:::     :::

งานท้าทายของ"โค้ชโจ"กับภารกิจ"แมว9ชีวิต"

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 คอลัมน์ ONE MAN SHOW โดย แมน โกสินทร์
436
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
สัปดาห์ที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนเก้าอี้กุนซือของสโมสรในไทยลีก ไม่ว่าจะเป็น "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี ที่ปลด "แมตต์ ฮอลแลนด์" ออกจากตำแหน่งกุนซือหลังไม่สามารถยกระดับการเล่นของทีมได้ตามที่บอร์ดบริหารต้องการ

เอาจริงๆ ไม่แปลกใจเลยสักนิด เพราะไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว “การท่าเรือ” ต้องหาคนมาแทน “ฮอลแลนด์” แน่ๆ 

แต่เซอร์ไพรส์คือคนที่เข้ามารับไม้ต่อ เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่า “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ จะกวักมือเรียก “โค้ชโค้ช” โชคทวี พรหมรัตน์ กลับมาทำหน้าที่เฮดโค้ชอีกครั้ง แม้จะมี “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ กุนซือฝีมือดีเข้ามาเป็นเพื่อนคู่คิดด้วย 

เพราะภาพที่ “โค้ชโชค” อำลาทีมไป ยังทำให้รู้สึกถึงความตึงบางอย่าง แต่ด้วยความสัมพันธ์แบบพี่น้องของครอบครัว “การท่าเรือ” อะไรก็เกิดขึ้นได้หมด และก็เปฺ็นอย่างที่เห็น 

นัดแรกที่ประเดิมคุมทีมคือศึกลูกหนัง ช้าง เอฟเอคัพ รอบ 16 ทีม ซึ่งรายการนี้ถือเป็นเป้าหมายใหญ่ของทีม ด้าน “โค้ชโชค” คือกุนซือที่พา “การท่าเรือ” คว้าแชมป์เมื่อปี 2019 

ปรากฎว่า “โค้ชโชค” และ “โค้ชอั๋น” ไม่ทำให้แฟนบอลในสนามแพท สเตเดียม ต้องผิดหวังเมื่อพาทีมเอาชนะ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ทีมจาก ไทยลีก 2 ไปแบบไม่ยากเย็น 4-0 

ถือเป็นการเรียกความมั่นใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับแฟนบอลคลองเตยอาร์มี่ ได้ไม่มากก็น้อย 

ข้ามไปทางอีสาน “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ก็ตั้งคนคุ้นเคย “โค้ชโจ” ธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น เข้ามากุมบังเหียนแทน “เควิน แบล็คเวลล์” กุนซือเลือดผู้ดีเช่นกัน 


สถานการณ์ของ “สวาทแคท” แตกต่างจาก “การท่าเรือ” คือตอนนี้พวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะหล่นไปอยู่ในโซนตกชั้น เมื่ออยู่อันดับ 13 ของตารางคะแนนมีแต้มตามหลังทีมที่อยู่โซนสีแดงอย่าง “ลำพูน วอร์ริเออร์” อยู่แค่แต้มเดียวเท่านั้น

 ซึ่งแน่นอนว่างานที่ “โค้ชโจ” จึงหินกว่า “โค้ชโชค” และ “โค้ชอั๋น” อย่างแน่นอน 

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “โค้ชโจ” เจอสถานการณ์บีบบังคับแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยพา พีทีที ระยอง หรือ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทีมเดียวกันนี้รอดตกชั้นมาแล้ว

ล่าสุดเมื่อวานนี้ “โค้ชโจ” เปิดตัวอย่างสวย เมื่อพา “สวาทแคท” ไล่ต้อน “สุพรรณบุรี เอฟซี” จากไทยลีก 2 ไปแบบไม่ยาก 5-1 พร้อมกับตีตั๋วผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป

เรียกว่าเปิดตัวสวยไม่แพ้กัน 


แต่จากนี้เป็นต้นไปคือบทสอบของ “โค้ชโจ” และ “สวาทแคท” อย่างแท้จริง เพราะมีโปรแกรมลงเล่นในศึกรีโว่ไทยลีก 3 นัด ที่สำคัญต้องออกไปเล่นเป็นทีมเยือนทั้งหมด 

เริ่มจากออกไปเยือน “หนองบัว พิชญ” ในสุดสัปดาห์นี้ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ต่อด้วยโปรแกรมวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ต้องออกไปเยือน “ลำพูน วอร์ริเออร์” ซึ่งฟอร์มการเล่นในช่วงหลังดีขึ้น หลังการมาคุมทีมของ “อเล็กซานเดร กาม่า” กุนซือเลือดแซมบ้า

และนัดสุดท้ายเดือนแห่งความรัก วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ต้องทำศึกอีสานดาร์บี้แมตช์กับเพื่อนบ้านเรือนเคียงอย่าง “ขอนแก่น ยูไนเต็ด” ที่เริ่มเข้าที่เข้าทาง หลังจากการมาคุมทีมของ “โค้ชบอส” ปฏิภัทร รอบรู้ 

จะเห็นได้ว่า 2 จาก 3 นัด ที่ลงสนามของ “สวาทแคท” เป็นการพบกันระหว่างทีมที่ลุ้นหนีตกชั้น 


เมื่อวัดตัวผู้เล่นแบบปอนด์ต่อปอนด์และศักยภาพของคู่แข่งทั้ง 3 ทีม ต้องบอกว่า “สวาทแคท” มีโอกาส ชนะ แพ้ หรือ เสมอกับ 3 ทีมได้ทั้งหมด 

แต่ที่น่าห่วงคือทั้ง 3 นัดนี้ต้องเล่นเป็นเกมเยือน แน่นอนว่าความเสียเปรียบจะตกมาอยู่ที่ “สวาทแคท” แน่นอน ที่สำคัญต้องภาวณาให้นักเตะไม่มีเจ็บหรือแบน เพราะตัวสำรองมีให้เลือกน้อยเหลือเกิน 

เรียกว่าเป็นงานท้าทายของ “โค้ชโจ” ในการพา “สวาทแคท” อยู่รอดในลีกสูงสุดอีกครั้ง เชื่อว่า “โค้ชโจ” เองก็พร้อมรับมือและไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามันสอนให้เขาต้องเดินหน้าสู้เท่านั้น 


หากทำให้ทีม “สวาทแคท” รอดตายได้ แฟนบอลคงรักกุนซือรายนี้มากกว่าเดิม แต่ “โค้ชโจ” คงไม่อยากสู้คนเดียวไม่ไหว

หวังว่าแฟนบอลจะหนุนหลังนักเตะเยอะๆ เพื่อให้ทีมทำภารกิจนี้หนีตายให้สำเร็จตามเป้าหมาย


ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด