:::     :::

สูงสุดสู่สามัญ เส้นทางลูกหนังสุดพลิกผันของ เอแด็น อาซาร์

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
613
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
จากเดอะแบกแห่งสแตมฟอร์ด​ บริดจ์ สู่การเป็นแข้งจอมเจ็บแห่งเบร์นาเบว และประกาศเลิกเล่นทีมชาติในวัยแค่ 31 ปีเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกับพ่อมดลูกหนังแห่งเบลเยียม บทความนี้จะพาไปย้อนชมเส้นทางจากดาวสู่ดินของเขากัน

หมุนเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อปี 2019 นี่คือเจ้าของรางวัลเพลย์เมกเกอร์​ อวอร์ด ของพรีเมียร์ลีก, เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรทั้งจากการโหวตของแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีม, เป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเบลเยียม และเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ จากการโหวตของแฟนบอลทุกทีมในลีก


ใครจะไปเชื่อครับว่าถัดมาอีกแค่ 3 ปีหลังจากนั้น เอแด็น อาซาร์ จะกลายเป็นนักเตะที่ถูกลืมและต้องเลิกเล่นทีมชาติตอนอายุแค่ 31 ปี แถมยังลงสนามเฉลี่ยปีละแค่ 22 นัดเท่านั้น


เอแด็น อาซาร์ คือหนึ่งในดาวเด่นของเบลเยียมยุค โกลเด้น เจเนอเรชั่น ร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู และ ติโบต์ กูร์ตัวรส์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเบลเยียมในยุคที่มีนักเตะดาวรุ่งเก่ง ๆ เต็มทีม จนถูกคาดหวังว่าจะสามารถคว้าแชมป์ระดับนานาชาติได้ในอนาคต


อาซาร์ เป็นตัวรุกที่ค่อนข้่างได้รับการยอมรับว่าอยู่ในระดับโลกเคียงข้างมากับ เควิน เดอ บรอยน์ ซึ่งตัวเขาเองแจ้งเกิดจากการแบกทีม ลีลล์ จนเป็นแชมป์ลีกเอิงในปี 2011 ก่อนจะได้ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ในปี 2012 ด้วยค่าตัวราว ๆ 32 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าแพงเอาเรื่องเลยในยุคนั้น



ลีลาของ อาซาร์ ที่ เชลซี โดดเด่นและน่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ เขาก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนสำคัญของทีมโดยไม่ต้องปรับตัวอะไรกับฟุตบอล​อังกฤษ​เลยสักนิด พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์​ลีก​ได้ 2 สมัย, ยูโรปา ลีก 2 สมัย และพ่วงด้วยแชมป์เอฟเอ คัพ กับ ลีกคัพอีกอย่างละสมัย


ไม่ใช่แค่แชมป์กับทีม แต่เขายังกวาดรางวัลส่วนตัวอีกมากมายตอนเล่นในอังกฤษ​ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก และได้นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรมากถึง 4 ครั้งเลยทีเดียว ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ตอนปี 2019 ด้วยค่าตัวระดับเกือบร้อยล้านปอนด์ พร้อมค่าเหนื่อยในเรต 4 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์


เส้นทางในทีมชาติของ อาซาร์ นั้นเขาติดทีมมาตั้งแต่ชุดยู-15, ยู-16, ยู-17 และยู-19 โดยลงสนามรวมกัน 37 นัด ยิงได้ 11 ประตู เคยพาทีมลงเล่นทัวร์นาเมนต์​ใหญ่ ๆ อย่างยูโร ยู-17 และฟุตบอลเยาวชนโลกมาบ้าง ก่อนจะถูกเรียกตัวมาเล่นในทีมชาติชุดใหญ่ตอนปี 2018 ซึ่งในตอนนั้นมีฝรั่งเศสที่อยากดึงเขาให้ไปเล่นให้ทัพตราไก่ด้วยเช่นกัน แต่เจ้าตัวปฏิเสธไปเพราะอยากรับใข้ชาาติบ้านเกิดอย่างเบลเยียมมากกว่า


อาซาร์ ลงเล่นให้เบลเยียมเกมแรกในฐานะตัวสำรองนัดที่พบกับลักเซมเบิร์ก พร้อมทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 8 ในประวัติศาสต​ร์ของ​เบลเยียม ด้วยวัย 17 ปี 316 วัน ก่อนจะได้ออกสตาร์ตตัวจริงนัดแรกในอีก 1 ปีต่อมา บนเกมที่เจอกับฮังการี และแจ้งเกิดได้ด้วยการทำ 2 แอสซิสต์ พาทีมชนะไปสบายเกือก 3-0


ทัวร์นาเมนต์​ใหญ่ครั้งแรกของ อาซาร์ กับทีมชาติคือฟุตบอลโลกปี 2014 ครับ ซึ่งเราต้องบอกว่านี่คือการกลับมาเล่นบอลโลกครั้งแรกในรอบ 12 ปีเลยทีเดียว โดยพวกเขาเป็นทีมที่ไม่ได้เป็นตัวเต็งในฟุตบอลโลกมาแต่ไหรแต่ไรแล้ว ผลงานดีที่สุดคือได้อันดับ 4 เมื่อปี 1986  และนับตั้งแต่นะ้นเป็นต้นมา เบลเยียมเองไม่ได้ไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 6 จาก 8 ครั้ง แถม 2 ครั้งที่เข้ามาเล่นก็ยังตกรอบแบ่งกลุ่มอีกต่างหาก


แต่กับในฟุตบอลโลก 2014 พวกเขากลับได้รับการจับตามองว่านี่คือทีมแห่งอนาคต เพราะขุมกำลังดาวรุ่งในชัดนั้นล้วนแล้วแต่มีตัวเทพ ๆ เต็มไปหมด แน่นอนว่า เอแด็น อาซาร์ คือหนึ่งในคนที่ได้รับการยกย่องในระดับท็อป ๆ ของทีมด้วยเช่นกัน


อาซาร์ ช่วงนั้นกำลังพีคสุดขีดกับ เชลซี และเป็นจอมทัพคนสำคัญของเบลเยียม เขาลงเล่นครบทุกนัดในบอลโลกครั้งนั้น ทำได้ 2 แอสซิสต์ในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะพาทีมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญด้วยการผ่านเข้าไปจนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก 


แม้จะไม่ถึงแชมป์ แต่นั่นคือสัญญาณอันสดใสว่าเบลเยียมชุด โกลเด้น เจเนอเรชั่น ที่นำโดย อาซาร์ นั้น มีวี่แววของยอดทีมที่น่าจับตามองมาก ๆ เลยทีเดียว


อาซาร์ สานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมในทีมชาติได้ต่อเนื่องในยูโร 2016 ซึ่งในตอนนั้นเขาได้รับเกียรติเป็นกัปตันทีมชาติแบบเต็มตัว สามารถพาทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ไปพ่ายเวลส์แบบไม่น่าเชื่อด้วยสกอร์ 1-3 ซึ่งในทัวร์นาเมนต์​นั้น อาซาร์ ยิงได้ 1 ประตูและทำแอสซิสต์ติดต่อกันถึง 4 นัด


จบจากยูโรครั้งนั้น อาซาร์ กลับมาเล่นฟุตบอลโลกอีกครั้งกับทัวร์นาเมนต์​ที่รัสเซียปี 2018 พร้อมความคาดหวังว่าจากสื่อว่าควรไปถึงแชมป์ ถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์เพราะอันดับในฟีฟ่า แรงกิ้ง อยู่อันดับหนึ่ง นักเตะในทีมทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นระดับท็อป ๆ ของยุโรป แถมอายุของแต่ละคนก็กำลังอยู่ในช่วงพีคด้วยกันทั้งสิ้น


อาซาร์ เล่นได้เด่นและเป็นเดอะแบกของทีมตามฟอร์ม เขาทำได้ทั้งหมด 3 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ พาทีมคว้าอันดับ 3 ในบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสต​ร์ แม้จพไปไม่ถึงแชมป์อย่างที่หวัง แต่ฟอร์มของ อาซาร์ คือเด่นที่สุดในทีมและพยายามช่วยทีมสุดความสามารถแล้ว เขายิงประตูอังกฤษ​ได้ในเกมชิงที่ 3 และได้รับรางวัล ซิลเวอร์ บอล ในบอลโลกครั้งนี้อีกด้วย




เมื่อหมดจากบอลโลกครั้งดังกล่าว ดูเหมือนว่าพลังของเบลเยียมชุดนี้เริ่มอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด ในยูโร 2020 จอดรอบ 8 ทีมเหมือนเดิม โดย อาซาร์ ทำได้แค่แอสซิสต์เดียว ยิงไม่ได้เลยสักลูก


และกับฟุตบอลโลกครั้งนี้ดูท่าจะอ่อนแรงกว่าในยูโรเข้าไปอีก นักเตะส่วนใหญ่อายุเลยเลข 3 และฟอร์มของ อาซาร์ เองก็ตกฮวบลงไปมาก ไม่ได้เป็นคนเดิมเหมือนสมัยอยู่กับ เชลซี อีกแล้ว


นับตั้งแต่ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ก็โดนทั้งอาการบาดเจ็บเล่นงานไม่หยุดหย่อนฤดูกาล​ 2021-22 อาซาร์ ได้ลงเล่นกับ มาดริด ในเกมลีกแค่ 712 นาที ได้เป็นตัวจริงแค่ 7 นัด ยิงไม่ได้เลยสักลูก


บอลโลกครั้งนี้ อาซาร์ ลงเป็นตัวจริง 2 นัด และ ลงมาสำรอง 1 นัด ไม่มีชื่อทั้งทำประตูและแอสซิสต์เลย เขาเล่นไม่ออก ฟอร์มเด่น ๆ ที่เคยแบกทีมไม่มีให้เห็นอีกแล้ว 


จากเดอะแบก กลายเป็นคนที่ให้เพื่อนร่วมทีมช่วยแบก นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจอำลาทีมชาติ ด้วยวัยเพียง 31 ปี 


การจากลาครั้งนี้คือการเสียสละเพื่อหลีกทางให้คนรุ่นต่อไป เป็นการจากลาสมกับความเป็นผู้นำที่ดี และสมกับเป็นตำนานอีกบทของเบลเยียม แม้ว่าตอนจบจะไม่สวยงามแบบที่ฝัน แต่ก็เป็นการจากลาที่แสดงให้เห็นถึงสปิริตอันยอดเยี่ยม


เราไม่รู้จริง ๆ ครับว่าต่อจากนี้ไป อาซาร์ จะเป็นอย่างไรในนามสโมสร จะคัมแบ็คกลับมาเป็นเทพได้อีกครั้งหรือจะเป็นจอดเส้นทางสายอาชีพไว้เพียงเท่านี้ เวลาเท่านั้นที่จะเป็นคนให้คำตอบกับเราได้


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด