:::     :::

การเติบโตของ แจ็ค กรีลิช

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 คอลัมน์ Zero to Hero โดย บังคุง
1,122
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงปี 2021-22

สำหรับ แจ็ค กรีลิช ด้วยค่าตัวมหาศาลกว่า 100 ล้านปอนด์ ถือเป็นนักเตะอังกฤษ ที่มีค่าตัวมากสุดเป็นประวัติศาสตร์ ก่อนเขาจะก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม พร้อมกับพาพลพรรคเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองเป็นผลสำเร็จ 


อย่างไรก็ตาม กว่าที่เขาจะก้าวมายืนตรงจุดนี้ ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการหันมาดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีส่วนช่วยให้เขาสามารถยืนระยะ โดยเฉพาะในการแข่งขันฟุตบอลระดับสูงได้ 

ผมเคยโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนัก


กรีลิช อกมาย้อนความทรงจำถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ในการหันมาดูแลร่างกายตัวเองมากขึ้น เพื่อเป็นการยืนระยะในเส้นทางลูกหนังให้นานกว่าเดิม แน่นอนว่า มันเคยเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก


อาการบาดเจ็บ ทำให้แนวความคิดของผมเปลี่ยนแปลงไปเขากล่าวต่อผมมีความคิดที่ว่า -ฟุตบอลคือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต- ผมอยากลงสนามในทุกเกม และต้องการเป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้


ย้อนเวลากลับไป ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมไม่ค่อยทำงานหนักในโรงยิมมากนัก กระนั้น ผมตระหนักว่า ผมมีบางอย่างต้องปรับปรุง บางครั้ง ผู้จัดการทีมก็เดินมาบอกกับผมว่า อยากเห็นผมทำงานในโรงยิมมากกว่านี้

ฟันเฟืองสำคัญ ที่คอยช่วยเหลือกรีลิช ด้านการพัฒนาร่างกาย คือชายที่ชื่อว่าโอลี่ สตีเวนสันอดีตเพื่อนร่วมทีมเยาวชน ที่ปัจจุบันผันตัวเองมาเป็นโค้ชด้านฟิตเนส พร้อมกับดีกรีปริญญาด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ทั้งสองคนผ่านการร่วมงานกันที่ต้นสังกัดเก่าอย่างแอสตัน วิลล่า 


เมื่อดวงไฟที่บอดี้มัวร์ ฮีธสนามซ้อมของแอสตัน วิลล่า ดับลง ผู้เล่นบางส่วนต่างทยอยกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม เขากลับอยู่ที่สนามซ้อมต่อไป บ่อยครั้งที่เขาฝังตัวเองอยู่ในโรงยิม คอยทำงานร่วมกับสตีเว่นสัน พวกเขามักอยู่ที่นั่นจนถึงเวลา 1 ทุ่ม


ความพยายาม และความเสียสละเหล่านั้น ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่แข็งแกร่งกล้ามเนื้อของเขาเพิ่มขึ้นเป็นมัด นำไปต่อยอดในการดวลกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม เพราะอย่าลืมว่า เขาเคยเป็นนักเตะที่โดนทำฟาวล์มากสุดในพรีเมียร์ลีก ที่จำนวน 167 ครั้ง สมัยที่ยังเล่นกับแอสตัน วิลล่า 


เรื่องราวที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ ย้อนกลับไปสมัยช่วงล็อคดาวน์ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษ กรีลิช ทำการติดตั้งอุปกรณ์ออกกำลังกายที่บ้านของตัวเอง สิ่งที่เพื่อนบ้านเห็นจนชินตา คือภาพที่เขาสับขาอยู่บนลู่วิ่ง พร้อมกับใช้อุปกรณ์เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวเอง


สตีเว่นสัน เคยเป็นกัปตันทีม สมัยที่เราเล่นร่วมกันที่ทีมเยาวชนเขาเล่าต่อการทำงานด้านฟิตเนสร่วมกับเขา ช่วยเหลือผมได้มาก ผู้คนแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ผมดูแข็งแกร่งมากขึ้น และมีสภาพความฟิตที่ดีขึ้นด้วย หลังจากที่ผมกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ผมมักอยู่ในโรงยิม 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์

นอกจากการดูแลตัวเองแล้ว หนึ่งสิ่งที่ทำให้กรีลิช ก้าวมาเป็นนักฟุตบอลแถวหน้า ที่มีค่าตัวแพงของศึกพรีเมียร์ลีก นั่นคือเรื่องจิตใจที่ห้าวหาญ ว่ากันว่า นี่คือนักเตะที่ไม่เกรงกลัวที่จะเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง แม้สุดท้ายมันจะแลกมาด้วยความเจ็บปวด ในการถูกไล่เสียบสกัดก็ตาม


เรื่องดังกล่าว ถูกยืนยันจากปากของทางฌอน เดอร์รี่ อดีตผู้จัดการทีมน็อตต์ เคาน์ตี้ ที่ออกมาย้อนความทรงจำถึงกรีลิช ที่เป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ในขณะที่ที่ถูกยืมตัวมาใช้งาน เพื่อลุยศึกลีกวัน ฤดูกาล 2013-14


แน่นอนว่า คุณจะได้เห็นความเหนือชั้นเหล่านั้น กับนักเตะที่อายุมากขึ้นมาหน่อย แต่เขางัดมันออกมาตั้งแต่วัยหนุ่ม บางคนไม่ชอบเห็นเด็กอายุ 17-18 เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดหรอก เขาโดนอัดจนน่วมบ่อยมากในสนามซ้อม แต่เขาลุกขึ้นมาสู้ต่อเสมอ สิ่งเหล่านี้ช่วยหล่อหลอมเขา


ผมจำได้เลยว่า เกมหนึ่งเราบุกไปเยือนสตีฟเนจ เขาโดนไล่เสียบจนคว่ำ 6 ครั้ง ภายใน 20 นาทีแรกของเกม !! คู่แข่งคิดว่า การไล่หวดเขา คือการหยุดการเคลื่อนเกมของทีม จากนั้น เขาต้องโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 38 เพราะบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหว


หลังจากนั้น ผมบอกกับเขาว่า เขาต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเองเล็กน้อย ลองทำชิ่ง 1-2 แทนที่จะลากตะลุยฝ่า คู่แข่งจะไล่อัดน้อยลง


คุณรู้อะไรมั้ย ฤดูกาลดังกล่าว เรารอดพ้นจากการตกชั้น เพราะฟอร์มการเล่นของเจ้าเด็กวัย 17 คนนี้นี่แหล่ะ 



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด