มันน่าเบื่อทุกครั้งที่พวกคุณถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะผมพูดแบบเดียวกันเสมอ ผมรู้สึกดี และผมต้องการอยู่กับ เรอัล มาดริด ต่อไป แต่ผมต้องคุยกับสโมสรก่อน แล้วดูว่าพวกเขาคิดอย่างไร เราจะได้รู้กัน
ผมต้องการอยู่ต่อเพราะพวกเขา (สโมสร) มองว่าผมคู่ควร ไม่ใช่เพราะต้องการตอบแทนผม ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครมอบอะไรให้ผมฟรีๆ และมันจะไม่เกิดขึ้นในตอนนี้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของผมกับเรอัล มาดริด นี่คือสโมสรแห่งชีวิตของผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ข้างต้นนี้คือบทสัมภาษณ์ของ ลูก้า โมดริช ที่ให้ไว้กับผู้สื่อข่าวก่อนเกมบุกถล่ม ลิเวอร์พูล 5-2 ถึง แอนฟิลด์ อันเป็นอีกหนึ่งเกมท่ีเขาโชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซให้แฟนๆได้ทึ่ง
ในวัย 37 โมดริช ยืนยันว่าเขายังมีไฟ อยากลงเล่นกับ เรอัล มาดริด ต่อไป ต่างจากคู่หูแดนกลางอย่าง โทนี่ โครส ผู้อ่อนกว่า 4 ปีที่กำลังลังเลว่าจะ “เล่น หรือ เลิก”
ตลกร้าย ตรงที่มีข่าวลือเล็ดรอดจากออฟฟิศย่าน บัลเดเบบาส ว่า สัญญาฉบับใหม่ของ โมดริช ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ โครส !
กล่าวคือโปรเจคต์สร้างทีมของ เรอัล มาดริด ซัมเมอร์นี้ เป้าหมายสำคัญของพวกเขาล็อคเป้าไปที่ จู๊ด เบลลิ่งแฮม มิดฟิลด์เนื้อหอมของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุน ที่ยักษ์ใหญ่หลายทีมจ้องตาเป็นมัน
หากได้เข้ามา มาดริด จำเป็นต้องพิจราณาระบายผู้เล่นบางคนออกไป เพราะหากไล่เรียงตามจำนวนมิดฟิลด์ที่มีอยู่เดิมรวม จู๊ด เข้าไปด้วยก็จะเกิดภาวะ overbooking ในแผงกลาง
กามาวินก้า กับ ชูอาเมนี่ ยังไงก็ต้องเก็บไว้ใช้งานยาวๆ ส่วน ดานี่ เซบายอส ด้วยฟอร์มเวลานี้กับอายุการใช้งานที่เหลืออยู่หากไม่มีข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้เข้ามาก็สมควรต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไปเช่นกัน ดังนั้นแล้วหวยจึงมาตกอยู่ที่ โครส กับ โมดริช
ว่ากันตามความสำเร็จ ฝีเท้า ชื่อชั้น 2 คนนี้แทบไม่มีอะไรต่างกัน ต่างเป็นโคตรบอลด้วยกันทั้งคู่ ใครเก่งกว่าก็แล้วแต่คนจะมอง หากแต่ด้วยอายุที่ต่างกัน 4 ปี ทำให้ผู้บริหารต้องมองไปที่ โครส ก่อน
ในแง่ของปริมาณการมีมิดฟิลด์อยู่ในทีม 5-6 คน เอาจริงๆก็ไม่ได้เยอะมากอะไร แต่ในแง่ของควอลิตี้ล่ะก็ ใครล่ะจะนั่งสำรอง ?
เชื่อว่าหาก จู๊ด เลือก มาดริด ข้อตกลงแรกๆที่ต้องคุยกันให้สะเด็ดน้ำก็คือ “ต้องตัวจริง” ถ้า มาดริด การันตีให้ไม่ได้ ก็อาจชวดลายเซ็นของเขา
เมื่อ จู๊ด ตัวจริง, ชูอาเมนี่ เป็นแกนหลักในตำแหน่งตัวรับ , กามาวินก้า ก็เติบโตและแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และถ้า โครส ตัดสินใจต่อสัญญาออกไป ก็อาจหมายถึงสิ้นสุดเส้นทางของ โมดริช
ที่กล่าวมานี้ นี่ยังไม่รวมกรณีหาก โรดรีโก้ ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าตัวหลัก เฟเด บัลเบร์เด้ ก็ต้องหาที่ลงด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าไม่เก่ง ไม่ใช่ไม่ผูกพัน แต่ด้วยอายุที่มากถึง 37 สโมสรจำเป็นต้องไปยังอนาคตข้างหน้า แฟนๆที่ค่อนขอดว่า มาดริด ชอบทิ้งขว้างสตาร์ก็ควรต้องมองในมุมที่ว่า รอบ 20 ปีมานี้มีนักเตะอายุเกิน 35 คนไหนบ้างที่ได้อยู่กับ มาดริด ใน “สถานะคนสำคัญ” ? ต้องบอกว่ามีน้อยมาก และ โมดริช คือหนึ่งในนั้น
อีกหนึ่งเหตุผลที่ฟังแล้วเจ็บแปลบ แต่มันคือความจริงที่มองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องค่าใช้จ่าย
การจะได้นักเตะอย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม มา ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่า มาดริด ต้องจ่ายหนักทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อย ซึ่งสโมสรเองถึงแม้ไม่ได้มีปัญหาการเงินติดลบเหมือนอย่าง บาร์เซโลน่า หรือ แอต.มาดริด , ล่าสุด ลา ลีกา ประกาศยอดเงินที่อนุญาตให้ มาดริด ใช้จ่ายได้ในซัมเมอร์นี้อยู่ที่ 683.46 ล้านยูโร ซึ่งมากที่สุดใน ลีกา ทว่าตามหลักบริหารแล้ว ยังไงก็ต้องเซฟค่าใช้จ่ายให้อยู่ในเกณฑ์
ปัจจุบัน โมดริช รับค่าเหนื่อยหลังหักภาษีแล้วอยู่ที่ 9 ล้านยูโรต่อปี มองจากตัวเลขนี้ก็ถือว่าสมราคาฝีเท้าระดับบัลลงดอร์แล้ว แต่ในมุมของสโมสรที่ต้องจ่ายให้ โมดริช แบบรวมภาษี เบ็ดเสร็จแล้วตัวเลขจะทะยานไปที่ 18 ล้านยูโรเลยทีเดียว ก็อาจจะต้องคิดหนัก
มีความเป็นไปได้ว่า โมดริช จะยอมรับค่าเหนื่อยที่น้อยลงกว่าเดิมในสัญญาฉบับใหม่ แต่ประเมินแล้วยังไงก็คงไม่ต่ำกว่า 6-7 ล้านยูโรต่อปีแน่ (รวมภาษีคูณ 2 เข้าไป) ก็ยังถือเป็นรายจ่ายก้อนโตอยู่ดี
นี่จึงเป็นที่มาของข่าวลือที่ทำเอา มาดริดิสต้า (ส่วนนึง)ไม่ค่อยแฮปปี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อนาคตของ โมดริช ก็ยังไม่ได้บทสรุป ทุกอย่างอยู่ที่การพูดคุยระหว่างทั้งสองฝ่ายว่าถอยให้กันได้แค่ไหน
สโมสรมองภาพรวมอย่างไร และ มาดริด ได้ จู๊ด มาหรือไม่ รวมถึง โครส อยู่ต่อหรือเปล่า ?
การมาของ จู๊ด หรือการคงอยู่ของ โครส จะปฏิเสธว่าไม่กระทบต่ออนาคตของ โมดริช ก็คงไม่ได้ ถึงแม้ตามหลักการมันไม่ควรกระทบถึงกัน
ทว่าในโลกแห่งความจริงนี่คือทีมฟุตบอลที่ต้องการความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมอยู่เสมอ ทุกๆวันคือการพัฒนาแข่งขัน อย่าว่าถึงการติดอยู่กับอดีตเลย แค่อยู่กับทีมก็ไม่ได้แล้ว ดังนั้นการไม่ต่อสัญญากับตำนานอย่าง โมดริช แม้ไม่อยากให้เกิด แต่มันก็อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้
เจมส์ ลา ลีกา
