การเติบโตของ แจ็ค กรีลิช
สำหรับ แจ็ค กรีลิช ด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 100 ล้านปอนด์ ถือเป็นนักเตะอังกฤษ ที่มีค่าตัวมากสุดเป็นประวัติศาสตร์ ก่อนเขาจะก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม พร้อมกับพาพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองเป็นผลสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม กว่าที่เขาจะก้าวมายืนตรงจุดนี้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการหันมาดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีส่วนช่วยให้เขาสามารถยืนระยะ โดยเฉพาะในการแข่งขันฟุตบอลระดับสูงได้
“ผมเคยโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนัก”
กรีลิช อกมาย้อนความทรงจำถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ในการหันมาดูแลร่างกายตัวเองมากขึ้น เพื่อเป็นการยืนระยะในเส้นทางลูกหนังให้นานกว่าเดิม แน่นอนว่า มันเคยเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก
“อาการบาดเจ็บ ทำให้แนวความคิดของผมเปลี่ยนแปลงไป” เขากล่าวต่อ “ผมมีความคิดที่ว่า -ฟุตบอลคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต- ผมอยากลงสนามในทุกเกม และต้องการเป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้”
“ย้อนเวลากลับไป ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมไม่ค่อยทำงานหนักในโรงยิมมากนัก กระนั้น ผมตระหนักว่า ผมมีบางอย่างต้องปรับปรุง บางครั้ง ผู้จัดการทีมก็เดินมาบอกกับผมว่า อยากเห็นผมทำงานในโรงยิมมากกว่านี้”
ฟันเฟืองสำคัญ ที่คอยช่วยเหลือกรีลิช ด้านการพัฒนาร่างกาย คือชายที่ชื่อว่า “โอลี่ สตีเวนสัน” อดีตเพื่อนร่วมทีมเยาวชน ที่ปัจจุบันผันตัวเองมาเป็นโค้ชด้านฟิตเนส พร้อมกับดีกรีปริญญาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ทั้งสองคนผ่านการร่วมงานกันที่ต้นสังกัดเก่าอย่างแอสตัน วิลล่า
เมื่อดวงไฟที่ “บอดี้มัวร์ ฮีธ” สนามซ้อมของแอสตัน วิลล่า ดับลง ผู้เล่นบางส่วนต่างทยอยกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม เขากลับอยู่ที่สนามซ้อมต่อไป บ่อยครั้งที่เขาฝังตัวเองอยู่ในโรงยิม คอยทำงานร่วมกับสตีเว่นสัน พวกเขามักอยู่ที่นั่นจนถึงเวลา 1 ทุ่ม
ความพยายาม และความเสียสละเหล่านั้น ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่แข็งแกร่งกล้ามเนื้อของเขาเพิ่มขึ้นเป็นมัด นำไปต่อยอดในการดวลกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม เพราะอย่าลืมว่า เขาเคยเป็นนักเตะที่โดนทำฟาวล์มากสุดในพรีเมียร์ลีก ที่จำนวน 167 ครั้ง สมัยที่ยังเล่นกับแอสตัน วิลล่า
เรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ ย้อนกลับไปสมัยช่วงล็อคดาวน์ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษ กรีลิช ทำการติดตั้งอุปกรณ์ออกกำลังกายที่บ้านของตัวเอง สิ่งที่เพื่อนบ้านเห็นจนชินตา คือภาพที่เขาสับขาอยู่บนลู่วิ่ง พร้อมกับใช้อุปกรณ์เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวเอง
“สตีเว่นสัน เคยเป็นกัปตันทีม สมัยที่เราเล่นร่วมกันที่ทีมเยาวชน” เขาเล่าต่อ “การทำงานด้านฟิตเนสร่วมกับเขา ช่วยเหลือผมได้มาก ผู้คนแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ผมดูแข็งแกร่งมากขึ้น และมีสภาพความฟิตที่ดีขึ้นด้วย หลังจากที่ผมกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ผมมักอยู่ในโรงยิม 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์”
นอกจากการดูแลตัวเองแล้ว หนึ่งสิ่งที่ทำให้กรีลิช ก้าวมาเป็นนักฟุตบอลแถวหน้า ที่มีค่าตัวแพงของศึกพรีเมียร์ลีก นั่นคือเรื่องจิตใจที่ห้าวหาญ ว่ากันว่า นี่คือนักเตะที่ไม่เกรงกลัวที่จะเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง แม้สุดท้ายมันจะแลกมาด้วยความเจ็บปวด ในการถูกไล่เสียบสกัดก็ตาม
เรื่องดังกล่าว ถูกยืนยันจากปากของทางฌอน เดอร์รี่ อดีตผู้จัดการทีมน็อตต์ เคาน์ตี้ ที่ออกมาย้อนความทรงจำถึงกรีลิช ที่เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ในขณะที่ที่ถูกยืมตัวมาใช้งาน เพื่อลุยศึกลีกวัน ฤดูกาล 2013-14
“แน่นอนว่า คุณจะได้เห็นความเหนือชั้นเหล่านั้น กับนักเตะที่อายุมากขึ้นมาหน่อย แต่เขางัดมันออกมาตั้งแต่วัยหนุ่ม บางคนไม่ชอบเห็นเด็กอายุ 17-18 เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดหรอก เขาโดนอัดจนน่วมบ่อยมากในสนามซ้อม แต่เขาลุกขึ้นมาสู้ต่อเสมอ สิ่งเหล่านี้ช่วยหล่อหลอมเขา”
“ผมจำได้เลยว่า เกมหนึ่งเราบุกไปเยือนสตีฟเนจ เขาโดนไล่เสียบจนคว่ำ 6 ครั้ง ภายใน 20 นาทีแรกของเกม !! คู่แข่งคิดว่า การไล่หวดเขา คือการหยุดการเคลื่อนเกมของทีม จากนั้น เขาต้องโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 38 เพราะบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว”
“หลังจากนั้น ผมบอกกับเขาว่า เขาต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเองเล็กน้อย ลองทำชิ่ง 1-2 แทนที่จะลากตะลุยฝ่า คู่แข่งจะไล่อัดน้อยลง”
“คุณรู้อะไรมั้ย ฤดูกาลดังกล่าว เรารอดพ้นจากการตกชั้น เพราะฟอร์มการเล่นของเจ้าเด็กวัย 17 คนนี้นี่แหล่ะ”