8 ชาติจาก 3 ทวีป แน่นอนว่า โมร็อกโก กลายมาเป็นม้ามืดของรายการหลังเขี่ย สเปน ตกรอบด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งตัวแทนจากทวีปแอฟริกาหวังสานต่อผลงานที่ดีในเกมพบ โปรตุเกส วันเสาร์นี้ 

ที่เหลือนับว่าน่าสนใจไม่แพ้กันแถมล้วนแล้วแต่เป็นบิ๊กแมตช์ทั้ง บราซิล เต็ง 1 รายการที่ต้องปะทะ โครเอเชีย รองแชมป์เก่า ไหนจะ เนเธอร์แลนด์ ดวล อาร์เจนติน่า ที่ชวนย้อนให้กลับไปนึกถึง เวิลด์ คัพ 1998 (เกมนั้นจบลงที่ชัยชนะ 2-1 จากประตูสุดสวยของ เดนนิส เบิร์กแคมป์)

แต่คู่ที่น่าสนใจที่สุด (จากมุมมองส่วนตัว) คงหนีไม่พ้นสองทีมเต็งอย่าง อังกฤษ ที่จะลงชิงชัยตั๋วรอบรองชนะเลิศกับ ฝรั่งเศส แชมป์เก่า

สองชาติที่ทำผลงานได้ดีกำลังจะลงสนามปะทะกันในวันเสาร์นี้ ทุกสายตาโดยเฉพาะแฟนบอลของทั้งสองต่างหมายมั่นว่าทีมของตนเองจะเป็นฝ่ายกำชัยหลังสิ้นเสียงเสียงนกหวีดสุดท้ายที่ อัล บายต์ สเตเดียม

ทั้งคู่ผ่านด่านรอบ 16 ทีมมาได้แบบงดงามพร้อมผลงานอันยอดเยี่ยม อย่างที่ทราบกันว่า สิงโตคำราม เอาชนะ เซเนกัล 3-0 แม้ว่ารูปเกมช่วงแรกจะอึดอัดและเกือบโดนก่อน 2-3 ครั้ง แต่ด้วยประสบการณ์และความนิ่ง ทรี ไลออนส์ จึงเล่นงาน สิงโตเตรังก้า จนหงายเงิบ

ฝั่ง ตราไก่ ฟอร์มดีไม่แพ้กัน เพราะลูกทีม ดีดีเย่ร์ เดส์ช็องส์ ปราบ โปแลนด์ แบบสบายๆ 3-1 โดยเฉพาะ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ยังคงคายพิษสงอันร้ายกาจออกมาแถมตอนนี้นำโด่งเป็นดาวซัลโวที่ 5 ประตู

แม้จะมีเรื่องหวาดเสียวตรงกองหน้าวัย 23 ปีไม่ได้ลงซ้อมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นวันเดียวสื่อทั้งในและนอกฝรั่งเศสระบุเหมือนกันว่าไม่น่ากังวลเพราะนักเตะคืนสนามซ้อมได้ปกติอีกครั้งเมื่อวันพุธ

เท่ากับว่าหากไม่ดวงแตกหรือมีเหตุสุดวิสัยใดๆ เกิดขึ้นกะทันหัน กองหน้าจากสโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง พร้อมลงไปยิง อังกฤษ อย่างแน่นอน

ตามการคาดหมายจาก เลกิ๊ป สื่อดังแดนน้ำหอมระบุว่า 'เดเด้' คงไม่คิดอะไรมากพร้อมจัด 11 ตัวจริงจากนัดล่าสุดลงสนามต่อไป แม้จะไม่พอใจ ฌูลส์ กุนเด้ ที่ใส่สร้อยคอลงเล่นและโดนตำหนิไปแล้ว แต่เรื่องดังกล่าวเป็นการจัดการภายในทีมไม่เกี่ยวกับเรื่องผลงานแต่อย่างใด

สิ่งที่เพิ่มเติมคงหนีไม่พ้น 'แท็กติก' หรือการรับมือเกมบุกของ สิงโตคำราม เพราะทาง เลกิ๊ป ระบุต่อไปด้วยว่า เดส์ช็องส์ กับทีมงานผู้ฝึกสอนได้เน้นให้นักเตะซ้อมรับมือลูกตั้งเตะทั้งฟรีคิกและเตะมุมมากกว่าปกติ นอกจากนั้น ตราไก่ คงเน้นรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนการป้องกันจังหวะโต้กลับ ซึ่งจุดนี้ อังกฤษ แสดงให้เห็นความอันตรายในนัดที่ผ่านมา

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีก่อนที่ ตราไก่ จะลงฝึกซ้อมตามโปรแกรม

ไม่ต่างจากทาง อังกฤษ ที่คงยึดชุดเดิมเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะแนวรับและแดนกลางที่ทำได้ดี มีแค่แนวรุกที่ยังไม่ชัวร์หรือชัดเจน เพราะตลอดสี่เกมที่ผ่านมา แกเร็ธ เซาธ์เกต มีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด

สองเกมแรกอาจจะใช้งาน ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาท์ และ บูกาโย่ ซาก้า เป็นตัวจริงในการทำเกมรุกข้างหลัง แฮร์รี่ เคน แต่สองเกมต่อมาปรับมาใช้งานระบบแนวรุก 3 ราย ฟิล โฟเด้น, เคน และ มาร์คัส แรชฟอร์ด (พบ เวลส์) ส่วนเกมล่าสุดส่ง ซาก้า, เคน และ โฟเด้น ลงสนามเป็น 11 คนแรก

จุดนี้จึงน่าสนใจว่านายใหญ่ทรี ไลออนส์ จะจัดการตัวเลือกของตนเองเช่นไรเพราะมีทางใช้งานหลากหลาย แม้ว่า สเตอร์ลิง (อาจจะ) ไม่พร้อมทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ โดยนักเตะจากสโมสรเชลซีจะกลับมาที่กาตาร์วันศุกร์นี้ แต่คนอื่นๆ ที่กำลังทำได้ดีและมีความมุ่งมั่นในการลงสนามต่างพร้อมลงไปทำหน้าที่อยู่แล้ว

แดนกลางส่วนตัวคิดว่าน่าจะใช้งาน 3 ประสานอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดแคลน ไรซ์ และ จู๊ด เบลลิงแฮม ต่อไป เนื่องจากทุกคนทำได้ดีตลอด 2 เกมหลังสุดทั้งการคุมแผงมิดฟิลด์และคอยช่วยงานทั้งแนวรุกแนวรับ

ที่เป็นปัญหาเมื่อวันพุธคงหนีไม่พ้น ไรซ์ ซึ่งเจออาการป่วยเล่นงาน โดยเรื่องนี้ต้องตามดูว่าอาการดังกล่าวจะส่งผลเพียงใด ซึ่งช่วงที่กำลังเคาะแป้นพิมพ์ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าดาวเตะจาก เวสต์แฮม จะลงสนามแน่นอนหากอาการป่วยฟื้นตัวได้ดี

แต่ก็มีรายงานจากสื่ออังกฤษบางรายที่ระบุว่า เซาธ์เกต กำลังพิจารณาการปรับไปเล่นแนวรับ 3 รายเพื่อรับมือเกมรุกอันทรงพลังของ ฝรั่งเศส ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูกันต่อไปว่านายใหญ่สิงโตคำรามจะยึดมั่นแผนเดิมหรือปรับเปลี่ยนอย่างที่สื่อคาดไว้

นั่นคือสภาพทีมคร่าวๆ ก่อนเกมสำคัญที่อาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือเรื่องราว 'ดราม่า' เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือทั้งสองชาติคาดหวังเป็นผู้ชนะและไปต่อในรอบรองชนะเลิศ

มีหลายเรื่องราวที่ถูกพูดถึงก่อนเกมนี้ทั้งการดวลระหว่าง ไคล์ วอล์กเกอร์ กับ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ หรือการปะทะในแดนกลางของทั้งสองทีม นอกจากนั้น แฮร์รี่ เคน จะสานต่อผลงานทำประตูได้หรือไม่หลังจากปลดล็อกในรอบที่แล้วได้สำเร็จ

คำถามต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นจะได้ความกระจ่างในวันเสาร์นี้ และผู้ชนะจะมีทีมเดียวที่ได้ไปต่อไปในรอบตัดเชือก