การมาของ บาราฆา สร้างความตื่นเต้นให้กับ บาเลนเซียนิสต้า อย่างมาก เพราะเขาคือตำนานของสโมสรในยุคที่ว่ากันว่า “ดีที่สุดในประวัติศาสตร์” ของ บาเลนเซีย เลยทีเดียว 

ย้ายจาก แอตเลติโก มาในฤดูกาล 1999–2000 แล้วสานต่อความสำเร็จจากรุ่นก่อนที่พอดังแล้วก็ทยอยย้ายออกไปอย่าง เคราร์ด โลเปซ , ฟรานซิสโก้ ฟารีนอส 

ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ บาราฆา จับคู่กับ ดาบิด อัลเมด้า อย่างลงตัว พาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย,โกปา เดล เรย์ 1 สมัย ,เข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2000-01 (แพ้จุดโทษ บาเยิร์น มิวนิค ที่ มิลาน) , แขมป์ยูฟ่า คัพ และ แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 

อย่างไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ สาวก ‘โลส เช’ ทุกคนวาดหวังว่า บาราฆา จะเข้ามาชุบชีวิตค้างคาวที่กำลังปีกหักตัวนี้ อย่างน้อยๆก็ให้ไม่ต้องตกไปเล่นใน เซกุนด้า  

ในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเผินๆ บาราฆา เป็นตัวเลือกที่ดี เอาตำนานสโมสรมาปลุกใจแข้งรุ่นน้องให้ฮึดสู้ เหมือนอย่างที่ ลาปอร์ต้า เลือก ชาบี เข้ามาทำ บาร์ซ่า แต่จากข่าวที่ออกมาเหมือนว่า บาราฆา เป็นตัวเลือกที่ “ถูกสุด” 

“ถูกสุด” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึง “ถูกต้องที่สุด” แต่หมายถึง “ค่าใช้จ่ายถูกที่สุด” 

ในกระบวนการคัดเลือกเทรนเนอร์คนใหม่ มิเกล อังเคล โกโรน่า ผ.อ.เทคนิค กับ ฆาเบียร์ โซลิส ผ.อ.สโมสร บินไปหารือกับ ปีเตอร์ ลิม ถึง สิงคโปร์ โดยมีเทรนเนอร์ 3 คนอยู่ในลิสต์ 

คนแรกคือ บาราฆา ,คนที่สองคือ บิเซนเต้ โมเรโน่ และคนที่ 3 นูโน่ เอสปิริตู ซานตู 

ส่วนตัว ลิม ชื่นชอบ นูโน่ มากที่สุด เพราะเคยร่วมงานกันและกุนซือโปรตุกีสเคยฝากผลงานน่าประทับใจไว้ด้วยการพาทีมคว้าอันดับ 4 ได้ตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาล 2014-15  

นูโน่ ถือเป็นคนโปรดของ ลิม ด้วยต้นทุนที่ว่าเอเยนต์ของเขาคือ ฮอร์เก้ เมนเดส คนที่คอยช่วยเหลือจน ลิม เทคโอเวอร์บาเลนเซีย สำเร็จ แต่ข้อเสียซึ่ง ลิม อาจจะมองว่าไม่ใช่ก็ได้ของ นูโน่ ก็คือ เขาไม่แคร์คนทำงาน อื่นๆในสโมสรเลย 

ทุกครั้งที่มีปัญหา หรือต้องการอะไร นูโน่ จะต่อสายตรงถึง ลิม ทันที ซึ่งถือว่าผิดหลักการ ถึงแม้สุดท้าย ลิม จะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนั้นก็ตาม 

ลิม อยากได้ นูโน่ อีกครั้ง ซึ่ง นูโน่ เองก็เต็มใจมา หากแต่ติดที่เขารับงานอยู่กับ อัล อิตติฮัด ในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมีสัญญาถึง 2024 

ถ้า ลิม ยอมจ่ายค่าฉีกสัญญา นูโน่ ก็ไม่มีปัญหาในการเก็บของย้ายจากตะวันออกกลางกลับมารับลมทะเลแถบเมดิเตอร์เรเนี่ยน แต่ ลิม ไม่อยากจ่าย เรื่องเลยจบอยู่แค่นั้น 

คนต่อมา บิเซนเต้ โมเรโน่ ปัจจุบันกำลังคุม อัล ชาบับ ใน ซาอุดิ โปรลีก เช่นเดียวกับ นูโน่ 

คนนี้ โกโรน่า กับ โซลิส เชียร์เต็มที่เพราะเชื่อมั่นในฝีมือและประสบการณ์ ผลงานการคุมสโมสรอย่าง เรอัล มายอร์ก้า และ เอสปันญ่อล ถือว่าใช้ได้ อีกทั้งคุ้นชินกับการทำงานภายใต้สถานการณ์กดดัน ทรัพยากรจำกัด ซึ่ง ลิม เองก็ไม่ขัด 

สัญญาของ โมเรโน่ ที่มีอยู่กับ อัล ชาบับ ก็ถึงแค่ซัมเมอร์ 2023 ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่าฉีกสัญญาแพงมาก ทว่าการเจราจามาสะดุดตรงที่ โมเรโน่ เรียกร้องสัญญา 2 ปีครึ่ง คือจนจบฤดูกาลปัจจุบันบวกไปจนถึงปี 2025 ซึ่ง ลิม ไม่โอเค 

ลิม ต้องการเซฟค่าใช้จ่าย และไม่ต้องการการผูกมัดที่นานเกินไป ทั้งค่าฉีกสัญญาในวันที่ดึงตัวมา และค่าชดเชยในวันที่ไล่ออก ต่างจาก บาราฆา ที่กำลังว่างงาน และพร้อมรับสัญญาระยะสั้น แบบไม่มีเงื่อนไข 

รับงานแบบไม่มีเงื่อนไข หมายถึงจบซีซั่นนี้ ดูผลงานแล้วค่อยว่ากัน หากดีก็ไปต่อ หากแย่ก็ต้องควักอะไร ถือว่าตรงนี้สโมสรได้เปรียบ เพียงแต่ บาราฆา ในฐานะเทรนเนอร์กับนักเตะมีผลงานที่ต่างกันอย่างมาก 

กลางสนาม บาราฆา คือเจ้าของพื้นที่ ไม่ว่าใครปะทะกับเขาย่อมครั่นคร้าม แต่เมื่อเปลี่ยนบทบาทมาสั่งการที่ข้างสนาม บาราฆา ยังไม่มีอะไรโดดเด่น 

ในการคุม เอลเช่,ราโย บาเยกาโน่,สปอร์ติ้ง คิฆอน,เตเนรีเฟ่ และ เรอัล ซาราโกซ่า บาราฆา ยังสอบไม่ผ่าน โดยโดนไล่ออกจากตำแหน่ง 3 ครั้ง,ขอลาออก 1 ครั้ง(เตเนรีเฟ่) และปฏิเสธการต่อสัญญา 1 ครั้ง(เอลเช่) 

เป็นไปได้ว่าที่ผ่านมาเขาต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดมากมาย เทรนเนอร์เก่งๆหลายคนต่างก็ล้มลุกคลุกคลานมาก่อนเมื่อเริ่มต้นสร้างชื่อเสียง

แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดก็คือสถานการณ์ในวันนี้ของ บาเลนเซีย นั้นหนักเกินไปสำหรับ บาราฆา หรือเปล่า ?

บาราฆา ดีพอที่จะคุม บาเลนเซีย แน่นอน แต่น่าจะไม่ใช่กับสถานการณ์เช่นปัจจุบัน เขาควรมาเมื่อทีมพร้อมกว่านี้ หรือไม่ก็ตอนซัมเมอร์เพื่อให้มีเวลาในการเลือกทีมด้วยตัวเอง 

แน่นอนว่าการมาของเขากระตุ้นทีมได้มาก บรรยากาศของทีม เสียงตอบรับจากแฟนบอล ยิ่งหอบหิ้ว การ์ลอส มาเชน่า มาเป็นมือขวา ยิ่งชวนให้หวนรำลึกถึงคืนวันเก่าๆที่เคยยิ่งใหญ่ 

แต่ที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่า บาเลนเซีย ไม่เคยดึงอดีตนักเตะคนดังของสโมสรเข้ามาทำงาน หากนับแล้ว บาราฆา คือตำนานคนที่ 6 ต่อจาก กีเก้ ฟลอเรส (2005) , มาริซิโอ เปเนกริโน่ (2012),มิโรสลาฟ ยูคิช (2013 ) , อันโตนิโอ ปิซซี่ (2013) และ โบโร่ ซัลบาดอร์ กอนซาเลซ (คุมทีม 6 สมัย) 

เทียบผลงานในอดีตที่ผ่านมา เห็นจะมี กีเก้ ฟลอเรส คนเดียวที่ประสบความสำเร็จ 

กีเก้ คุมทีม 2 ฤดูกาล จบอันดับที่ 3 และ 4 ของตารางคว้าตั๋วลุยแชมเปี้ยนส์ลีกได้ทั้ง 2 ซีซั่น แถมยังเคยพาทีมทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายก่อนพ่ายให้ เชลซี อีกด้วย 

แต่ที่เหลือ ส่วนใหญ่ล้มเหลว อย่างรายของ เปเยกริโน่ เข้ามาคุมทีมในตอนที่ยังแทบไม่มีประสบการณ์ ผลงานออกมา 21 เกมในทุกรายการชนะ 10 เสมอ 4 แพ้ 7 ก่อนจะโดนปลดออกจากตำแหน่ง

รายของ ยูคิช เข้ามาคุมทีมได้แค่ 16 นัดก็โดนปลดเพราะผลงานแย่ รั้งอันดับ 9 ของตาราง (เอาจริงๆถ้าเทียบกับตอนนี้ก็คือว่าไม่เลวร้าย) 

คงมีเพียงแค่ ปิซซี่ ที่เข้ามาแล้วได้รับคำชมในแง่ของรูปแบบการเล่นว่าพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเมื่อจบฤดูกาลด้วยการพลาดโควต้าไปเล่นฟุตบอลยุโรป ก็ถูก ลิม ปลดออกจากตำแหน่งเพราะทำไม่ได้ตามเป้า 

มองในแง่บวก บาราฆา อาจแตกต่างจากอดีตตำนานส่วนใหญ่ เขาอาจเดินตามรอยของ กีเก้ ฟลอเรส ก็เป็นได้ แต่ด้วยทรัพยากร และเเรงสนับสนุนจากสโมสรยามนี้ รวมกับประสบการณ์ที่ยังไม่มาก ก็ให้น่าห่วงว่าชื่อเสียงและบารมีของเขาจะช่วยทีมได้แค่ไหน

กรณีนี้ผมมองว่าแตกต่างจาก ชาบี ที่ บาร์เซโลน่า, จริงอยู่ที่ ชาบี ได้รับการยอมรับจากนักเตะโดยทันทีจากชื่อเสียงในอดีต แต่เขาก็มีผลงานกับ อัล ซาดด์ ที่น่าประทับใจด้วยเช่นกัน และเมื่อมาแล้วบอร์ดบริหารทุ่มงบสนับสนุนเต็มที่ ซึ่งกรณีหลังนี้แตกต่างจาก บาราฆา แน่ อย่างน้อยๆก็ระหว่างนี้ที่ไม่สามารถซื้อนักเตะใหม่ได้ 

ให้บังเอิญว่า บาราฆา จะประเดิมสนามเกมแรกด้วยการนำทีมไปเยือน เคตาเฟ่ ที่มี กีเก้ ฟลอเรส เป็นเทรนเนอร์ ในวันจันทร์ที่ 20 ก.พ. นี้ ซึ่งเป็นเกมที่สำคัญมากๆต่อความอยู่รอด เนื่องจากอยู่ในโซนตกชั้นด้วยกันทั้งคู่ 

ถามว่า บาราฆา คือตัวเลือกที่ถูกต้องหรือไม่ ? คงต้องให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่จากมุมมองส่วนตัว ผมค่อนข้างห่วงครับ ด้วยเหตุผลอย่างที่อธิบายไปแล้วข้างต้น แต่ภาวนาขอให้ผมคิดผิดแล้วกันครับ

เจมส์ ลา ลีกา