:::     :::

เอดู + อาร์ต ดูโอพลังหนุ่มที่ผลักดันทีมหนุ่มจนมีลุ้นแชมป์

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 คอลัมน์ ศาสดา On The Ball โดย ศาสดาลูกหนัง
562
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
เกือบ 20 ปีที่ปืนใหญ่ร้างราแชมป์ลีก ใครจะไปเชื่อว่าทีมพลังหนุ่มในมือของ อาร์เตต้า และการบริหารของ เอดู จะกลายเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์เต็มตัวได้ขนาดนี้

อาร์เซน่อล​ ในฤดูกาล​นี้คือทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุนักเตะเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น แต่ผลงานของพวกเขากลับกำลังไปได้สวย มีคะแนนนำ แมนเชสเตอร์​ ซิตี้​ อยู่ 5 คะแนนแถมแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด จากที่ใครต่อใครปรามาสพวกเขาไว้ตอนต้นฤดูกาล​ว่าเดี๋ยวก็แผ่ว เดี๋ยวก็ฟอร์มหลุด ทว่า เมื่อผ่านมาครึ่งทาง เรายังไม่เห็นวี่แววของเรื่องที่ว่าเลยสักนิด


นักเตะปืนโตลงเล่นด้วยความมุ่งมั่น วิ่งกันลืมตาย เพรสซิ่งอย่างเป็นระบบและเซตเกมบุกอย่างมีแบบแผน การปูพรมบุกใส่ทีมฟอร์มแรงอย่าง แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​ ด้วยการยิงถึง 25 ครั้งในเกมล่าสุดคือหลักฐานชั้นดีว่าการเป็นจ่าฝูงในวันนี้ ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ​อย่างแน่นอน


เครดิตส่วนหนึ่งต้องยกให้กับ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือหนุ่ม และ เอดู สปอร์ติ้ง ไดเร็คเตอร์ คนเก่งของทีม ที่ทำงานกันอย่างเงียบ ๆ ไม่หวั่นไหวต่อเสียงวิจารณ์​แม้ในช่วงที่ทีมผลงานย่ำแย่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้คือ "การสร้าง" ไม่ใช่การเสก


เอดู เข้ามารับตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม 2019 และปฏิวัติทีมด้วยการนำ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามาเป็นกุนซือใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน ท่ามกลางคำถามจากแฟนบอลมากมายถึงความสามารถ เพราะ อาร์เตต้า ตอนนั้นยังไม่เคยทำงานกุนซือเลย แต่ เอดู ไม่สนใจเพราะนี่คือคนที่ตอบโจทย์สำหรับแผนงานระยะยาวของเขากับ อาร์เซน่อล​ ได้ดีที่สุด เมื่อพิจารณา​ทั้งเรื่องค่าจ้าง, การทำทีมในงบที่จำกัด, มีความกระหาย และสามารถติดตั้งระบบการเล่นที่เป็นรากฐานของทีมได้




เอดู กับ อาร์เตต้า ทำงานร่วมกันอย่างเข้าขารู้ใจ เหมือนเพื่อนมากกว่าเจ้านายลูกน้อง มีการพูดคุยกันตลอดเวลา แบ่งหน้าที่ชัดเจน โค้ชมีหน้าที่เลือกนักเตะที่ต้องการ ส่วน เอดู มีหน้าที่สรรหาเพื่อนำมาเสนอ หากทั้งสองคนมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน การเดินหน้าเจรจาซื้อขายก็ก็จะเริ่มขึ้น


นักเตะอย่าง เบน ไวท์ ที่คว้าตัวมาในราคา 50 ล้านปอนด์, อารอน แรมส์เดล 30 ล้านปอนด์ กับนักเตะที่ตกชั้น 2 ทีมจาก 2 ฤดูกาล​ หรือแม้แต่การนำตัวของ โทมิยาสุ แบ็คขวาชาวญี่ปุ่นมาร่วมทัพ ล้วนสร้่างคำถามถึงความเหมาะสมในทีแรกแทบทั้งสิ้น แต่สุดท้ายแล้วผลงานในสนามก็ตอบทุกคำถามได้อย่างหมดสิ้นในระยะเวลาไม่นาน


นี่ยังไม่รวมถึงของดีโนเนมอย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ดึงมาแล้วสร้างชื่ออย่างเปรี้ยงปร้างอีกนะครับ หรือจะเป็นทาง กาเบรียล มากัลเญส ที่ เอดู บินไปดูฟอร์มถึงฝรั่งเศสด้วยตัวเองก็เข้าตา, วิลเลี่ยม ซาลิบา เด็กหนุ่มโนเนมอีกคนที่มีราคา 30 ล้านปอนด์ แต่กลับปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวถึง 2 ฤดูกาล ก่อนจะคัมแบ็คสู่ทีมด้วยฟอร์มการเล่นที่ดุดัน ไม่เกรงใจใคร และสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นตัวหลักได้ในทันที


ไหนจะการไปชุบชีวิตของ มาร์ติน โอเดการ์ด ให้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งด้วยสัญญายืมตัวทดลองใช้งาน ก่อนจะซื้อขาดในที่สุด ส่วนในฤดูกาล​นี้ก็ไปคว้าทั้ง กาเบรียล เชซุส และ ชินเซนโก้ มาจาก แมนเชสเตอร์​ ซิตี้​ ซึ่งเป็นแบ็คอัพของทีมแชมป์พรีเมียร์​ลีก​ แต่ยอมควักเงินก้อนโตจ่ายเพื่อเอาประสบการณ์​ในการเป็นแชมเปี้ยนมาสู่ทีม




การทำงานเบื้องหลังของ เอดู ช่วยให้ อาร์เตต้า ทำงานง่ายและมีสมาธิกับเรื่องในสนามเพียงอย่างเดียว ทุกเรื่องบนตลาดซื้อขายคือหน้าที่ของ เอดู ที่รวบทุกอย่างมาให้แล้ว รวมถึงระบบต่าง ๆ ในทีมเยาวชนที่ก็มำหน้าที่ดูแลภาพรวมให้ จน อาร์เตต้า สามารถดึงนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาใช้งานได้ตามใจชอบ


อาร์เตต้า พูดถึง เอดู ว่า "เขาคือคนที่ทำให้ทีมมาไกลจนถึงตอนนี้" 


"เราทำงานร่วมกันอย่างเข้าใจ พูดคุยกันทุกเรื่อง ต่างคนต่างรู้หน้าที่ของตัวเองโดยไม่ก้าวก่ายกัน เขามีไอเดียดี ๆ ในการพัฒนาทีมเยอะมาก ในขณะเดียวกัน​เขาก็รับฟังทุกอย่างจากผม นี่คือการทำงานในฝันสำหรับโค้ชทุกคนเลยล่ะ" 


ขณะที่ เอดู เองก็ยกย่อง อาร์เตต้า ไว้ในระดับสูง และให้ความเชื่อมั่นในการทำงานแบบเต็มตัว


"อาร์ต (อาร์เตต้า)​ คือคนที่เหมาะสมที่สุดของ อาร์เซน่อล​ นับตั้งแต่ อาร์แซน เวนเกอร์ อำลาทีมไป เขาเข้าใจวัฒนธรรม​ของที่นี่ รักฟุตบอลเกมบุก ให้โอกาสเยาวชนแต่ก็ไม่ปฏิเสธ​นักเตะที่มีประสบการณ์​ อย่าง กรานิต ชาก้า เขาก็ดึงให้กลับมามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจนแฟนบอลรักได้อีกครั้ง นี่คือสิ่งสำคัญของคนเป็นโค้ช คือการพัฒนานักเตะให้ดีกว่าที่เป็นอยู่"


ทั้งสองคนร่วมกันสร้างวัฒนธรรม​ในสโมสรใหม่ ๆ ที่ดีมาก ถ้าจำกันได้ในช่วงที่ โอบาเมยอง สร้างปัญหา​นั้น ทั้งคู่ไม่รีรอเลยกับการที่โละออกจากทีม แม้ว่าจะเป็นดาวยิงเบอร์หนึ่งและเป็นกัปตันทีมก็ตาม โดย เอดู สนับสนุน​การตัดสินใจของ อาร์เตต้า แบบเต็มเปี่ยม พร้้อมให้เหตุผล​ว่า อาร์เซน่อล​ ยุคใหม่ต้องไม่มีใครใหญ่กว่าสโมสร และที่สำคัญที่สุดคือ "ทีม" ไม่ใช่ตัวบุคคล


เอดู กับ อาร์เตต้า จูงมือประสานงานกันอย่างลงตัว ทั้งในและนอกสนาม ความเชื่อมั่น ความเชื่อใจในกันและกันมีเต็มเปี่ยม แม้ในช่วงที่ทีมผลงานย่ำแย่เมื่อต้นฤดูกาลที่แล้ว แต่ เอดู ก็ไม่โอนอ่อนไปตามกระแสที่อยากให้ปลด อาร์เตต้า เพราะเขารู้ดีว่าทีมกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง แค่ต้องอดทนและรอเวลา


หากเปรียบ อาร์เซน่อล​ เป็นต้นไม้ใหญ่ รากของพวกเขาในตอนนี้ที่ลงแรงดูแลมาหลายปี กำลังเติบโต หยั่งรากลงไปจนแข็งแกร่ง และที่สำคัญคือยังมีผลที่สวยงามรอให้เก็บเกี่ยวในอีกไม่นานนี้เสียด้วย



ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด