอลโลกที่น่าตื่นเต้น

วันจันทร์ที่ 05 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ เด็กเก็บบอล โดย ยักษ์เดนส์
805
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เผลอแป๊ปเดียวตอนนี้ฟุตบอลโลกกำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้ว มีทั้งทีมที่ทำผลงานได้ตามเป้า ทีมที่น่าผิดหวัง และทีมที่ทำได้ดีเกินคาด

         แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติในโลกฟุตบอลที่ในแต่ละการแข่งขันก็จะมีการพลิกล็อกเกิดขึ้นอยู่ตลอด

         และเมื่อเป็นฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ที่มีรอบแบ่งกลุ่มโดยเฉพาะในเกมสุดท้ายที่มีผลต่อการเข้ารอบ-ตกรอบ มันทำให้การลุ้นฟุตบอลได้อรรถรสมากจริงๆ

         อย่างที่เราได้เห็นในกลุ่มอีที่ ญี่ปุ่น แซงชนะ สเปน อย่างสะใจส่งให้ เยอรมัน ต้องกระเด็นตกรอบอย่างน่าเจ็บใจ ซึ่งมันจะพีคกว่านี้อีกหาก คอสตาริก้า ชนะและส่งทั้ง "กระทิงดุ" และ "อินทรีเหล็ก" ตกรอบ โชคดีที่มันไม่ดราม่าขนาดนั้น


         หรือในกลุ่มเอฟที่ โมร็อกโก ทำผลงานได้ดีเกินคาดไม่แพ้ให้กับ โครเอเชีย และ เบลเยี่ยม พร้อมปาดหน้าทั้งสองทีมคว้าแชมป์กลุ่ม โดยถีบ เบลเยี่ยม ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ตกรอบไป

         ในขณะที่ อาร์เจนติน่า ก็เกือบแหกโค้งหลังพลิกล็อคถล่มทลายแพ้ ซาอุดิ อาระเบีย ในเกมเปิดสนาม แต่ยังมาชนะสองเกมหลังเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มไปได้

         บรรดาทีมที่เป็นชาติยักษ์ใหญ่และเป็นทีมเต็งอย่าง บราซิล, ฝรั่งเศส, อังกฤษ หรือ ฮอลแลนด์ ถือว่าทำผลงานได้ตามเป้าแม้สองทีมแรกจะแพ้ในเกมสุดท้ายแต่ก็เป็นเพราะเข้ารอบไปแล้ว


         ก็รอติดตามกันว่าสุดท้ายจะเป็นทีมไหนที่ได้ชูถ้วยในปีนี้เพราะแต่ละชาติก็ล้วนหมายมั่นปั้นมือกันทั้งสิ้น

         ลองมองไปอีก 4 ปีข้างหน้าในปี 2026 กับการแข่งขันที่ สหรัฐ อเมริกา, แคนาดา และ เม็กซิโก ที่มีการเปิดเผยแล้วว่าชาติในรอบสุดท้ายจะมีการเพิ่มเติมจาก 32 ชาติเป็น 40 หรือ 48 ชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ มิเชล พลาตินี่ เสนอเมื่อตุลาคม 2013 สมัยที่ดำรงตำแหน่งประธานยูฟ่า เช่นเดียวกับ จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า ที่เคยเสนอเรื่องนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2016

         กระทั่งทั้งเมื่อปี 2017 ได้บทสรุปว่าเป็น 48 ทีม โดนทัวร์นาเม้นต์จะแบ่งเป็น 16 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม เอาอันดับ 1 และ 2 เข้าสู่รอบ 32 ทีมซึ่งจะเป็นรอบน็อคเอาท์ ส่วนจำนวนเกมที่เล่นจะเพิ่มจาก 64 นัดเป็น 80 นัด แต่ทีมที่จะไปถึงตำแหน่งแชมป์จะลงเล่น 7 นัดเท่าเดิม ซึ่งเกมรอบแบ่งกลุ่มที่หายไปก็ชดเชยด้วยรอบน็อคเอาท์ที่เพิ่มเข้ามาอยู่แล้ว


         ส่วนเวลาในการแข่งขันก็จะใช้เวลา 32 วันเช่นเดียวกันกับทัวร์นาเม้นต์ปกติ

         อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ใช่ว่าทุกฝ่ายจะเห็นด้วยเท่าไรเพราะถูกมองว่าเป็นการหาเสียงซะมากกว่า เพราะการเพิ่มชาติแน่นอนว่าทีมเล็กทีมน้อยที่โอกาสเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายไม่มากนักยอมเห็นด้วยเป็นธรรมดา

         ขณะที่ทาง มาร์โก แวน บาสเท่น ที่ดำรงตำแหน่งฝ่ายเทคนิคของฟีฟ่าเสนอว่าเกมที่ลงเอยด้วยการเสนอให้ยิงจุดโทษตัดสินผู้ชนะไปเลย เพื่อเป็นการตัดปัญหาเรื่องปล่อยให้คู่แข่งอีกทีมชนะเพื่อตัดทีมชั้นนำที่พลาดก่อนออกไป แต่ยังไม่ได้มีการยืนยัน


         ด้าน วิคเตอร์ มอนตาเกลียนี่ ประธานคอนคาเคฟ เผยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ฟีฟ่า ยังคงพิจารณาเรื่องการเล่น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมด้วยเช่นกัน

         ส่วนแนวคิดที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกทุก 2 ปียังคงเป็นไปได้ยากเพราะมีการแข่งขันแต่ละทวีปที่ต้องนำมาประกอบด้วย

         ไม่รู้ว่าการเพิ่มทีมในฟุตบอลโลกนั้นจะยิ่งทำให้ฟุตบอลนั้นตื่นเต้นมากขึ้น หรือว่าลดความตื่นเต้นลงไป เพราะเรามักจะได้เห็นจากการชิงแชมป์ทวีปหรือรอบคัดเลือกที่ความเหลื่อมล้ำมันเยอะทีเดียว

         เอาเป็นว่าตอนนี้เราทุกคนก็ดื่มด่ำกับฟุตบอลโลก 2022 กันก่อน ส่วนในอนาคตเราก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตกันไปก่อนละกัน



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด