:::     :::

"ธีราทร-สารัช" ตัวตึงแดนกลาง "ช้างศึก"

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
496
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หลังจากเกมอุ่นเครื่องของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในช่วงฟีฟ่า เดย์ ซึ่งเราเอาชนะ เมียนมา 6-0 และแพ้ ไต้หวัน 0-1 โดยเกมสุดท้ายน่าจะมีผล่อแรงกิ้ง "ช้างศึก" เพราะคู่แข่งมีอันดับโลกต่ำกว่าเราถึง 46 ขั้น

หลังจากเกมอุ่นเครื่องของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในช่วงฟีฟ่า เดย์ ซึ่งเราเอาชนะ เมียนมา 6-0 และแพ้ ไต้หวัน 0-1 โดยเกมสุดท้ายน่าจะมีผล่อแรงกิ้ง “ช้างศึก” ด้วยเช่นกันเพราะคู่แข่งมีอันดับโลกต่ำกว่าเราถึง 46 ขั้น

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทุกคนพูดถึงก็คือในเกมแรก ซึ่งเป็นการจับคู่กันในแดนกลางของ สารัช อยู่เย็น ดาวเตะจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ ธีราทร บุญมาทัน ตัวเก่งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ออกมาอย่างกลมกล่อมลงตัวเหลือเกิน


จริงๆแล้วมูลเหตุเกิดตั้งแต่การประกาศรายชื่อ ซึ่งมี ศศลักษณ์ ไหประโคน กับ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ อยู่ในสควอด จึงเป็นเหตุให้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของ ธีราทรและก็เป็นอย่างที่คาด จากการกล่าวหลังเกมของ มาโน โพลกิ้ง 

“การให้ ธีราทร เล่นในตำแหน่งกองกลาง เกิดจากการพูดคุยกันก่อนเข้าแคมป์ ถามว่าเขาอยากเล่นตำแหน่งไหน ซึ่งเขาบอกอยากเล่นกองกลางเพราะเล่นที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เขาเล่นตำแหน่งนี้ทุกเกม บางเกมอาจต้องเล่นแบ็คซ้าย แต่ในเวลานี้เขาทำผลงานได้ดีในตำแหน่งกองกลาง จึงเป็นทางเลือกที่ดีของเรา"

ย้อนกลับไปในเกมกับ เมียนมา นอกจากพวกเขาทั้งสองคนจะคอนโทรลเกมแบบได้ใจแฟนบอลแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาน้องๆในทีมเหมือนกัน อย่างในนัดนั้น ธีราทร ก็พยายามจ่ายบอลไปให้กับ เอกนิษฐ์ ปัญญา เพื่อให้โชว์สกิลออกมาแบบสุดพลัง


หรือการวางบอลของ สารัช ที่สวิงซ้ายขวาได้อย่างแม่นยำ และมีช็อตเปิดไปให้กับ “โก๋อุ้ม” จับบอลลง แล้วกึ่งยิงกึ่งผ่านไปในเขตโทษ เป็นแข้งเมียนมาที่สกัดเข้าประตูตัวเองอีกด้วย

จบเกมนั้นมีเสียงชื่นชมให้กับทั้งสองคนนี้อย่างมากมาย ซึ่งทุกคนเชื่อว่าการปรับมาเล่นในแผงมิดฟิลด์ของดาวเตะจาก “ปราสาทสายฟ้า” ทำได้อย่างลงตัวมากๆ โดยที่เขาลุยรายการนี้มาเล่นแต่ตำแหน่ง “แบ็คซ้าย” จนกระทั่งเริ่มเปลี่ยนแนวทางการเล่นสมัยไปญี่ปุ่น

โดยเฉพาะตอนที่เล่นให้กับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส นั้น เจ้าตัวซึมซับวิชาจาก อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่ให้อิสระแบ็คทั้งสองข้างขยับมาเป็นกองกลางเพื่อคอยแจกจ่ายบอลไปข้างหน้า จนเขาเอามาปรับใช้ตอนที่ทีมชาติไทยคว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปลายปีก่อน


การเล่นของพี่น้องอดีตแข้งโรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี ถือว่าเข้าขากันมาก เพราะพวกเขาเล่นด้วยกันมาหลายปี ทั้งในนามทีมชาติไทย และกับสโมสรเมื่อปี 2016-2017 ที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ทำให้ความรู้ใจนั้นแทบจะออกมากลมกล่อมมากจริงๆ

ซึ่งในปี 2017 ที่จริงแล้ว ธีราทร เคยเล่นกองกลางมาแล้วในตอนที่อยู่กับ “กิเลนผยอง” ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ที่ปรับเขาไปทำเกมในแดนกลางบ่อยครั้ง เพราะเวลานั้น สารัช ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักถึงขั้นข้อเท้าหัก

และเขาเองก็ใช้เซนต์บอลในการทำเกมให้กับ “กิเลนผยอง” จนกระทั่งได้ย้ายกลับมาเมืองไทย มาอยู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ยึดในตำแหน่งการทำเกมในแดนกลางให้กับทีม จนได้รับการยกย่องในเรื่องนี้อย่างมาก 

ส่วน สารัช แม้ผลงานของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะดร็อปลงอย่างมาก แต่ว่าส่วนตัวเขาเองมีมาตรฐานที่ยอดเยี่ยมทุกเกม และได้รับการชื่นชมจากสตาฟฟ์ แฟนบอล อยู่แทบจะทุกนัด เพราะความขยันไล่บอล ตลอดจนความทุ่มเทเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ในฐานกัปตันทีมของ “เดอะ แรบบิท”


ในเกมเปิดหัวของทัพ “ช้างศึก” แดนกลางก็ยังคงเป็นทั้งสองคนนี้ ซึ่งต่างคอยช่วยกันทำงานอย่างหนัก โดย สารัช อยู่เย็น มีหน้าที่วิ่งตามไล่บดแล้วเอาบอลคืนมาเร็วที่สุด ก่อนปล่อยให้ ธีราทร ได้ทำเกมในฐานะ “จอมทัพ” ก็คงไม่ผิดจากที่เราเขียนไปมากนัก

เพราะการวิ่งของเขาที่พล่านไปทั่วสนาม จ่ายบอลทั้งสั้นยาวได้อย่างคมกริบ กระทั่งได้แอสซิสต์ไป 2 ลูก นั่นคือ การเปิดไปให้ ธีรศิลป์ แดงดา ทำประตูที่ 20 ของรายการนี้ นับว่าเป็นผู้ที่ยิงได้เยอะที่สุด 

ยังนับเป็นคนแรกของทัวร์นาเมนต์ที่ทำได้แตะ 20 ประตู ในรอบ 26 ปี ตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันรายการนี้เมื่อปี 1996 ซึ่งน่าจะหายากเอามากๆ ที่จะมีคนล้มสถิตินี้ของหัวหอกจากค่าย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เรียกว่าตอกย้ำเรื่องของคนมองอายุ 34 ปี ของเขา แก่เกินไปที่จะรับใช้ชาติอย่างแท้จริง


อีกลูกเป็นการจ่ายให้กับรุ่นน้องที่ “ปราสาทสายฟ้า” อย่าง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ตัวรองที่ลงมากดเม็ดสองของตัวเอง ทำประตูปิดกล่องให้ทีมเอาชนะ บรูไน ไปอย่างท่วมท้น 5-0 ซึ่งหลังเกม “กัปตันอุ้ม”คว้ารางวัล most active player ไปครอง เพราะว่าเขาเองวิ่งไปทั่วสนาม

เพิ่งผ่านไปแค่เกมแรก ก็เนการประสานงานที่ลงตัวของคู่นี้แล้ว อย่างไรก็ตามเส้นทางการป้องกันแชมป์ยังเหลืออีกยาวไกล มาดูกันว่า “ตังตึงช้างศึก” อย่าง ธีราทร บุญมาทัน และ สารัช อยู่เย็น จะช่วยทีมประสบความสำเร็จในรายการนี้หรือไม่

เพราะถ้าเข้ารอบรองชนะเลิศได้ มีแน่ๆแล้วเงินอัดฉีดถึง 5 ล้านบาท จากทาง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด