คาเซมิโร่ เริ่มต้นเส้นทางนักเตะจากทีมเยาวชนของ เซา เปาโล ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนจะพยายามไต่เต้าจนติดทีมชุดใหญ่ได้ในปี 2010 พร้อมกับทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ลงสนามไป 111 นัดจาก 3 ฤดูกาล ยิงได้ถึง 11 ประตูเลยทีเดียว ชื่อเสียงของ คาเซมิโร่ โด่งดังมากในวงการฟุตบอลอเมริกาใต้ เขาเป็นกองกลางตัวรับที่คอยตัดเกมคู่แข่งอย่างดุดัน พลังงานล้นเหลือ และคอยสอดขึ้นมาเติมเกมบุกอย่างถูกที่ถูกเวลาเสมอ จนได้ย้ายมาอยู่กับ เรอัล มาดริด ในเดือนมกราคมปี 2013 ซึ่งในครึ่งฤดูกาลแรกนั้น คาเซมิโร่ ลงเล่นให้ทีมชุดสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ ก่อนจะถูกปล่อยยืมไปที่ ปอร์โต้ เป็นเวลา 1 ฤดูกาลพร้อมกับพ่วงออปชั่นซื้อขาดในราคา 15 ล้านยูโร ชีวิตที่โปรตุเกสของ คาเซมิโร่ ราบรื่นสวยงามมาก ดาวเตะชาวบราซิลได้ลงสนามมากถึง 41 รวมทุกรายการ ยิงได้ 4 ประตู หนึ่งในนั้นคือการซัดฟรีคิกใส่ เอฟซีืบาเซิ่ล อย่างสุดสวยในถ้วยยุโรปอีกต่างหาก นั่นจึงทำให้ เรอัล มาดริด เปลี่ยนใจยอมควักเงิน 7.5 ล้านยูโร เพื่อดึงตัวเขากลับคืนสู่ทีม ซึ่งนั่นถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลยก็ว่าได้ เมื่อกลับมาอยู่กับราชันชุดขาว คาเซมิโร่ ค่อนข้างตะกุกตะกักอยู่ไม่น้อยในยุคของ ราฟาเอล เบนิเตซ เนื่องจากได้เล่นในบทบาทที่ไม่ถนัดหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็น ซีเนอดีน ซีดาน นั่นแหละครับ เขาถึงเริ่มเฉิดฉายและขึ้นมาเป็นห้องเครื่องคนสำคัญชนิดที่ทีมขาดไม่ได้เลยทีเดียว ความแตกต่างทางด้านแท็กติกของ ราฟา กับ ซีดาน คือการใช้งาน คาเซมิโร่ คนละบทบาทครับ ราฟา เลือกที่จะให้ดาวเตะชาวบราซิลวิ่งขึ้นลงทั้งรับและรุก แต่กับ ซีดาน แล้ว เขาอ่านเกมขาดมากกว่า กุนซือเฟร้นช์แมนมองเห็นจุดบกพร่องตรงพื้นที่กลางสนาม โดยเฉพาะการถูกคู่แข่งใช้เกมโต้กลับเร็ว โจมตีในจังหวะที่มิดฟิลด์คู่กลางลงมาตัดเกมไม่ทัน ดังนั้น ซีดาน จึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการส่ง คาเซมิโร่ มายืนเป็นตัวรับ ทำหน้าที่คอยชะลอเกมคู่แข่ง และปัดกวาดอยู่หน้ากองหลังโดยเฉพาะ แท็กติกนี้ของ ซีดาน ได้ผลดีเกินคาด คาเซมิโร่ ช่วยสร้างสมดุลในทีมอย่างไม่น่าเชื่อ เขาทำให้เกมรับของราชันชุดขาวแน่นขึ้นเยอะมาก การมีเขายืนปัดกวาดให้ในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ทำให้ โทนี่ โครส กับ ลูก้า โมดริช สามารถเดินเกมรุกได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพะวงเรื่องเกมรับ เช่นเดียวกับ เซร์คิโอ รามอส ที่ก็เล่นด้วยความอุ่นใจมากขึ้น เพราะมีคนช่วยสกรีนบอลให้ก่อน ความยอดเยี่ยมของ คาเซมิโร่ ได้รับคำชมจากทุกสารทิศ ขนาดกุนซือคู่แข่งอย่าง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่ปกติไม่ลมใครง่าย ๆ ยังต้องพูดถึงดาวเตะบราซิลเลยว่า เป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดในแง่การสร้างความสมดุลให้กับทีม คาเซมิโร่ ช่วยให้ผู้เล่นคนอื่นวิ่งกลับมาจัดกระบวนทัพได้ทันเวลา เป็นเหมือนเครื่องจักรตรงกลางสนามที่ช่วยให้ มาดริด เหนือกว่าทีมอื่น ๆ ในลีกทั้งที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปเล่นเกมรุกเลย คาเซมิโร่ อยู่กับราชันชุดขาวมานานเกือบ 10 ปี ลงสนามไปแล้วถึง 336 นัด ยิงได้ 31 ประตู ซึ่งเขาเคยทำประตู ยูเวนตุส ในนัดชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2017 ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์มากมายก่ายกองถึง 18 ใบเลยทีเดียว ปัจจุบัน คาเซมิโร่ อายุ 31 ปี และการตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งการเจรจาซื้อขายครั้งนี้ ทางด้าน เรอัล มาดริด เองไม่ได้มีความตั้งใจที่จะปล่อยตัว คาเซมิโร่ ออกจากทีมมาก่อน แต่ข้อเสนอจากปีศาจแดงก็เป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจจนปฏิเสธไม่ลง ส่วนในรายของ คาเซมิโร่ เองก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีของชีวิตในการจะออกเดินทางมาเล่นที่อังกฤษบ้างหลังจากประสบความสำเร็จมาจนล้นมือกับ เรอัล มาดริด ชื่อของ คาเซมิโร่ ไม่ได้เป็นตัวเลือกลำดับแรก ๆ เลยของปีศาจแดง แต่เนื่องจากการปิดดีล แฟรงกี้ เดอ ยอง ไม่สำเร็จ บวกกับตัวเลือกอื่นอย่าง อาเดรียน ราบิโอต์ ก็ไม่เข้าท่ามากสักเท่าไหร่ จึงทำให้สุดท้ายแล้ว คาเซมิโร่ จึงกลายมาเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพช่วงโค้งสุดท้ายก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง คาเซมิโร่ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับแบบรับแท้ ๆ เลย เป็นประเภทเดียวกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ฟาบินโญ่, โรดรี้ หรือ ดีแคลน ไรซ์ เรื่องความเก่งไม่ต้องพูดถึง เพราะนี่คือนักเตะที่เข้าใจศิลปะการเล่นกองกลางตัวรับอย่างแท้จริง เป็นตัวหลักของ มาดริด มายาวนานและเป็นตัวจริงของทีมชาติบราซิลอีกด้วย ในวัย 31 ปี คาเซมิโร่ ไม่ได้เป็นตัวเลือกลำดับแรก ๆ ที่ปีศาจแดงหมายปองเอาไว้เลย เราทุกคนรู้ดีว่า เอริค เทน ฮาก ทุ่มเวลาทั้งซัมเมอร์ไปกับดีลของ แฟรงกี้ เดอ ยอง แต่ในเมื่อสุดท้ายดีลนั้นไม่บรรลุผล บวกกับตัวเลือกอื่นรองลงมาอย่าง อาเดรียน ราบิโอต์ ก็ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ จึงทำให้สุดท้ายแล้ว ชื่อของ คาเซมิโร่ จึงกลายมาเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพช่วงโค้งสุดท้ายก่อนตลาดซื้อขายจะปิดตัวลงแทน การตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เม็ดเงิน 60 ล้านปอนด์ บวกแอดออนอีก 10 ล้านนั้น นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับแข้งวัย 30 แต่นั่นกลับกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้มในเวลาต่อมา คาเซมิโร่ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับขนานแท้ เขาเป็นนักเตะประเภทเดียวกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้, โรดรี้ หรือ ดีแคลน ไรซ์ เรื่องความเก่งไม่ต้องพูดถึง เพราะนี่คือนักเตะที่เข้าใจศิลปะการเล่นกองกลางตัวรับอย่างแท้จริง เป็นตัวหลักของ มาดริด มายาวนานและเป็นตัวจริงของทีมชาติบราซิลอีกด้วย การมาของ คาเซมิโร่ ช่วยให้ เทน ฮาก มีออปชั่นการเล่นในแดนกลางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้ยืนคู่กับ เฟร็ด ก็ได้ หรือจะให้ยืนคู่กับ คริสเตียน อีริกเซ่น ก็ลงตัวลงล็อค การมีกองกลางตัวรับนานแท้และอยู่ในระดับโลกแบบนี้มาร่วมทัพ นอกจากจะช่วยให้แดนกลางแกร่งขึ้นแล้ว ยังทำให้แนวรับมีงานที่เบาลงอีกด้วย คาเซมิโร่ อาจไม่ใช่นักเตะที่มีลีลาหวือหวา หรือมีสไตล์วูบวาบแบบ ปอล ป็อกบา ก็จริง แต่ความเรียบง่ายและความทุ่มเทเกินร้อยในสนามของเขา คือสิ่งสำคัญที่เกมแดนกลางของปีศาจแดงขาดหายไปในช่วงหลายปีหลังมานี้ 35 นัด 5 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์จากทุกรายการคือโบนัสที่ปีศาจแดงได้มาจากนักเตะคนนี้ เหมาสองเม็ดใส่ เรดดิ้ง ใน เอฟเอ คัพ, แอสซิสต์ให้ บรูโน่ ทำประตูตีเสมอในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้, เป็นคนตีเสมอ เชลซี นาทีที่ 90+4 และล่าสุดทำประตูให้ทีมขึ้นนำ นิวคาสเซิ่ล ในรอบชิงถ้วยคาราบาว คัพ ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ได้ในที่สุด บนวัย 31 ปี คาเซมิโร่ คือคีย์แมนคนสำคัญของปีศาจแดง คือดีลที่คุ้มค่าทุกเพนนี และยังเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทีมตามหามานานอีกด้วย
