หลายทีมทำการเสริมทัพกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ปล่อยออกไปถึง 11 คน และเข้ามาใหม่ 10 ราย แต่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลับเลือกเติมมาแค่ 3 คนแบบเน้นไปที่ตัวต่างชาติกับอาเซียนเท่านั้น ไม่มีแข้งไทยแม้แต่รายเดียว

แข้งใหม่ “ปราสาทสายฟ้า” ล้วนอิมพอร์ตเข้ามาจากยุโรป โดยไม่ได้หวังมาแค่เพียงป้องกัน “ทริปเปิ้ล แชมป์” เท่านั้น แต่ว่าพวกเขายังมองไปถึงการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/2024 อีกด้วย

ฮาริส วุชคิช (แทนที่ อายุบ มาซิก้า)

เมื่อ อายุบ มาซิก้า หลุดไปเป็นแข้งสำรอง และแทบไม่มีโอกาสลงสนามในช่วงเลกแรกให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้ทีมตัดสินใจยกเลิกสัญญากับปีกทีมชาติเคนยา พร้อมกับดึงแนวรุกร่างยักษ์นามว่า ฮาริส วุชคิช เข้ามาเติมเต็มในทันที

ดาวเตะเจ้าของความสูง 186 เซนติเมตร มีผลงานที่กระฉ่อนในยุโรปอย่างมาก นอกจากติดทีมชาติสโลวีเนีย มาทุกชุด ไล่เรียงตั้งแต่ชุด ยู-15, ยู-16, ยู-17, ยู-19, ยู-20, ยู-21 และทีมชาติชุดใหญ่ ลงสนามไปแล้วทุกระดับ 55 เกม ยิง 19 ประตู

ในซีซั่น 2008/2009 ย้ายไปค้าแข้งกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมดังพรีเมียร์ลีก  อังกฤษ อยู่นานและถูกปล่อยตัวไปเล่นยังสโมสรต่างๆ ตลอดสัญญา 9 ปี จากนั้นก่อนเริ่มฤดูกาล 2017/18 เอฟซี ทเวนเต ทีมดังของเนเธอร์แลนด์ ก็จัดการคว้าตัวไปเป็นกำลังหลัก 

แถมยังเคยผ่านลีกสก็อตแลนด์กับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ ไปจนถึง เรอัล ซาราโกซ่า ในลา ลีกา สเปน ซึ่งการมาเล่นให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขาพิสูจน์ให้เห็นการปั้นเกมด้วยการเล่นดีทั้งสองเท้า,  มีจินตนาการที่ยอดเยี่ยม, ทักษะฝีเท้าที่สมระดับดีกรีทีมชาติสโลวีเนียชุดปัจจุบัน รวมถึงยังมีวิสัยทัศน์และคลาสบอลที่อยู่ในระดับสูงอีกด้วย

ฟิลิป โรกิช (มิดฟิลด์มากประสบการณ์ชาวสวีดิช)

แม้ว่า แฟรงค์ คาสตาเญดา จะเคยผ่านการล้ม เรอัล มาดริด ในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้ว ทว่าเขาเองกลับไม่ตอบโจทย์ในการปั้นเกมรุกทางริมเส้นให้กับ “ปราสาทสายฟ้า” ได้มากเท่าที่ถูกคาดหวัง จึงเป็นสาเหตุให้ทีมตัดสินใจแยกทางกับพ่อหนุ่มโคลอมเบียผู้นี้ซึ่งย้ายไปร่วมทีม ซาร์มิเอนโต ในลีกอาร์เจนติน่าเรียบร้อย

กลายเป็นตัวละครลับอย่าง ฟิลิป โรกิช ในการมาแทนที่โควตาต่างชาติรายที่ 2 โดยกองกลางชาวสวีเดนเชื้อสายโครแอต วัย 29 ปี ที่เคยร่วมงานกับ เรบิน ซูลาก้า กองหลังทีมชาติอิรัก ในทีม เอเอฟซี เอสกิลสตูนา ในลีกสวีดิช เมื่อฤดูกาล 2015/2016 และยังเป็นเพื่อนสนิทที่ติดต่อพูดคุยกันอยู่เรื่อยมา

กระทั่งในเกมเปิดหัวเลกสอง ไทยลีก 2022/2023 เขาได้โอกาสประเดิมสนามให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว หลังจาก โกรัน เคาซิซ ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 4 ใบ ทำให้ได้ยืนเป็นกองกลางตัวจริงในนัดบุกถล่ม สุโขทัย เอฟซี 3-0

เขาสวมเสื้อหมายเลข 7 ยืนคุมเกมแดนกลาง ซึ่งผลงานอาจยังไม่เห็นภาพชัดเจนมากนัก แต่ก็เข้าใจได้ว่านี่เพิ่งเป็นเกมแรกของเขากับทีมใหม่ โดยเขาเพิ่งมาร่วมซ้อมกับ “ปราสาทสายฟ้า” ได้ราว 2 สัปดาห์ก่อนเปิดตัว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับทีมเพื่อพิสูจน์ผลงานอีกสักพัก แต่โดยรวมเท่าที่เห็นก็ถือว่ามีแนวโน้วที่ดี ในการเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมในหลายๆ จังหวะ 

ดิออน คูลส์ (โควตาอาเซียน ทีมชาติมาเลเซีย)

แนวรับทีมชาติมาเลเซีย ที่สามารถเล่นได้ทั้งเซนเตอร์, แบ็คขวา หรือจะขึ้นไปเป็นกองกลางก็ยังได้ แถมยังมีประสบการณ์ลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งรอบแบ่งกลุ่ม และรอบคัดเลือก รวมทั้งศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ไปถึง 21 นัด เคยเจอบิ๊กทีม อย่าง เรอัล มาดริด หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว

กระทั่ง ลิเวอร์พูล ในยุคที่มีเกมรุกอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, ดิโอโก โชตา รวมทั้งเจอกับทีมดังๆ ในยุโรปอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น เลสเตอร์ ซิตี้, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ไอแอ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, โมนาโก และเอฟซี ปอร์โต้ ก็ผ่านเขามาหมดแล้วเช่นเดียวกัน

การได้ ดิออน คูลส์ เข้ามาถือเป็นการช่วยเติมเกมทางเลือกในแนวรับฝั่งขวาให้แน่นยิ่งขึ้น รวมถึงยังสามารถเล่นร่วมสอดซ้อนในการคัพเวอร์กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่จะเติมขึ้นไปเพื่อทำเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันอดีตดาวเตะเกมรับเยาวชนทีมชาติเบลเยียม ยังมีทีเด็ดจากการทุ่มไกล และลูกเตะมุม รวมทั้งการออกบอลทางริมเส้นที่แม่นคมตามสไตล์ยุโรป เพราะเขาเคยอยู่กับทีมอย่าง โอเอช ลูเวิน, คลับ บรูซ, มิดทิลแลนด์, ซุลเต้ วาเรเกม และ ยาโบลเนค มาแล้ว

ทั้งหมดนี้ถือเป็นการเสริมทัพที่ยิ่งทำให้ “ปราสาทสายฟ้า” มีขุมกำลังที่แกร่งทั่วแผ่นมากขึ้นไปอีกระดับ และยังเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมในอีก 7 เดือนข้างหน้า กับการกลับมาเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/2024 ซึ่งพวกเขาเคยไปได้ไกลที่สุดถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายมาแล้วเมื่อปี 2013 อีกด้วย